บทที่ 519 กระจายอำนาจ
บทที่ 519 กระจายอำนาจ
มีคนสองกลุ่มมาจากเมืองหลวง
กลุ่มหนึ่งมาหนุนหลังไป๋อวิ๋นหลี่ และอีกกลุ่มหนึ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการปกป้องเซี่ยเจิ้งและคนอื่น ๆ
ผู้มาเยือนบางคนมาโน้มน้าวเสิ่นอี้โจว “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน สิ่งที่ผมพูดข้างต้นคือการถอยไปก่อน แล้วจากนั้นเราค่อยมาคุยกันอีกที”
เสิ่นอี้โจวไม่เห็นด้วย “ถ้าเราถอยในครั้งนี้ มันจะไม่เป็นการบอกกับทุกคนเหรอว่ามีสิ่งผิดปกติกับแผนนี้น่ะ? เราทุ่มเทความพยายามมากกับแผนนี้ ผ่านการอนุมัติหลายชั้นก่อนที่จะได้รับการอนุมัติในที่สุด ถ้าเราถอยในครั้งนี้ เราจะคาดหวังกับการเริ่มต้นใหม่ได้ยังไง?”
เซี่ยเจิ้งลากร่างที่ป่วยของเขามาด้วยสีหน้าซีดเซียวและพูดว่า “ผมเห็นด้วยกับแผนของเสี่ยวเสิ่น สำหรับผม ต่อให้เรื่องนี้จะทำให้ผมเสียหน้าที่การงานไป ผมก็ยินดียอมรับมัน”
เมื่อเห็นว่าพวกเขามุ่งมั่นแค่ไหน ผู้มาเยือนจึงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ทำไมพวกคุณถึงเป็นแบบนี้นะ? ต้องดื้อดึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
เขาถอนหายใจอีกครั้ง “แต่ก็เอาเถอะ การมีกลุ่มคนอย่างพวกคุณก็นับได้ว่าเป็นพรแก่ประชาชนจริง ๆ ผมจะร่วมสู้ไปกับพวกคุณก็แล้วกัน ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ก็ตาม เราจะทำให้ดีที่สุด ส่วนที่เหลือให้สวรรค์เป็นคนกำหนดแล้ว”
อย่างไรก็ตาม หลังจากถกเถียงกันหลายครั้งในเรื่องนี้ก็ได้ข้อสรุปสุดท้าย ว่าเนื่องจากผู้นำหลายคนของสำนักงานมณฑลพยายามส่งเสริมแผนนี้อย่างเต็มที่ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดำเนินการเรื่องนี้เพียงแค่อยู่สั่งการที่หลังเก้าอี้เท่านั้น คนที่สนับสนุนแผนการนี้จะต้องส่งตัวแทนไปปฏิบัติตามแผนนี้ในภาคสนามด้วย
ความคิดของกลุ่มไป๋อวิ๋นหลี่ไม่ได้ถูกปิดบังอีกต่อไป หากการจัดฉากวางหลุมพรางล้มเหลว งั้นก็แยกอำนาจของอีกฝ่ายให้กระจายกันออกไปคนละทิศละทางซะ
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้นและพูดว่า “ในเมื่อผมเป็นคนเสนอแผนนี้ตั้งแต่แรก ถ้างั้นก็ให้ผมไปเองก็แล้วกัน”
ชั่วครู่หนึ่งทั้งมณฑลอวิ๋นก็ตกตะลึง
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินเรื่องนี้ขณะนั่งอยู่ที่บ้านของเฟิงหว่าน เธอก็ไม่ได้ขมวดคิ้วด้วยซ้ำ
เฟิงหว่านถอนหายใจ “เลขาธิการเสิ่นของคุณสับสนมากหรือยังไง! คุณจะได้กลับมาจากการเดินทางครั้งนี้เมื่อไหร่กัน นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณเดินเข้าไปติดกับดักของคนพวกนั้นเองเลยเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนจิบชาแล้วพูดว่า “ฉันเชื่อใจเขาค่ะ”
ตอนนี้เฟิงหว่านกังวลมาก “นี่ไม่ใช่ประเด็นว่าคุณเชื่อใจเขาหรือไม่ คุณรู้ไหมว่าเลขาธิการเสิ่นกำลังจะไปที่ไหน? เขากำลังจะไปในที่ที่มีแต่ภูเขาไม่มีถนน คุณยังคงคาดหวังให้เขาประสบความสำเร็จอีกเหรอ?”
