บทที่ 518 ฉันคนนี้ไม่มีแกเป็นลูกสาวอีก
บทที่ 518 ฉันคนนี้ไม่มีแกเป็นลูกสาวอีก
การตบครั้งนี้ไม่เพียงทำให้เซี่ยจื่ออี้ตกตะลึงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแม่บ้านที่ทำงานในตระกูลเซี่ยมานานกว่า 10 ปี รวมถึงไป๋อวิ๋นหลี่และคนอื่น ๆ ต่างก็มองด้วยความไม่เชื่อเช่นกัน
ต้องรู้ว่าเซี่ยเจิ้งเป็นที่รู้จักไปทั่วว่ารักลูกสาวของตัวเองมากแค่ไหน
แม่ของเซี่ยจื่ออี้เสียชีวิตตั้งแต่ปีแรก ๆ เซี่ยเจิ้งยุ่งอยู่กับงานในช่วงปีแรกนั้นและละเลยกับการดูแลลูกสาวของตัวเอง เขารู้สึกผิดมากสำหรับเรื่องนี้
ดังนั้นตั้งแต่วัยเด็กจนโตขึ้นมา เซี่ยจื่ออี้มักจะได้รับทุกอย่างที่เธอต้องการเสมอ
ที่สำคัญกว่านั้น เซี่ยจื่ออี้ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเธอเองยอดเยี่ยมมากเท่านั้น แต่เธอยังไม่เคยเรียกร้องจากเซี่ยเจิ้งมากเกินไป เซี่ยเจิ้งจึงรู้สึกยิ่งสบายใจกับเธอมากขึ้น
แม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับพ่อและลูกสาวในช่วงปีที่ผ่านมา เซี่ยเจิ้งก็ไม่เคยพูดคำที่รุนแรงกับเซี่ยจื่ออี้ นับประสาอะไรกับการตบเธอ
การตบนี้ไม่เพียงแต่ทำลายความคิดใฝ่ฝันของเซี่ยจื่ออี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนกับการตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวที่มีมานานกว่า 20 ปีอีกด้วย
เซี่ยจื่ออี้ถูกตบอย่างแรงจนใบหน้าด้านขวาของเธอด้านชา หูขวาของเธอได้ยินเสียงวิ้งและในปากก็มีรสชาติที่เหมือนสนิม
เธอตกตะลึงและต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะได้สติ
เธอกุมหน้าแล้วมองเซี่ยเจิ้ง “พ่อตบหนูเหรอ?”
เซี่ยเจิ้งที่ไม่เคยพูดคำรุนแรงกับเธอเลย แต่เมื่อกี้กลับตบเธอจริง ๆ เหรอ?
มือของเซี่ยเจิ้งที่เพิ่งตบเซี่ยจื่ออี้ยังคงชาและร้อนผ่าว จากนั้นเขากำมันแน่นพลางไพล่ไว้ข้างหลัง หัวใจของเขาปวดร้าวและรู้สึกหายใจไม่สะดวกอยู่เป็นเวลานาน
เขามองดูเธอ ความรักในอดีตหายไปแทนที่ด้วยความผิดหวังอย่างสุดซึ้ง
ลูกสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อฟังเขามาก ตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่แม้แต่เขาเองก็จำไม่ได้
นี่คือลูกสาวที่เขาปลูกฝังมาอย่างดี เป็นลูกสาวที่เขาภาคภูมิใจ!
เขามองดูลูกสาวอย่างลึกซึ้ง สูดหายใจเข้าหลายครั้งแล้วพูดประโยคด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง “ไปให้พ้น จากนี้ไปฉันคนนี้ไม่มีลูกสาวอย่างแกอีกต่อไป!”
ประโยคที่น่าตกใจนี้ทำให้ดวงตาของเซี่ยจื่ออี้เบิกกว้าง น้ำตาของเธอไหลพราก เธอรีบคุกเข่าและตะโกนอย่างสั่นเทา “พ่อคะ?”
เซี่ยเจิ้งไม่มองหญิงสาวอีกต่อไป เขาหันหลังกลับและกำลังจะขึ้นไปชั้นบน
ก่อนขึ้นไปชั้นบน เขาพูดกับแม่บ้านของตน “เสี่ยวเจียง คุณช่วยเธอเก็บข้าวของหลังจากนี้แล้วส่งเธอออกไปด้วยนะ”
เซี่ยจื่ออี้ตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นในขณะนี้ เธอก้าวไปข้างหน้าและไล่ตาม “พ่อคะ!”
แม่บ้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองดูเหตุการณ์ทั้งหมด เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนกับพ่อและลูกสาวอย่างมาก
เธอรู้ว่าครั้งนี้เซี่ยเจิ้งเอาจริง
ไป๋อวิ๋นหลี่ยิ้มอย่างมีความหมายและปลอบโยน “ผมจำได้ว่าที่หน่วยยังเหลือหอพักอยู่ ดังนั้นคุณย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นก่อนก็แล้วกัน”
เขาเหลือบมองแผ่นหลังผอมบางของเซี่ยเจิ้ง รู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก “ผู้อำนวยการเซี่ยกำลังโกรธ เขาคงยังไม่ฟังอะไรที่คุณพูดตอนนี้หรอก”
เซี่ยจื่ออี้พยักหน้าราวกับว่าเธอสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไปแล้ว สุ่มเก็บเสื้อผ้าสองสามชิ้นแล้วติดตามไป๋อวิ๋นหลี่ออกไป
เมื่อทั้งสองเดินไปถึงประตู พวกเขาพบตงวั่งชุนยืนอยู่ที่ประตู กึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึง
เซี่ยจื่ออี้เป็นเหมือนสุนัขที่ถูกตัดหางปล่อยวัดแล้ว และเธอก็เข้าใจทันทีว่าทำไมเอกสารที่เธอวางไว้ในห้องหนังสือของพ่อตัวเองเมื่อคืนนี้จึงหายไปอย่างกะทันหัน
เธอจ้องมองตงวั่งชุนอย่างเกลียดชัง “อย่าได้ใจเกินไปนักนะ!”
