บทที่ 510 ความสุขอันสุดขีดนำมาซึ่งความทุกข์
บทที่ 510 ความสุขอันสุดขีดนำมาซึ่งความทุกข์
อาเซียงฆ่าเวลาช่วงบ่ายไปชอปปิงกับเหล่าไต้ จากนั้นก็กินมื้อเย็นก่อนจะค่อย ๆ กลับ
เหล่าไต้ส่งเธอที่สี่แยกและเห็นหญิงสาวทำท่ากระอักกระอ่วน จนเขาอดไม่ได้และพูดว่า “เอาน่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอก ถ้าเขาโวยวายแล้วผลักไสเธอ พี่ไต้คนนี้จะแนะนำเธอให้รู้จักกับคนอื่นที่ดีกว่าเขาให้เอง!”
อาเซียงส่ายหัวทันที “ฉันไม่ต้องการคนอื่น ฉันชอบแค่พี่เฮ่อเท่านั้น”
เหล่าไต้มองเธออย่างเศร้าสร้อย “ปั้ดโธ่”
หลังจากพูดแล้วเขาก็โบกมือ “กลับไปเร็ว ๆ เถอะ ยิ่งเห็นฉันยิ่งรู้สึกขัดใจจริง ๆ”
อาเซียงหันกลับมามองเขาอีกสองสามครั้ง แล้วเดินไปที่ประตูบ้านของเฮ่ออวี้เฟิง
สถานที่ที่ตระกูลเฮ่ออาศัยอยู่ค่อนข้างเจริญและผู้คนในกว่างโจวก็นอนดึก เมื่ออาเซียงกลับไป ตลอดทางเดินมีแสงไฟจากบ้านทุกหลังส่องออกมาจากหน้าต่างหรือทางเข้าประตูเพื่อส่องสว่างทางกลับให้เธอ
แสงสลัวทำให้เงาร่างของอาเซียงทอดยาว เธอมองลงไปที่เงาของตัวเองแล้วเดินไปที่ประตูทีละก้าว
แต่เมื่อเดินไปเกือบจะถึงประตู เธอก็เห็นร่างเงาหนึ่ง หญิงสาวเริ่มมองจากรองเท้าผ้าแบบคลุมส้นคู่นั้นของเขา ไล่ไปที่ต้นขาเรียวยาวทรงพลังสองข้าง จากนั้นไปที่เอวและไหล่กว้าง กรามอันมั่นคง ดวงตาที่แหลมคมและลึกราวกับนกอินทรี
เมื่ออาเซียงตระหนักว่าเป็นใครที่กำลังนั่งอยู่ตรงประตู เธอก็ต้องการหันหลังกลับและจากไปโดยไม่รู้ตัว
“อาเซียง” เฮ่ออวี้เฟิงลุกขึ้นจากขั้นบันไดแล้วเรียกเธอ
อาเซียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันกลับมาแล้วยิ้มให้เขา “พี่เฮ่อ”
เฮ่ออวี้เฟิงถามขึ้น “กินข้าวรึยัง?”
อาเซียงพยักหน้า “กินกับเหล่าไต้มาแล้วค่ะ”
เธอเห็นว่าเขาดูเหมือนเพิ่งกลับมาจากข้างนอก จึงเอ่ยถาม “พี่เพิ่งส่งเหลียนอวิ๋นกลับบ้านเสร็จเหรอ?”
ทันทีที่ถาม เธอก็รู้สึกว่าตัวเองได้ถามคำถามที่โง่เง่าสุด ๆ ไป
เธอต้องการอธิบายเพิ่มเติม “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่…”
“ฉันเพิ่งกลับมาจากร้านน่ะ” เฮ่ออวี้เฟิงขัดจังหวะเธอ
เขามองเข้าไปในดวงตากลมโตที่เหมือนกวางน้อยตื่นตระหนก แล้วพูดว่า “ฉันบอกเธอไปชัดเจนแล้ว เราจะไม่พบกันอีก”
อาเซียงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตระหนักถึงสิ่งที่เฮ่ออวี้เฟิงพูด
เธอมองเฮ่ออวี้เฟิง ริมฝีปากเปิดกว้างแทบจะไปถึงหูของเธอ
เขากำลังอธิบายให้เธอฟังเหรอ?
ทำไมเขาต้องอธิบายให้เธอฟังด้วยล่ะ?
เขาก็ชอบเธอเหมือนกันเหรอ?
อาเซียงรู้สึกว่าเธอกำลังถูกกระตุ้นด้วยความสุขที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
เธอเอามือปิดปากพยายามทำเป็นสงบ “งั้นเหรอ…ดีแล้ว…”
เธอพูดอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว!
ขณะที่รำคาญตัวเอง เธอก็เห็นมุมริมฝีปากของเฮ่ออวี้เฟิงยกขึ้น
เขาหัวเราะเหรอ?
