บทที่ 529 ภารกิจ
บทที่ 529 ภารกิจ
ที่นี่เด็กอายุมากที่สุดดูแล้วมีอายุไม่เกินเจ็ดหรือแปดขวบ ส่วนเด็กที่อายุน้อยที่สุดมีอายุเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เด็กทารกถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของเด็กโต
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลินั้นอากาศยังค่อนข้างหนาวเย็นอยู่ ทว่าพวกเขาสวมเพียงเสื้อผ้าบาง ๆ ทั้งยังไม่พอดีตัว ดูเหมือนเป็นเสื้อผ้าที่ผู้ใหญ่ใส่มาหลายปี ก่อนจะนำมาตัดเย็บให้พวกเขา แต่ไม่พอดีตัวจึงทำให้ห้อยลงมาจากร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น มีเด็กชายสองคนอายุราวสามหรือสี่ขวบซึ่งตัวเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยสักชิ้น
เด็ก ๆ เดินเท้าเปล่า เสื้อผ้าของพวกเขาเปื้อนคราบสกปรกสีหม่น เช่นเดียวกับใบหน้าเล็ก ๆ และบางคนก็มีน้ำมูกไหลย้อยเลอะเทอะ พอน้ำมูกกำลังจะไหลเข้าปากก็รีบสูดจมูกทันที
แม้ว่ารูปลักษณ์ของพวกเขาจะดูน่าตกใจจนพูดไม่ออก ทว่าดวงตาทุกคู่นั้นกลับสดใสและบริสุทธิ์
เซี่ยชิงหยวนมองเห็นความประหลาดใจ ความตื่นกลัว และความปรารถนาในนั้น
เธอหันกลับไปหาเสิ่นอี้หลิน แล้วกล่าวว่า “อี้หลิน ไปหยิบพวกลูกกวาดลูกอมในบ้านมาสักกำมือนะ พร้อมกับกระดาษหนึ่งแผ่นด้วย”
เสิ่นอี้หลินตอบรับทันที “ครับ”
จากนั้นก็รีบไปวิ่งขึ้นไปบนบ้านไม้ไผ่
ก่อนเขาจะลงมาพร้อมกับของทั้งสองอย่างตามที่เซี่ยชิงหยวนกล่าวบอก
เซี่ยชิงหยวนหยิบลูกกวาดมาและแบ่งให้เด็กคนละสองอัน ส่วนเด็ก ๆ ทารกที่อายุเพียงไม่กี่เดือน เซี่ยชิงหยวนบอกกับพี่น้องของพวกเขาว่า “เขายังเด็กเกินไป ยังกินไม่ได้นะ ไม่งั้นจะสำลัก”
เด็ก ๆ ถือลูกกวาดไว้ในมือพลางมองกันไปมองกันมาอย่างเปี่ยมด้วยความสุข!
เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งสวยงามและมีกลิ่นหอมหวานเช่นนี้มาก่อน
แต่จากคำพูดของเซี่ยชิงหยวน พวกเขาจึงพอรู้ว่ามันคืออาหาร
เด็กชายคนหนึ่งซึ่งมีความกล้ากว่าคนอื่นเอ่ยขึ้นด้วยภาษาของชนเผ่าไตว่า “ขอบคุณนะครับพี่สาว!”
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วโยนลูกกวาดเม็ดหนึ่งในมือเข้าปากทั้งกระดาษห่อ
ก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะพูดอะไร เสิ่นอี้หลินก็รีบตะโกนออกมาว่า “กระดาษห่อลูกกวาดกินไม่ได้!”