ตงวั่งชุนพยักหน้าและยิ้ม “ฉันไม่เข้าใจว่าคุณเซี่ยพูดอะไร”
เซี่ยจื่ออี้ต้องการพูดมากกว่านี้ แต่ไป๋อวิ๋นหลี่หยุดเธอ
เขาพูดอย่างชัดเจนว่า “ผู้ช่วยตงมีพรสวรรค์ที่หายากจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ต้องถูกฝังไว้ภายใต้เสิ่นอี้โจว”
ตงวั่งชุนยังคงยิ้มต่อไป “เลขาธิการเสิ่นเก่งมาก เป็นเกียรติสำหรับฉันที่ได้ทำงานภายใต้เขาค่ะ”
ไป๋อวิ๋นหลี่ก็ยิ้มเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้น… ผมหวังว่าผู้ช่วยตงจะไม่เสียใจในภายหลังนะครับ”
ตงวั่งชุนไม่พูดตอบโต้อีกต่อไป และหลีกไปทางด้านข้างเพื่อให้ทั้งสองคนผ่านไป แล้วเธอก็เข้าไปในบ้านตระกูลเซี่ย
ทันทีที่เธอเดินเข้าไป เธอก็ได้ยินเสียงอุทานของแม่บ้าน ซึ่งเซี่ยเจิ้งเป็นลมไปอีกครั้ง
…
ตระกูลเสิ่น
เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่างของห้องนอน มองดูไป๋อวิ๋นหลี่และพรรคพวกของเขาออกมาจากบ้านตระกูลเซี่ยด้วยความผิดหวัง
เธอยิ้มและถามเสิ่นอี้โจวที่อยู่ด้านข้าง “คุณรู้ได้ยังไงว่าไป๋อวิ๋นหลี่วางแผนอะไรบางอย่างอยู่?”
เสิ่นอี้โจวกอดเธอจากด้านหลังแล้วพูดว่า “ฉีหยวนซานให้ข่าวนี้กับผมน่ะ”
ฉีหยวนซานมีหูและตามากมายในมณฑลอวิ๋นมากกว่าเสิ่นอี้โจว
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกประหลาดใจกับคำตอบนี้ “ทำไมเขาถึงช่วยเราล่ะ?”
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “อาจเป็นเพราะเขารู้สึกขอบคุณกับคำเตือนที่ผมให้ไปเมื่อครั้งที่แล้วมั้ง”
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือไป๋อวิ๋นหลี่จะจัดการกับตัวเองเป็นอันดับแรก
เซี่ยชิงหยวนถาม “คราวนี้เรื่องนี้จะยุติลงแล้วหรือยัง?”
คิ้วของเสิ่นอี้โจวยังคงขมวดอยู่ “ถ้าผมต้องการปกป้องตัวเองจริง ๆ ผมคงต้องออกไปให้พ้นทาง”
เขาเอาหน้าแนบชิดแนวคอของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “แต่ผมใช้ความพยายามไปอย่างมากจริง ๆ จนโครงการนี้ได้รับการอนุมัติ ผมไม่อยากยอมแพ้ไปง่าย ๆ หรอก”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้เห็นความยากลำบากของผู้คนด้วยสายตาของตัวเอง เขาไม่สามารถแสร้งทำเป็นหูหนวกและตาบอดได้อีกต่อไป
เซี่ยชิงหยวนหันกลับมากอดเอวของสามีแล้วพูดว่า “ตราบใดที่คุณคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แค่ลงมือทำมันก็พอ”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวเปล่งประกายด้วยอารมณ์ “แต่คุณ…”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกเราเองก็เคยใช้ชีวิตอยู่กันอย่างยากลำบากมาก่อนเหรอ? ตราบใดที่เราได้อยู่พร้อมหน้ากัน เราก็ไม่ต้องกลัวความยากลำบากใด ๆ เลยใช่ไหมล่ะ?”
เสิ่นอี้โจวกอดภรรยาแน่นขึ้น “ผมโชคดีจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับคุณ”
เซี่ยชิงหยวนอิงแอบที่หน้าอกของเขา ฟังการเต้นของหัวใจอันทรงพลังของชายในอ้อมกอดก่อนจะพูดว่า “ฉันเองก็โชคดีที่ได้พบคุณเหมือนกัน”
…
สิ่งที่เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนพูดในไม่ช้าก็เป็นจริง
หลังจากที่ไป๋อวิ๋นหลี่ไม่พบข้อบกพร่องของพวกเขา เขาก็เริ่มสร้างความยากลำบากให้แก่แผนการบรรเทาความยากจน โดยสาบานว่าจะฆ่าสิ่งที่เรียกว่าเหลือบไรทั้งหมดในแผนบรรเทาความยากจน
แต่ฝ่ายสนับสนุนแผนการก็ปกป้องตัวเองอย่างชาญฉลาด และโต้เถียงอย่างมีเหตุผลที่ฟังขึ้น ทำให้แผนการตกอยู่ในทางตันอยู่พักหนึ่ง
ในขณะเดียวกันนี้ก็มีคนมาจากเมืองหลวง