บทที่ 517 แกยังจำได้ไหมว่าฉันคือพ่อของแก
บทที่ 517 แกยังจำได้ไหมว่าฉันคือพ่อของแก
ไป๋อวิ๋นหลี่พยักหน้าให้เซี่ยจื่ออี้ “นั่งลงสิ”
เซี่ยจื่ออี้รู้สึกสงสัยและนั่งลง
ไป๋อวิ๋นหลี่นั่งตรงข้ามเธอ พลางปรับแว่นตาของเขาแล้วพูดว่า “ผมเชื่อว่าคุณรู้ความคืบหน้าของการสืบสวนในสัปดาห์นี้แล้วใช่ไหมครับ?”
เซี่ยจื่ออี้พยักหน้า “ใช่ค่ะ”
เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนรอดพ้นทุกข้อกล่าวหาไปได้จริง ๆ ซึ่งนับว่าโชคดีมาก
ไป๋อวิ๋นหลี่เคาะนิ้วของเขาบนโต๊ะแล้วพูดว่า “นี่เป็นโอกาสที่หายากมากที่จะได้จัดการกับเสิ่นอี้โจว…”
เมื่อพูดได้ครึ่งทาง เขาหยุดและมองไปที่เซี่ยจื่ออี้
ก่อนที่เขาจะมาถึงมณฑลอวิ๋น ข้อมูลที่เกี่ยวกับความคับข้องใจของเซี่ยจื่ออี้และเซี่ยชิงหยวนถูกส่งไปยังโต๊ะของเขาแล้ว
เซี่ยจื่ออี้เงยหน้าขึ้นมองเขา “ฉันสงสัยว่าหัวหน้าฝ่ายไป๋ต้องการให้ฉันทำอะไรเหรอคะ?”
ไป๋อวิ๋นหลี่ยิ้มอย่างสดใส “ผมล่ะชอบร่วมงานกับคนฉลาดที่สุดเลย”
หลังจากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและยื่นซองสีเหลืองในลิ้นชักให้เธอ
เซี่ยจื่ออี้รับมันมาและเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้หยุดเธอ หญิงสาวจึงเปิดมันต่อหน้า
เมื่อเธออ่านเนื้อหาในเอกสาร ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที
หัวใจของเธอเต้นรัว “คุณต้องการให้ฉันใส่ร้ายพ่อของฉันเหรอ?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ไป๋อวิ๋นหลี่ก็ยิ้ม “คุณเซี่ยครับ นี่จะนับว่าเป็นการใส่ร้ายได้ยังไง? เสิ่นอี้โจวและเซี่ยเจิ้งมีมิตรภาพที่ลึกซึ้ง เซี่ยเจิ้งเป็นคนดึงเสิ่นอี้โจวเข้ามาทำงานด้วย เรื่องนี้ใคร ๆ ต่างก็รู้ เราแค่เอาความจริงมาเผยแพร่ก็แค่นั้น”
เซี่ยจื่ออี้ขมวดคิ้ว “แต่สิ่งที่คุณเขียนในนี้คือพ่อของฉันยอมรับผลประโยชน์ของเสิ่นอี้โจวเพื่อแลกกับการส่งเสริมเขานี่คะ?”
ในช่วงเวลานี้การทุจริตเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวเป็นพิเศษ หากถูกจับได้ อาชีพการงานต้องจะมีปัญหาใหญ่หลวงอย่างแน่นอน
ภายในซองเอกสารมีเอกสารสองฉบับ ฉบับหนึ่งเขียนถึงเซี่ยเจิ้งโดยเลียนแบบลายมือของเสิ่นอี้โจว และอีกฉบับเป็นการตอบกลับจากเซี่ยเจิ้งถึงเสิ่นอี้โจว จดหมายดังกล่าวเขียนอย่างชัดเจนและน่าตกใจเกี่ยวกับวิธีที่เสิ่นอี้โจวสัญญาว่าให้ประโยชน์ต่อเซี่ยเจิ้งอย่างไร เมื่อเลื่อนตำแหน่งสำเร็จแล้ว
ไป๋อวิ๋นหลี่พูดล่อใจเธอเพิ่ม “อย่ากังวลไป เมื่อถึงเวลาเราจะผลักความผิดทั้งหมดไปให้เสิ่นอี้โจว ส่วนเซี่ยเจิ้งเราจะแค่อ้างว่าเขาต้องการคนมีพรสวรรค์จนหน้ามืดตามัวเท่านั้น”
“เซี่ยเจิ้งไม่ได้ไยดีอะไรกับคุณแล้ว คุณยังต้องการพึ่งพาเขาอยู่อีกเหรอ? ผมได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาสนิทกับผู้ช่วยที่ชื่อตงวั่งชุนมากเลยนี่ และบางทีเขาอาจจะแอบนอกใจแม่ของคุณที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้ ในฐานะชายชราที่เพิ่งหลงหญิงสาวคนใหม่ มันจะมีที่ว่างไหนเหลือให้คุณอีกล่ะ?”
