บทที่ 532 ทางออก
บทที่ 532 ทางออก
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นเขากลับมา ก็เอ่ยตอบว่า “ฉันจะไปเดินดูในละแวกใกล้ ๆ นี้ เพื่อสำรวจภูมิประเทศโดยรอบสักหน่อยน่ะ”
หญิงสาวเงียบลงครู่หนึ่ง “หากว่าคุณมีข้อมูลเกี่ยวกับสภาพดินฟ้าอากาศของพื้นที่ตรงนี้ ช่วยสำเนาข้อมูลให้ฉันสักชุดนะ”
เสิ่นอี้โจวยกมุมปากขึ้น “ข้อมูลผมมีอยู่ เดี๋ยวจะจัดการให้คุณนะ”
เขาหันกลับมา “ไปเถอะ ผมไปเป็นเพื่อน แล้วจะอธิบายให้คุณฟังระหว่างทางเอง”
การมีเสิ่นอี้โจวเดินไปด้วยกันนั้นทำให้เซี่ยชิงหยวนมีความสุขไปโดยปริยาย หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่เขินอาย “งั้นไปกันเถอะ”
ทั้งสองเดินไปตามทาง ก่อนเดินต่อไปตามริมคันนา และได้พบเข้ากับชาวนาท้องถิ่นคนหนึ่งหลังจากเดินมาได้ครึ่งทาง
ชาวนาเฒ่าพยักหน้าอย่างสุภาพให้กับทั้งสองคน และเมื่อเขาได้ยินว่าพวกเขามาสำรวจดูพืชผล จึงออกปากอาสา “เดี๋ยวผมพาพวกคุณไปดูเอง”
เสิ่นอี้โจวเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ชาวนาเฒ่านำพวกเขาไปและหยุดเป็นจุด ๆ เพื่ออธิบายให้พวกเขาฟัง เซี่ยชิงหยวนเองนั้นตั้งใจฟังอย่างมาก
อำเภอรุ่ยมีภูมิอากาศแบบมรสุมกึ่งร้อนชื้น โดยมีการกระจายตัวของดินประเภทต่าง ๆ ในแนวตรง มีที่ราบ และมีภูเขา อีกทั้งในฤดูหนาวก็ไม่ได้หนาวจัด ฤดูร้อนก็ไม่ได้ร้อนอบอ้าว ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ปริมาณความร้อน ตลอดจนปริมาณน้ำฝนนั้นมีเพียงพอ ไม้ดอกออกดอกทุกฤดูกาล ไม้ผลออกผลตลอดทั้งปี นับว่าเป็นเรือนกระจกเพาะปลูกพืชตามธรรมชาติขนาดใหญ่
นอกจากจะเหมาะสำหรับการปลูกข้าวแล้ว ยังสามารถปลูกพืชได้หลากหลาย เช่น อ้อย ข้าวโพด ผักต่าง ๆ มันแกว ผักผลไม้ประเภทแตง กาแฟ ยาสูบ และยางพารา เป็นต้น
เซี่ยชิงหยวนเมื่อได้รับฟังถ้อยคำจากชาวนาเฒ่าแล้ว ความกังวลในใจก็ลดลงไปกว่าครึ่ง
อำเภอรุ่ยนี้คือขุมสมบัติขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบแท้ ๆ!
หากไม่ใช่เพราะที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และเส้นทางการคมนาคม ไหนเลยจะยังติดอยู่ในหล่มกำลังพัฒนาเช่นนี้?