อาเซียงรู้สึกว่าหากเธอยังคงยืนอยู่ที่นี่ ตัวเองอาจเผลอพูดอะไรที่น่าตกใจกว่าเดิมก็ได้
ไม่สิ เธอต้องรักษาภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบในใจของเฮ่ออวี้เฟิงต่อไป
เธอโค้งตัวให้เฮ่ออวี้เฟิง “พี่เฮ่อ งั้นฉันจะกลับเข้าไปพักผ่อนก่อนนะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็วิ่งเข้าไปในบ้านทันที
เฮ่ออวี้เฟิงไม่สามารถหยุดหญิงสาวได้ทัน ดังนั้นเขาจึงลดมือลงทันทีที่ยกมือขึ้น
ทว่าหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง ‘โครม’ ในบ้าน ตามด้วยเสียงร้องอันเจ็บปวดของอาเซียงที่พยายามอดกลั้นไว้
เฮ่ออวี้เฟิงวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนที่เขาจะคิดอะไรด้วยซ้ำ
เมื่อได้ยินเสียงดัง แม่ของเฮ่ออวี้เฟิงก็คลำหาทางเดินออกมาเช่นกัน “ใช่อาเซียงรึเปล่า? เป็นยังไงบ้าง?”
เฮ่ออวี้เฟิงวิ่งมาที่ทางเดินและเห็นอาเซียงนอนนิ่งอยู่บนพื้นตรงประตูห้องของเธอ รองเท้ายางใสของหญิงสาวก็กระเด็นออกมาหล่นอยู่ไม่ไกล
คงเป็นเพราะบ้านมืดไปหน่อย และเธอวิ่งเร็วเกินไปจนเผลอสะดุดขณะข้ามธรณีประตู
เฮ่ออวี้เฟิง “…”
อาเซียง “…”
แม่ของเฮ่ออวี้เฟิงมองไม่เห็น เธอจึงยังคงถามอย่างกังวล “เกิดอะไรขึ้น? พวกเธอสองคนพูดอะไรกันหน่อยได้ไหม?”
อาเซียงยกมือขึ้นปิดใบหน้าของเธอด้วยความอับอาย เธออยากจะขุดหลุมแล้วมุดหนีไปจริง ๆ
ความสุขอันสุดขีดนำมาซึ่งความทุกข์!
ภาพลักษณ์ที่ดีของเธอนั้นอยู่ได้เพียงสามวินาทีเท่านั้นเอง!
เฮ่ออวี้เฟิงกลั้นเสียงหัวเราะของเขา พลางก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยอาเซียงและตอบว่า “แม่ ไม่มีอะไรครับ อาเซียงแค่…”
เฮ่ออวี้เฟิงเหลือบมองอาเซียงที่กำลังโศกเศร้า มุมปากของเขากระตุก “ดูเหมือนว่าเธอล้มแล้วปากฟาดพื้นก็เท่านั้นน่ะ”
อาเซียง “หะ?”
เธอกุมเอวที่เจ็บแล้วรีบไปส่องกระจกทันที
เธอดูเหมือนผีผู้หญิงที่น่าสมเพชเลย!
อาเซียง “!”
เธออับอายเกินกว่าจะเจอใครได้อีกแล้ว!
แต่แม่ของเฮ่ออวี้เฟิงยังคงตะโกน “ร้ายแรงไหม? พาเธอไปโรงพยาบาลเร็ว ๆ เถอะ”
อาเซียงโบกมือ “ป้าเฮ่อ ฉันไม่เป็นอะไรมากค่ะ”
เมื่อพูด ริมฝีปากของเธอก็ขยับและอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวด
เฮ่ออวี้เฟิงลูบจมูกของเขา “เอาละ ฉันควรพาเธอไปตรวจสุขภาพที่อนามัยจะดีกว่า”
แม้ว่ามันไม่น่าจะร้ายแรง แต่การเห็นเลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของอาเซียงมันดูน่ากังวลนิดหน่อย
แม่ของเขาพยักหน้าเห็นด้วย “ไปเถอะ ถึงแม้จะยังเป็นสาวก็ต้องระวังนะ ไม่งั้นมันอาจจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ก็ได้”
เฮ่ออวี้เฟิงเข็นมอเตอร์ไซค์ออกไปแล้วพูดกับอาเซียง “มาเถอะ ไปตรวจดูสักหน่อยเถอะ”
อาเซียงมองไปตรงส่วนเสริมสำหรับเท้าแขนของเบาะหลังมอเตอร์ไซค์ที่ถูกติดเพื่อเธอโดยเฉพาะ และยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้น
เธอปีนขึ้นไปบนเบาะหลังแล้วพูดเสียงสั่น “ฉันนั่งแล้ว”