มือของเขาเอื้อมไปจับมือของเซี่ยจื่ออี้ให้ลุกขึ้นและพูดว่า “ในแบบนี้ ทำไมคุณไม่ขวนขวายด้วยตัวเองล่ะ? บางทีคุณอาจยังมีโอกาสได้เฉิดฉายก็ได้”
เขามองตาเธอและแฝงคำใบ้อย่างคลุมเครือ ซึ่งมันตรงกับความคิดของเซี่ยจื่ออี้โดยบังเอิญ
เธอกัดริมฝีปาก กำซองเอกสารแน่นแล้วพูดว่า “ฉันจะเอาไปคิดดูอีกครั้งค่ะ”
ไป๋อวิ๋นหลี่รู้ว่าเรื่องนี้สำเร็จแล้ว
เขาลูบหลังมือของหญิงสาวอีกครั้ง โน้มเข้าไปใกล้หูของเธอแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอข่าวดีจากคุณนะครับ”
…
เซี่ยจื่ออี้กลับบ้านอย่างกระสับกระส่าย และบังเอิญพบกับเซี่ยเจิ้ง
เธอตะโกนเรียกเขาอย่างคาดหวัง “พ่อคะ”
เซี่ยเจิ้งเพียงมองลูกสาวเบา ๆ แล้วตอบว่า “อืม”
เขาก้มดูหนังสือพิมพ์ในมืออีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของเซี่ยเจิ้ง ดวงตาของเซี่ยจื่ออี้ก็เผยให้เห็นร่องรอยของความเกลียดชัง
เธอคิดดิ้นรนมาตลอดทางที่เดินกลับบ้าน
เธอรู้ผลที่ตามมาของเหตุการณ์นี้ และไม่อยากให้พ่อต้องผิดหวังในตัวเธอ
ท้ายที่สุดแล้ว เธอกับพ่อก็อยู่ด้วยกันอย่างดีมานานเป็นสิบปี นับตั้งแต่แม่ของเธอเสียชีวิต
ถ้าเซี่ยเจิ้งเต็มใจทำตามที่เธอบอก เธอคงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ใช่ไหม?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเธอก็มืดหม่นลง
ถ้าเธอไม่สามารถเป็นลูกสาวสุดที่รักของผู้อำนวยการเซี่ยได้ เธอก็ยังคงสามารถเป็นภรรยาของหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบสำนักงานอัยการประจำมณฑลได้ใช่ไหม?
เซี่ยจื่ออี้ตัดสินใจอย่างลับ ๆ ได้แล้ว
…
วันรุ่งขึ้น มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่บ้านตระกูลเซี่ย โดยบอกว่าพวกเขากำลังค้นหาหลักฐาน
เซี่ยเจิ้งมองไปยังหมายค้นในมือของไป๋อวิ๋นหลี่และเยาะเย้ย “หัวหน้าฝ่ายไป๋เตรียมตัวมาอย่างดีจริง ๆ”
ไม่ว่าไป๋อวิ๋นหลี่จะมีความสามารถแค่ไหน หมายค้นจะไม่มีทางออกได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงสองวันแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้มีการวางแผนมาล่วงหน้าเป็นเวลาสักพักแล้ว
ไป๋อวิ๋นหลี่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ผู้อำนวยการเซี่ยชมกันเกินไปแล้วครับ”
เซี่ยเจิ้งพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ฮึ่ม! ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณจะหาอะไรเจอได้!”
ไป๋อวิ๋นหลี่กับเซี่ยจื่ออี้แลกเปลี่ยนสายตาและท่าทาง จากนั้นกลุ่มคนก็เข้าบ้านมาค้นหา
สายตาของทั้งสองคนที่สบกันถูกเซี่ยเจิ้งจับได้ สิ่งนี้ทำให้สายตาของเซี่ยเจิ้งที่มองดูลูกสาวของเขานั้นซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งทำให้เซี่ยจื่ออี้รู้สึกตกใจและหวาดกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอก้มศีรษะลง ไม่กล้ามองเซี่ยเจิ้งอีกแล้ว
สักพักผู้ใต้บังคับบัญชาก็ลงมา
แต่สีหน้าของพวกเขาไม่มีความสุขเลยหลังจากขึ้นไปค้นบ้าน กลับกลายเป็นแววตาที่หวาดกลัวแทน
รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋อวิ๋นหลี่แข็งค้าง และเขาพูดอย่างเคร่งขรึม “เจออะไรบ้าง?”
ผู้ใต้บังคับบัญชาส่ายหัวด้วยความอับอาย
การแสดงออกของไป๋อวิ๋นหลี่เปลี่ยนไป และดวงตาของเขาจ้องมองไปที่เซี่ยจื่ออี้อย่างเชือดเฉือน
ดวงตาของเซี่ยจื่ออี้เบิกกว้างด้วยความตกใจ จากนั้นเธอก็มองไปยังเซี่ยเจิ้งทันที
เซี่ยเจิ้งมองกวาดการตอบโต้ระหว่างคนทั้งสอง ดวงตาของเขาแดงก่ำและรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
เซี่ยจื่ออี้ก้าวมาข้างหน้าและพยายามอธิบาย “พ่อคะ หนู…”
เพียะ!
เสียงตบดังก้องไปทั้งห้องนั่งเล่น
เซี่ยเจิ้งยังไม่ลดมือที่ยกขึ้น และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้
เขาชี้ไปที่ประตูและพูดอย่างผิดหวังที่สุด “แกยังจำได้อยู่ไหมว่าฉันคือพ่อของแก!”