บทที่ 520 ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
บทที่ 520 ไม่ให้เกิดขึ้นอีก
เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับถึงบ้าน ทั้งคู่ตกลงกันทางสายตาโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงการไปภูเขาตอนนี้
พวกเขาทั้งสองนั่งกอดกัน มองดูลูก ๆ ที่กำลังหลับอยู่และพูดคุยเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของตัวเอง
ในตอนท้ายเสิ่นอี้โจวถอนหายใจและพูดว่า “ผมทำให้ทุกคนพลอยติดร่างแหไปด้วย”
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะเบา ๆ พลางพิงไหล่กว้างของสามีแล้วพูดว่า “เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยได้ยังไงล่ะ?”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “ถ้าคุณอยากขอโทษฉันจริง ๆ งั้นพาฉันและลูก ๆ ไปที่นั่นด้วยก็พอค่ะ”
แน่นอนว่าเสิ่นอี้โจวมีสีหน้าไม่พอใจทันที
นิ้วเรียวของเขาบีบไหล่ของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “ทำไมผมจะไม่อยากอยู่กับคุณทั้งวันทั้งคืนล่ะ? เพียงแต่สภาพแวดล้อมของที่นั่นยากลำบากเกินไปและลูก ๆ ของเราก็ยังเล็ก ผมไม่อยากให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนั้น”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “เดือนหน้าลูกของเราจะอายุครบร้อยวันแล้วนะ คุณไปที่นั่นก่อน แล้วพอลูก ๆ ของเราโตขึ้นอีกสักสองเดือน ฉันจะพาพวกเขาไปหาคุณ ตกลงไหม?”
หลังจากนั้นเธอกอดไหล่เขาแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ฉันอยากอยู่กับคุณไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ดังนั้นอย่าคิดจะทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวเด็ดขาดนะ”
ด้วยการกอดของภรรยาที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม ในที่สุดเสิ่นอี้โจวก็พบว่ามันยากที่จะปฏิเสธ
เขาตอบว่า “ผมแค่กลัวว่าคุณจะลำบาก”
เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นโกรธและจ้องมองเขา “คุณมีสิ่งที่คุณต้องการทำ และฉันก็มีสิ่งที่ฉันอยากจะปกป้อง เพราะงั้นคุณจะตามใจฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?”
จนสุดท้ายเสิ่นอี้โจวก็คลี่ยิ้มและจูบหน้าผากภรรยาอย่างแผ่วเบา “เอาละ ครอบครัวเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
เซี่ยชิงหยวนแนบอิงเขาแล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจหลังจากได้ยิน
หลังจากมีชีวิตใหม่ อำนาจอิทธิพล ความมั่งคั่ง หรือเกียรติยศนั้นไม่ได้สำคัญสำหรับเธอ และการทำธุรกิจก็ไม่มีอะไรมากไปกว่างานอดิเรก
การดูแลลูก ๆ และเขาคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอต่างหาก
…
คำสั่งโอนย้ายของเสิ่นอี้โจวมาอย่างรวดเร็ว
อาทิตย์หน้าก็ได้เวลาที่เขาจะออกเดินทางไปยังพื้นที่ปฏิบัติงานในถิ่นธุรกันดารแล้ว
บ้านในเขตที่พักอาศัยอยู่ปัจจุบัน พวกเขาจะต้องย้ายออกก่อนเสิ่นอี้โจวออกเดินทางด้วย
อันที่จริงการที่เสิ่นอี้โจวรักษาตำแหน่งเดิมไว้ได้ก็ไม่ควรถอนบ้านออกไป แต่ไป๋อวิ๋นหลี่เข้ามาแทรกแซง และเสิ่นอี้โจวก็ไม่มีเจตนาที่จะต่อสู้ต่อ ดังนั้นมันจึงเป็นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ
