บทที่ 512 เมืองเมิ่งชายแดนพม่า
บทที่ 512 เมืองเมิ่งชายแดนพม่า
ในหม้อมีต้มกระดูกวัวเคี่ยวอยู่ ป้าอู๋เสิร์ฟเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ลวกแล้วแก่เซี่ยชิงหยวน ที่ด้านบนโปะด้วยเนื้อตุ๋นทัพพีใหญ่แล้วโรยด้วยผักชีสับ
ป้าอู๋และพี่เลี้ยงเอ๋อพาเด็ก ๆ ออกไป ส่วนปี่เหลาซานนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนกินอาหารในชามไปเยอะแล้ว เขาจึงพูดว่า “เมื่อวานเพื่อนเก่าบอกอาจารย์ว่ามีของดีอยู่ชุดหนึ่งที่เมืองเมิ่ง อาจารย์อยากพาศิษย์น้องของเธอไปดูสักหน่อยน่ะ”
“เมืองเมิ่ง?” เซี่ยซิงหยวนเงยหน้าขึ้น “ถ้าฉันจำไม่ผิด นั่นคือตรงชายแดนพม่านี่คะ?”
อาจกล่าวได้ว่า นครรุ่ยลี่ นครหมาง อำเภอหล่งชวาน และสถานที่อื่นๆ มีชายแดนติดกับประเทศพม่า ยิ่งคุณไปทางตะวันตกของประเทศมากเท่าไหร่ ตำรวจตระเวนชายแดนก็จะเข้มงวดมากขึ้นเท่านั้น โดยปกติแล้วยานพาหนะทุกคันที่เข้าและออกจะต้องได้รับการตรวจตราอย่างเข้มงวดโดยเจ้าหน้าที่รักษาชายแดน
เมืองเมิ่ง เป็นเมืองชายแดนติดกับประเทศพม่า พรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศนี้มีเพียงแม่น้ำชิงสุ่ยคั่นระหว่างกัน มีสะพานเล็ก ๆ เชื่อม ซึ่งสะพานมีความยาวเพียง 20 หรือ 30 เมตรเท่านั้น
ปี่เหลาซานพยักหน้า “ใช่ที่นั่นแหละ”
เซี่ยชิงหยวนครุ่นคิด “เราจำเป็นต้องไปขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
ปี่เหลาซานลูบเคราของเขาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเราต้องไป เพียงแต่ว่าของชุดนี้หายากมากต่างหาก”
ดวงตาของชายชราเป็นประกายและทำท่าทางด้วยมือตัวเอง “มันใหญ่มากจนฉันไม่สามารถถือมันด้วยมือได้ทั้งหมด คุณภาพของมันดีที่สุด ถ้าไม่ใช่ว่าเพื่อนของฉันไม่สามารถเก็บมันไว้ทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว มันคงไม่มาถึงมือของฉันแน่”
หลังจากอยู่ในธุรกิจหยกมาหลายปี ปี่เหลาซานก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
เมื่อเห็นปี่เหลาซานเป็นแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดกลั้นที่จะห้ามปราม
เธอแสดงความกังวล “แต่อาจารย์คะ ฉันได้ยินจากอี้โจวว่าที่นั่นยังไม่สงบเลยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” ปี่เหลาซานโบกมืออย่างสบาย ๆ “อาจารย์เคยไปที่นั่นหลายครั้งแล้ว และอาจารย์ก็คุ้นเคยกับเพื่อนคนนี้ดี จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราหรอก”
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่าปี่เหลาซานได้ตัดสินใจแล้ว และถ้าเธอหยุดเขา ชายชราจะถอนหายใจอย่างซังกะตายเป็นอีกนานแน่
เธอพูดว่า “งั้นอาจารย์ต้องระวังตัวให้มาก ๆ นะคะ”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนยอมตกลงด้วย ปี่เหลาซานก็พูดอย่างมีความสุข “ไม่ต้องกังวล เราจะไม่เป็นไรแน่นอน เมื่ออาจารย์นำหยกกลับมา อาจารย์จะเลือกหยกที่ดีที่สุดมาทำเตียงหยกให้กับหลาน ๆ ทั้งสองเลย!”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มรับ “งั้นเดี๋ยวฉันจะไปที่ธนาคารทีหลัง แล้วถอนเงินมาให้อาจารย์สักสองหมื่นหยวนแล้วกัน มันพอไหมคะ?”