“นี่ไม่ใช่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกสิบหรือยี่สิบปีหรือไงกว่ามันจะสำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะต้องอยู่ที่นั่นทั้งชีวิต!”
เธอลดเสียงลง “พูดตรง ๆ นะคะ อะไรคือความแตกต่างระหว่างสิ่งนี้กับการอุทิศตนแบบในสมัยก่อนกัน?”
หลังจากได้ยินเช่นนี้เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้ม
เธอยื่นมือออกไปและตบหลังมือของเฟิงหว่านให้ไม่ต้องกังวล “ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นแค่เรื่องเงินใช่ไหมล่ะ? ถ้าเขาขาดเงิน ฉันจะให้เงินสนับสนุนเขา ถ้าเขาขาดเส้นสาย ฉันจะหามันให้เขา ส่วนผู้สนับสนุน เขามีมันเองอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะใช้มันหรือไม่”
ศาสตราจารย์เติ้งสอนมาตลอดชีวิต และลูกศิษย์ของเขามีอยู่ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังมีปี่เหลาซานด้วย เขาเดินทางท่องไปทั่วประเทศมาหลายปีและได้พบกับผู้คนมากมาย ทั้งคนธรรมดายันไปถึงผู้มีอำนาจ
ท้ายที่สุดเกี่ยวกับผู้สนับสนุนของเสิ่นอี้โจว เธอได้ยินเขาเคยพูดถึงว่าเพราะแม่เฒ่าเสิ่น ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนในเมืองหลวงเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวของเขา
พูดตามตรง เธอชอบใช้ชีวิตแบบชนบทที่ไร้กังวลมากกว่าในเมืองใหญ่ที่มีต้นไม้สีเขียวและกำแพงสีแดงของเขตที่พักอาศัย
เมื่อเร็ว ๆ นี้เธออ่านหนังสือเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์พืชและอุตสาหกรรม และกำลังคิดที่จะนำเรื่องนี้ไปทำจริง
คงจะมีความสุขไม่น้อยหากได้เลี้ยงไก่และเป็ดที่บ้านกับเสิ่นอี้โจว เริ่มต้นธุรกิจใหม่ด้วยกัน
เฟิงหว่านมั่นใจขึ้นเมื่อเธอเห็นเซี่ยชิงหยวนมีท่าทางแบบนี้
เธอถอนหายใจ “โชคดีนะที่เลขาธิการเสิ่นได้แต่งงานกับคุณ ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงร้องไห้จนตายไปแล้วแน่ๆ”
จะมีภรรยาข้าราชการในเมืองสักกี่คนที่ยอมติดตามผู้ชายของเธอเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่กันดารแบบนั้น
เซี่ยชิงหยวนยิ้มบาง ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ฉันต้องกลับไปเก็บข้าวของของฉันแล้ว และต้องไปสั่งงานให้กับลูกน้องของฉัน เพื่อจะได้สานต่อธุรกิจได้ต่ออย่างถูกต้องก่อนที่ฉันจะจากไปด้วย”
เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ส่วนเหนียนซีของคุณ ฉันขอจองเธอให้อี้หลินของฉันก่อนในห้าปีแรกนะคะ อย่ารีบไปสัญญากับคนอื่นเร็วเกินไปล่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เฟิงหว่านก็หัวเราะขึ้นมา “ฉันล่ะประทับใจคุณจริง ๆ!”