ชาวนาเฒ่ากล่าวในตอนท้ายว่า “พวกคุณเป็นคนดีมากที่เข้ามาช่วยเหลือพวกเรา ลูกชายของผมเข้าไปในภูเขาแล้วเสียชีวิตไปแล้ว ลูกสะใภ้เองก็หนีไป ที่บ้านจึงเหลือแค่ผมและภรรยาที่ดูแลเลี้ยงหลานเท่านั้นเอง”
นิ้วที่มีรอยย่นและรอยแตกของเขาชี้ไปรอบ ๆ “หลังภูเขาลูกใหญ่นี้ ยังมีหมู่บ้านมากมายและที่ดินอีกไม่น้อย เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ยังไง”
เขาเอ่ยพลางปาดน้ำตา
เมื่อเสิ่นอี้โจวได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็พลันหนักอึ้งขึ้นมา ก่อนเอ่ยปลอบใจว่า “คุณตา ขอบคุณที่ไว้วางใจเรานะครับ พวกคุณจะมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน”
ทั้งสองกล่าวอำลาชายชรา พลางยืนอยู่บนสะพานเล็ก ๆ ข้างคูน้ำเล็ก ๆ ซึ่งสร้างจากไม้ไผ่และมีความยาวราวหนึ่งหรือสองเมตร มองดูน้ำที่ไหลเชี่ยวและเป็นฝ่ายเซี่ยชิงหยวนที่เอ่ยขึ้นมาก่อน
“ฉันเองไม่ค่อยเข้าใจเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่พวกคุณทำมากนัก แต่ฉันมีความคิดหนึ่งขึ้นมาว่า สินค้าทางการเกษตรส่วนหนึ่งที่ผู้คนที่นี่ผลิตได้ สามารถขนส่งไปยังกองทัพได้ไหมคะ?”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวเป็นประกาย “วันนี้เราก็เพิ่งหารือกันถึงปัญหานี้เอง นี่เป็นทางออกที่ดีจริง ๆ”
เสบียงของกองทัพโดยปกติแล้วจะแบ่งออกเป็นเสบียงทางตรงและทางอ้อม และอำเภอที่มีเขตติดต่อกับเขตชายแดนหลายแห่งเหมือนอย่างอำเภอรุ่ย ส่วนใหญ่สามารถนำแนวทางนี้มาปรับใช้ได้
เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนที่นี่จะปลูกพืชผลเองบ้างเป็นบางครั้ง ทว่าเพียงหน้าที่ดูแลปกป้องรักษาชายแดนก็หนักหนาเกินไปสำหรับพวกเขาแล้ว แม้มีความตั้งใจแต่ไร้ซึ่งกำลัง
หากผลผลิตของคนในท้องถิ่นถูกขายให้กับกองทัพ พวกเขาก็ไม่ต้องขนส่งออกไปขายนอกภูเขา ค่าตอบแทนที่ได้รับก็จะเป็นไปอย่างสอดคล้องกัน ซึ่งถือเป็นข้อตกลงทางการค้าที่คุ้มค่ามากสำหรับประชาชน ทั้งยังเป็นการรับประกันเรื่องเสบียงของกองทัพด้วย เท่ากับได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
เมื่อประชาชนมีเงินอยู่ในมือ ถนนหนทางก็กำลังก่อสร้าง ย่อมทำให้เกิดช่องทางอุปโภคบริโภค ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้น
เซี่ยชิงหยวนกล่าวต่อว่า “สำหรับพืชผลเช่นยางพาราและยาสูบ เราสามารถหาชาวบ้านมาปลูกของพวกนี้ได้ ฉันจะหาพ่อค้าส่งมาเอง ตราบใดที่คุณภาพดี ยังไงก็ขายได้ค่ะ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าซ้ำ ๆ “งั้นเดี๋ยวผมจะจัดคนให้ไปหารือเรื่องนี้กับผู้ที่รับผิดชอบด้านการจัดหาเสบียงสำหรับกองทัพเอง”
เซี่ยชิงหยวนดึงแขนเสื้อของเขาราวกับจะยึดความดีความชอบไว้คนเดียว “ฉันนำเมล็ดพันธุ์พืชมาเยอะมาก ๆ เลยด้วย ทั้งหมดนี่เป็นคำแนะนำของศาสตราจารย์เติ้งน่ะ”
เสิ่นอี้โจวอุ้มภรรยาขึ้นมาและหมุนตัวไปรอบ ๆ อย่างมีความสุข “ชิงหยวน ตั้งแต่คุณมาที่นี่ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ดีขึ้นทั้งนั้นเลย”
เซี่ยชิงหยวนกลัวมากจนกอดคอของเขาไว้แน่นพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ซึ่งโชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนี้
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้บนบ้านไม้ไผ่ หญิงสาวจึงฟาดเข้าที่ไหล่ของผู้เป็นสามี “ระวังหน่อยนะ เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะ อาการบาดเจ็บของคุณเองก็ยังไม่หายดีเลย!”
เสิ่นอี้โจวโอบแขนของเขาไว้รอบเอวของเธอ ก่อนจะส่งฝ่ามือใหญ่บีบไปยังสะโพกของภรรยาอย่างรวดเร็ว “อาการบาดเจ็บเล็กน้อยนี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกน่า”
เซี่ยชิงหยวน “!”
ใบหน้าขาวใสของเธอพลันขึ้นสีระเรื่อ “เสิ่นอี้โจว!”
เสิ่นอี้โจวหัวเราะออกมาเสียงดัง เป็นเสียงหัวเราะสดใสที่ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก
พยับเมฆอันมืดครึ้มซึ่งปกคลุมอยู่เป็นเวลากว่าครึ่งปีหลังจากย้ายออกมาจากมณฑลอวิ๋นได้สลายหายไป ราวกับว่ามีแสงเรืองรองสาดส่องลงมา ม่านหมอกเปิดออก พยับเมฆนั้นจึงมลายไป
ในขณะที่สามีภรรยากำลังอิงแอบแนบชิด ก็มีคนรีบวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา “ผู้อำนวยการเสิ่นครับ มีเด็กคนหนึ่งที่เป็นตะคริวจนกัดลิ้นตัวเองครับ!”