เด็กคนนั้นตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นกะทันหันของเสิ่นอี้หลินจนเกือบจะสำลัก เขาไอออกมาอย่างรุนแรงทันที
เด็กชายรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง และรีบก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา
เขาถือลูกกวาดไว้ในมือ ทว่าเขาไม่กล้ากินมันอีก จากนั้นจึงมองไปยังเซี่ยชิงหยวนตาปริบ ๆ
เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นเขาแบบนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดก็พลันอัดแน่นอยู่ในอก
เด็กพวกนี้คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกกวาดคืออะไร
เธอมองดูลูกกวาดบนมือของเขา ซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำลายและเศษดินแล้วเอ่ย “อันนี้สกปรกแล้ว กินไม่ได้นะ”
เด็กชายสั่นศีรษะ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองราวกับว่าเขาทำความผิด “เอาไปล้างน้ำก็ได้แล้วครับ”
คำพูดเหล่านั้นทำเอาเซี่ยชิงหยวนเงียบไปชั่วครู่
เธอสามารถทิ้งลูกกวาดเม็ดนี้ไปและมอบอันใหม่ให้เขาได้
แต่หากทำเช่นนี้ เด็กคนนี้ก็ยังจะจำลูกกวาดเปื้อนดินนี้แบบไม่มีวันลืม
ดวงตาของหญิงสาวพลันแดงก่ำ เธอเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ช่วยล้างแล้วกัน”
พอได้ยินดังนั้น เสิ่นอี้หลินก็ก้าวไปก่อนเซี่ยชิงหยวนหนึ่งก้าว ก่อนจะวิ่งไปยังห้องครัวเพื่อตักน้ำมาหนึ่งกระบวย และช่วยล้างลูกกวาดให้สะอาด
เซี่ยชิงหยวนหยิบลูกกวาดที่เปียกมาและลอกห่อกระดาษออกอย่างระมัดระวัง บางส่วนของลูกกวาดสีส้มกึ่งใสข้าง บางส่วนในกระดาษห่อนั้นโดนน้ำจึงละลายไป
หญิงสาวไม่ได้สนใจสิ่งสกปรก เธอวางลูกกวาดชิ้นเล็กบนฝ่ามือของตัวเอง แล้วเอ่ยเบา ๆ “นี่เรียกว่าลูกกวาด มีรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ กระดาษที่ห่อไว้ด้านนอกนี้มีเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก ไม่สามารถกินได้ เวลากินก็อมลูกกวาดไว้ในปากแล้วปล่อยให้มันละลายในปาก จะกลืนลงไปทันทีไม่ได้นะ เพราะอาจจะทำให้ติดคอได้”
เด็ก ๆ เมื่อได้ฟังก็เข้าใจ และแกะกระดาษห่อลูกกวาดออกตามที่เซี่ยชิงหยวนทำเมื่อครู่
เด็กชายมองเซี่ยชิงหยวนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พลางเอ่ย “ผมกินมันได้ไหมครับ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนจ้ะ”
ด้วยเหตุนี้ เด็กชายจึงหยิบลูกกวาดขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปากของเขาภายใต้สายตาอันอ่อนโยนของเซี่ยชิงหยวน
ทันทีที่ลิ้นได้สัมผัสกับลูกกวาดและลองดูดอย่างแรง รสหวานอมเปรี้ยวก็พลันกระจายไปทั่วโพรงปาก เด็ก ๆ มีความสุขมากจนอดรนทนไม่ไหว กลืนน้ำลายรสเปรี้ยวหวานอย่างมีความสุข
เด็กบางคนคายลูกอมออกมาถือไว้ในมือ หลังจากเลียส่วนน้ำเชื่อมข้างบนจนเกลี้ยงแล้วก็แลบลิ้นออกมาแล้วค่อย ๆ เลียลูกกวาดทีละนิด ๆ ด้วยไม่อยากให้ลูกกวาดหมดไป
เซี่ยชิงหยวนมองภาพตรงหน้า ไม่แน่ใจว่าการมอบลูกกวาดให้พวกเขานั้นเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่
ด้วยเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ทั้งยังได้มาเพราะคนอื่นเป็นคนให้เท่านั้น หากพวกเขาคิดถึงรสชาตินี้ขึ้นมาอีกในอนาคต พวกเขาจะพยายามขวนขวายมาให้ได้ด้วยตัวเองหรือไปโวยวายกับพ่อแม่กันนะ?
เสิ่นอี้โจวซึ่งออกมาจากห้องครัวก็เห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน ชายหนุ่มอุ้มเสิ่นทิงหลานออกมาแล้วไปยืนเคียงข้างเซี่ยชิงหยวน จากนั้นจึงเอ่ยว่า ”พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าในโลกนี้มีของอร่อยเช่นลูกกวาดนี้อยู่น่ะ การถ่ายทอดให้พวกเขารู้ถึงโลกที่อยู่นอกภูเขาลูกนี้ นำพวกเขาให้มุมานะบากบั่นไปในทางที่ถูกต้อง และพาพวกเขาออกจากภูเขาลูกนี้ รวมถึงพัฒนาพื้นห่างไกลนี้ให้ดี คือหน้าที่และภารกิจของเรา”