…
เมื่อเซี่ยชิงหยวนกลับถึงบ้าน ทุกคนในครอบครัวต่างก็ได้ยินเรื่องนี้แล้ว และไม่มีใครที่ตื่นตระหนก ทุกคนทำทุกอย่างตามปกติ
เซี่ยชิงหยวนเรียกทุกคนมาและพูดว่า “ทุกคนน่าจะได้ยินเรื่องของอี้โจวแล้ว ฉันเชื่อว่าหน่วยงานจะยึดบ้านหลังนี้คืนเร็ว ๆ นี้แหละ”
“ฉันจะไปกับเขาแน่นอน ส่วนป้าอู๋และพี่เลี้ยงเอ๋อ ฉันคงต้องขอรบกวนพวกคุณในช่วงนี้ให้ต้องทำงานหนักมากขึ้นแล้ว โปรดดูแลเด็ก ๆ ให้ดีและแบ่งเบาภาระให้ฉันในช่วงไม่กี่วันที่จะถึงนี้ด้วยนะคะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน ป้าอู๋ก็อดไม่ได้ที่จะเช็ดน้ำตา “พวกคุณจะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง ฉันได้ยินมาว่าที่นั่นไม่มีส้วมด้วยซ้ำ”
เธอมองลงไปที่เด็กน่ารักสองคนในอ้อมแขน ซึ่งทำให้เธอยิ่งรู้สึกเศร้ามากขึ้นไปอีก “คุณหนูทั้งสองยังเด็กมากจะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง?”
พี่เลี้ยงเอ๋อก็ตาแดงด้วยเช่นกัน “คุณนายคะ ทำไมคุณไม่รออยู่มณฑลอวิ๋นกับลูก ๆ ของคุณล่ะ เพียงรอให้เลขาธิการเสิ่นกลับมาก็ได้นี่คะ?”
หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านมา เสิ่นทิงอวิ๋นได้รับการเลี้ยงดูจากเธอจนเขาทั้งอ้วนและแข็งแรงมาก ส่วนสูงของเด็กชายเกือบจะแซงหน้าเสิ่นทิงหลานแล้ว
แถมเด็กชายคนนี้ยังซนด้วยแต่ก็ฉลาดมากเช่นกัน เธอจะอยากแยกจากได้ยังไง?
เซี่ยชิงหยวนลูบเด็กทั้งสอง คิ้วของเธออ่อนลง “ฉันสัญญากับพ่อของพวกเขาว่าฉันจะก้าวหน้าและถอยหลังไปพร้อมกับเขาแล้ว ฉันเชื่อว่าลูก ๆ ของเราจะเข้มแข็งพอ ๆ กับพ่อแม่ของพวกเขาค่ะ”
ทุกคนเคยเห็นความแน่วแน่ของเซี่ยชิงหยวนแล้ว เมื่อเธอตัดสินใจอะไรลงไปมันไม่มีการเปลี่ยนใจอีกต่อไป
หลินตงซิ่วไม่ร้องไห้อย่างที่เคยเป็นมา เธอพูดเสียงดังว่า “ชิงหยวน อี้หลินและแม่จะไปกับลูกด้วย”
เสิ่นอี้หลินยังพูดเสียงดัง “พี่สะใภ้ ผมก็จะไปด้วย!”
เซี่ยชิงหยวนเดิมทีวางแผนที่จะให้หลินตงซิ่วอยู่กับเสิ่นอี้หลินที่มณฑลอวิ๋น แต่เมื่อเห็นพวกเขาแน่วแน่เช่นนี้ เธอก็พยักหน้าและพูดว่า “ทางหนูไม่ขัดอะไร แต่รอให้อี้โจวกลับมาก่อน แม่และอี้หลินค่อยพูดกับเขาอีกทีนะคะ”
สำหรับการพาลูก ๆ ไปกับเสิ่นอี้โจว บางทีเขาอาจจะไม่เห็นด้วย ซึ่งเธอจำเป็นต้องพูดคุยกับเขาอีกครั้ง
หลังจากพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็เดินขึ้นไปชั้นบนและจดรายการสิ่งที่จะต้องเตรียมการทั้งหมดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ด้วยวิธีนี้แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในมณฑลอวิ๋น แต่การทำกำไรในธุรกิจของเธอจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
เซี่ยชิงหยวนฮัมเพลงและเขียนรายการด้วยปากกาของเธอ พร้อมฝันถึงชีวิตที่ร่ำรวยในอนาคตเอาไว้แล้ว