เซี่ยชิงหยวนก็พูดเหมือนกันว่า “อีกเดี๋ยวเราก็ตามคุณไปแล้ว เราจะมัวยึดติดกับที่นี่ไปอีกทำไมกันล่ะ? มีคนมากมายในที่พักอาศัยและฉันขี้เกียจเกินกว่าจะจัดการกับพวกเขาด้วย ฉันไม่อยากให้พวกเขามองฉันด้วยความเห็นอกเห็นใจหรอกนะ”
ฉู่ซิงอวี่ได้หาบ้านที่มีสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นให้เซี่ยชิงหยวนเช่าข้างนอกในระหว่างที่รอเปลี่ยนผ่าน
เซี่ยชิงหยวนจัดการให้ป้าอู๋และคนอื่น ๆ เก็บข้าวของ จากนั้นเธอจึงหันกลับไปที่ห้องหนังสือเพื่อจัดการรายการที่ยังเขียนไม่เสร็จต่อไป
เซี่ยชิงหยวนเขียนอย่างละเอียด โดยเน้นไปที่การบริหารจัดการงานของ ‘ตรอกเก่า’และ ‘ยามต้องมนต์’ ว่าคนที่นี่ควรทำงานอย่างไรหลังจากที่เธอจากไป
หลังจากเหตุการณ์นี้ ป้าอู๋ก็ตัดสินใจลาออกจากที่ทำการมณฑลและไปดูแลร้านตรอกเก่าให้กับเซี่ยชิงหยวน
สำหรับร้านยามต้องมนต์ เซี่ยชิงหยวนมอบความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับอาเซียง
ส่วนแบรนด์ของ ‘ยามต้องมนต์’ ในการซื้อกิจการโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงที่กว่างโจว เธอขอให้เหล่าไต้ติดตามผล
ว่ากันว่าสถานที่ที่เสิ่นอี้โจวกำลังจะไปไม่มีโทรศัพท์ด้วยซ้ำ ถ้าเธอจะติดต่อหาใครต้องไปที่อำเภอเมืองเพื่อโทรออกเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงขอให้พวกเขาเตรียมรายงานสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ที่ธุรกิจถนนร้านตรอกเก่าเฟื่องฟู เซี่ยชิงหยวนก็ตัดสินใจซื้อร้านค้าใกล้เคียงเพื่อขยายขนาดของร้านไว้ด้วย
อาจารย์ค่งเป็นผู้ที่ได้รับการว่าจ้างให้ตกแต่งร้าน ในช่วงนี้ร้านตรอกเก่าจึงถูกปิดชั่วคราวเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน
เซี่ยชิงหยวนเขียนอย่างละเอียด และเมื่อเธอรู้สึกตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว
ตารางการเดินทางของปี่เหลาซานเองก็ล่าช้า เนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี้
ตอนนี้ครอบครัวของเซี่ยชิงหยวนกำลังจะย้ายออกไป เขาและปี่ฟู่หมานไม่ต้องการรบกวนเธออีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงดึงเซี่ยชิงหยวนมาพูดคุยกันมากมายก่อนออกเดินทางทันที
ใบหน้าชราของเขามีรอยย่นเหมือนดอกเบญจมาศ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “ตอนเธอไปทิเบตเพื่อแสวงบุญให้เขา ฉันรู้สึกเศร้าใจมาก และตอนนี้เธออยากจะติดตามเขาไปยังสถานที่แบบนั้นอีกเหรอ? แล้วดูลูก ๆ เธอที่บอบบางขนาดนี้สิ เด็ก ๆ จะทนทุกข์ทรมานในสถานที่แบบนั้นได้ยังไง?”
“โชคดีที่เธอขอให้ฉันเอาหยกทั้งหมดออกไปแยกเก็บไว้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีของขวัญหมั้นและสินสอดในอนาคตของเด็ก ๆ ด้วยซ้ำ”
หลังจากได้ยินคำพูดของชายชรา เซี่ยชิงหยวนมีความสุขอย่างมาก “อาจารย์คะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับอาจารย์ค่ะ”
เธอหยุดชั่วคราวและพูดต่อ “อาจารย์พูดก่อนหน้านี้ว่ารู้จักคนที่น่านับถือมากมายใช่ไหมคะ?”