ปี่เหลาซานไม่ได้คิดที่จะขอเงินจากเซี่ยชิงหยวน แต่ตอนนี้เมื่อเธอพูดขึ้นแล้ว เขาก็อยากได้เงินไปเพิ่มเพื่อที่จะได้ซื้อหยกมามากขึ้นเช่นกัน
เขาหยักหน้าอย่างไม่ลังเลและพูดว่า “พอแล้ว เพียงพอแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อาจารย์คะ ฉันคงต้องรบกวนเหมือนเดิม ของทั้งหมดที่อยู่ข้างนอกให้ภายใต้ชื่อของอาจารย์เช่นเคยนะคะ”
ตอนนี้เสิ่นอี้โจวกำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งใหญ่ และเธอก็ทำธุรกิจได้ดีมาก ซึ่งทำให้หลายคนอิจฉา
ตอนนี้มีไป๋อวิ๋นหลี่ที่กำลังจับตามองเธออยู่ หากคนอื่นรู้ว่าเธอซื้อหยกมามากมาย หญิงสาวกลัวว่าจะสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น
ปี่เหลาซานตอบว่า “อาจารย์รู้ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”
ปี่เหลาซานเห็นด้วยกับเซี่ยชิงหยวนก่อนจะเดินออกไป
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่แผ่นหลังของปี่เหลาซานด้วยความรู้สึกสูญเสีย
เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับการเดินทางไปเมืองเมิ่งของปี่เหลาซานในครั้งนี้เหลือเกิน
เธอหวังเพียงว่าอาจารย์จะระมัดระวังในทุกสิ่งที่เขาทำล่ะนะ
…
ในช่วงบ่าย เหล่าไต้โทรมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “น้องชิงหยวน ฉันมีข่าวดีจะบอก!”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะคล้อยตามไปกับอารมณ์ของเขา และมุมปากของเธอก็ยกขึ้น “มีเรื่องดีอะไรเหรอ?”
เหล่าไต้พูดทันที “รู้รึยัง? วันนี้ตอนที่ฉันผ่านโรงงานตัดเย็บเฟิงหวง ฉันได้ยินคนงานสองคนบ่นว่าโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงจ่ายค่าจ้างไม่ได้ล่ะ!”
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะมีความสุข “จริงเหรอ?”
เหล่าไต้ตอบว่า “จริงแท้แน่นอนที่สุด! พวกเขายังบอกด้วยว่าผู้บริหารทั้งสองของโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และทะเลาะกันหลายครั้งในที่ประชุมด้วย!”
เซี่ยชิงหยวนระงับความตื่นเต้นของเธอและพูดว่า “คุณให้ความสนใจสถานการณ์ในโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงต่อไปให้ดีที่สุดเลยนะ หากมีข่าวว่าพวกเขาจะขายก็บอกฉันด่วนเลยนะ”
เธอครุ่นคิดในณะที่ใช้นิ้วม้วนผมตัวเอง “ระหว่างนี้ฉันจะไปนับเงินที่เราสามารถใช้ได้เพื่อเตรียมการล่วงหน้าแล้วกัน”
เหล่าไต้ตอบอย่างมีความสุข “ปล่อยให้เรื่องดูโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงเป็นเรื่องของฉันได้เลย แล้วฉันจะบอกให้เธอรู้ทันทีที่ได้ความคืบหน้า”
เขาหยุดชั่วคราว “ฉันเดาว่าน่าจะมีข่าวอีกครั้งในไม่เกินปีนี้แหละ ถ้ามีข่าวออกมาเร็วน่ะนะ ว่าแต่เธอมาที่นี่ได้ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนที่อยู่ในบ้านเหลือบมองผู้คนในสนาม เด็กสองคนกำลังหัวเราะอย่างร่าเริงก่อนจะพูดว่า “ต้องขอดูก่อนนะว่าตอนนั้นลูก ๆ ของฉันจะยอมกินนมผงแทนได้ไหม แต่ถ้าไม่ได้ฉันคงไม่สามารถไปได้เหมือนกัน”
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับไป๋อวิ๋นหลี่ เซี่ยชิงหยวนก็รู้ว่าเรื่องราวของหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างจากที่เคยเป็นในชาติก่อนของเธอ หรือจังหวะเวลาก็แตกต่างด้วย
ตามความคิดของเซี่ยชิงหยวน มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาว่าจะช้าหรือเร็วก่อนที่โรงงานตัดเย็บเฟิงหวงจะล้มละลายก็เท่านั้น
ดังนั้นเธอจึงขอให้หล่าไต้ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงอย่างใกล้ชิด หากสามารถซื้อโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงได้เมื่อมันประกาศ เธอก็จะมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง
ด้วยโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของตัวเอง เธอจะสามารถผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองได้ และขายออกไปทั่วประเทศ
ด้วยวิธีนี้ ร้านยามต้องมนต์จะถือเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ผสมผสานการออกแบบ การผลิต และการขายเข้าด้วยกัน
เหล่าไต้หัวเราะอย่างเต็มที่ “สดชื่นดีจริงๆ! ฉันชอบร่วมมือกับคนแบบเธอที่สุดเลย!”
หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ หญิงสาวก็ได้พักผ่อนในที่สุด
ยังมีอีกหลายสิ่งที่เธออยากทำ แต่ตอนนี้ยังมีเงินไม่เพียงพอ
ดูเหมือนว่านอกเหนือจากลูก ๆ แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดทุกวันคือการหาเงินสินะ!
…
ภายใต้สายตาที่ ‘รัก’ ของแม่ ฉู่ซิงอวี่ออกจากบ้านไปที่ร้านกาแฟตามที่เขาตกลงวันนัดดูตัวไว้
เขาถือดอกกุหลาบสีแดงไว้ในมือแล้วเดินไปยังสถานที่ที่ถูกบอก
มันเป็นที่นั่งริมหน้าต่างและมีแสงแดดในฤดูใบไม้ร่วงส่องเข้ามาทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น
เขานั่งลงและรอการนัดดูตัวที่กำลังจะมาถึง
ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงที่ประหลาดใจก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของชายหนุ่ม “ทำไมถึงเป็นพี่ได้ล่ะ?”