ปี่เหลาซานเริ่มตื่นตัว “เธอคิดจะทำอะไร?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “แน่นอนค่ะ ฉันอยากจะยืมเส้นสายของอาจารย์หน่อย”
หญิงสาวหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและอธิบายแผนของเธอ “ในอนาคตการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ช่องทางการหาวัสดุและขั้นตอนการอนุมัติงานแต่ละขั้นก็เป็นปัญหา”
“เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อาจารย์ช่วยฉันเขียนรายชื่อคนที่เกี่ยวข้องหน่อยได้ไหมคะ?”
เธอพูดเสริม “ไม่ต้องกังวลนะคะ การช่วยเหลือนี้ไม่ได้ให้ช่วยเปล่าอย่างแน่นอนและจะได้รับการตอบแทนค่ะ”
ปี่เหลาซานกำลังจะจากไป ความรู้สึกไม่เต็มใจถูกเซี่ยชิงหยวนทำให้จางหายในทันที เคราของเขาสั่นเทา “ฉันกำลังรู้สึกเสียใจแทนเธออยู่ที่นี่ แต่เธอเอาแต่คิดสนับสนุนผู้ชายของตัวเองเนี่ยนะ!”
หลังจากพูดแบบนี้ เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธและกำลังจะจากไป
แต่หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวและเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ได้ไล่ตาม เขาก็หันหลังกลับด้วยความโกรธ หยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาและพูดด้วยความไม่เต็มใจ “ก็ได้! แต่นี่ถือว่าฉันทำเพื่อศิษย์หลานทั้งสองของฉันนะ!”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ขอบคุณค่ะอาจารย์! ฉันรู้ว่าอาจารย์ดีที่สุด!”
ใบหน้าแก่ของปี่เหลาซานแทบจะทนไม่ได้และพูดว่า “ตกลง ตกลง เธอดูแลตัวเองและดูแลลูก ๆ ของเธอให้ดีด้วย แต่หากเธอทนไม่ไหวก็บอกฉันมาทันที ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ฉันสามารถขอให้น้องชายของเธอพาเธอกลับมาได้ทุกเมื่อ!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ปลายจมูกของเซี่ยชิงหยวนพลันเจ็บชื้นขึ้นมา
เธอสะอึกสะอื้นก่อนจะโผเข้าไปกอดปี่เหลาซาน “อาจารย์…”
ปี่เหลาซานหน้าแดงและรู้สึกไม่สบายใจ เขาลูบศีรษะของลูกศิษย์และรู้สึกเศร้า “ฉันเพิ่งพบศิษย์พี่ใหญ่ของเธอแท้ ๆ และคิดว่าในที่สุดเราก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ตอนนี้กลับไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาเลย ฉันปลอบใจตัวเองว่ายังมีเธอกับฟู่หมาน แต่ในชั่วพริบตาเธอก็ต้องติดตามเสี่ยวเสิ่นไปยังสถานที่ห่างไกลในชนบทอีกครั้ง…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ปี่เหลาซานก็ขมขื่น “เมื่อเด็ก ๆ เป็นหนี้ ผู้ปกครองก็เป็นหนี้เช่นกัน”
เซี่ยชิงหยวนเศร้าใจอย่างยิ่งและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะกลั้นไว้ “อาจารย์คะ ฉันสัญญาว่าเราจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ คุณจะต้องรักษาตัวให้ดี ทำให้สุขภาพแข็งแรงรอเรากลับมานะ!”
เธอจะไม่ปล่อยให้ความเสียใจแบบเดิมของชาติที่แล้วเกิดขึ้นอีกในชีวิตนี้เด็ดขาด!