บทที่ 509 ถ้าคุณกลัวก็หลับตา
บทที่ 509 ถ้าคุณกลัวก็หลับตา
เมื่อเสิ่นอี้โจวออกมาจากห้องหนังสือ เขาพบว่าเซี่ยชิงหยวนยังคงอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
ชายหนุ่มเดินไปหาและเห็นว่าเป็นหนังสือที่ศาสตราจารย์เติ้งส่งมาให้เธอเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ครั้งล่าสุดที่กว่างโจว เซี่ยชิงหยวนบอกว่าเธอต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และหลังจากที่ศาสตราจารย์เติ้งมอบสื่อการเรียนให้กับเซี่ยชิงหยวน เขาก็ส่งหนังสือมาเพิ่มให้อีกสองครั้ง
ต่อมาเมื่อมีลูก หนังสือเล่มนี้ก็ถูกวางทิ้งไว้และไม่เคยอ่านอีกเลย
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “ดูเหมือนว่าความมุ่งมั่นของภรรยาผมที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยนั้นแข็งแกร่งพอ ๆ กับเหล็กเลย”
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้ม “ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำแล้ว เพราะงั้นฉันก็ไม่สามารถละทิ้งมันได้หรอก”
เธอเอ่ยเสริมขณะพลิกหน้าหนังสือ “นอกจากนี้ ฉันเคยอ่านหนังสือเหล่านี้มาบ้างแล้ว มันย่อมน่าเสียดายใช่ไหมล่ะถ้ายอมแพ้ทั้งที่มาถึงครึ่งทางแล้วน่ะ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “นั่นก็จริง”
เขาถามอีกครั้ง “คุณคิดเอาไว้รึยังว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหน?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ฉันคิดเรื่องนั้นไว้แล้ว ฉันจะสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยยูนนานเมื่อถึงเวลาน่ะ”
“มหาวิทยาลัยยูนนาน?” เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้ว “ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยยูนนานจะดีที่สุดในมณฑลยูนนาน แต่ถ้าคุณมองดูทั่วทั้งประเทศ มันก็เป็นแค่มหาวิทยาลัยที่อยู่ในระดับธรรมดานะ”
เซี่ยชิงหยวนวางหนังสือลง “ถ้างั้นฉันจะไปสอบเข้าที่ไหนได้ มหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือมหาวิทยาลัยกลางในกว่างโจวเหรอ? ถ้าฉันไปสอบไกล ๆ แล้วคุณกับลูก ๆ จะทำยังไง?”
เสิ่นอี้โจวแสร้งทำเป็นละอายใจ “ดูเหมือนว่าเป็นพวกเราที่ถ่วงคุณไว้สินะ”
“อืม” เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและยิ้ม “ดีแล้วที่คุณรู้”
เสิ่นอี้โจวพูดต่อทันที “ถ้างั้นแบบนี้ เราต้องทบทวนให้หนักและพยายามสอบในปีหน้าแล้วสิ”
เซี่ยชิงหยวนยังวางแผนที่จะลองสอบในปีหน้าเช่นกัน
เธอพูดว่า “วิชาอื่นฉันทำได้นะ แต่คณิตศาสตร์นี้ทำให้ฉันปวดหัวจริงๆ”
เสิ่นอี้โจวหยิบหนังสือคณิตศาสตร์มาดู จากนั้นก็หยิบกระดาษและปากกามา “ผมจำได้เหมือนกันว่าวิชาที่คุณอ่อนที่สุดคือคณิตศาสตร์ ดังนั้นถ้ามีตรงไหนที่คุณไม่เข้าใจ ผมจะสอนคุณเอง”
เซี่ยชิงหยวนรีบปิดหนังสือ “ใกล้จะถึงเวลาเข้านอนแล้ว ดังนั้นเราไม่ควรอ่านหนังสือที่ใช้สมองขนาดนั้นใช่ไหม?”
ก่อนหน้านี้เธอเริ่มหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือจนเก็บเอาไปฝันถึงมันในตอนนอน ในฝันมีโจทย์คำถามไม่สิ้นสุด
ต่อมาเธอได้ค้นพบกฎข้อหนึ่งคือ เธอไม่ควรอ่านหนังสือที่ต้องใช้สมาธิมากในเวลากลางคืน
เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้ว “ไม่ใช่คุณเพิ่งบอกว่าอยากสอบมหาวิทยาลัยยูนนานหรอกเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและวิงวอน “พรุ่งนี้นะ ไว้ฉันค่อยอ่านพรุ่งนี้”
เสิ่นอี้โจวมองดูนาฬิกาของเขาแล้วพึมพำ “นั่นไม่ได้เรื่องแน่”
ขณะที่พูด เขาก็ปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วคุกเข่าตรงหน้าเธอ “งั้นเอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่ดึกเท่าไหร่ มาออกกำลังกายกันดีกว่าไหม?”
ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์จนถึงตอนนี้ ทั้งสองไม่ได้ร่วมรักกันมาหลายเดือนแล้ว
เซี่ยชิงหยวนเสนอที่จะใช้มือให้เขาเพื่อช่วยให้สามีของเธอได้ปลดปล่อยอารมณ์บ้าง ทว่าเสิ่นอี้โจวก็อยากจะทำให้เธอเช่นกัน ซึ่งหญิงสาวปฏิเสธมาโดยตลอด
ในเวลานั้นเขายังพูดกับเธอว่า “เมื่อคู่รักอยู่ด้วยกัน นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควรทำให้กันเหรอ? พอมองดูคุณที่ต้องอดทนเลี้ยงลูกแล้ว ผมเองก็อยากทำให้คุณมีความสุขบ้างนะ”
วันนี้เขาเอาความคิดนี้กลับมาอีกครั้ง
มีความจริงจังในสายตาขี้เล่นของเขา ทำให้ยากที่ผู้คนจะปฏิเสธได้
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “ฉันเกรงว่าตัวเองคงไม่สามารถมอบประสบการณ์แบบเหมือนเมื่อก่อนให้คุณได้น่ะสิ”
ตอนคลอดเด็กทารก ทั้งสองหนักคนละประมาณ 3 กิโลกรัม และเมื่อพิจารณาจากเส้นรอบวงศีรษะและไหล่ของเด็กแล้ว มันน่าเหลือเชื่อมากเมื่อเธอคิดว่าพวกเขาคลอดมาจากทางไหนของตน
หลังคลอด พยาบาลยื่นกระจกให้เธอดูพร้อมสอนวิธีออกกำลังกายซ่อมแซมกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหลังคลอด เมื่อเธอเห็นหลุมดำที่กว้างมาก เธอก็แทบจะตกใจจนหมดสติ
ในช่วงแรกขนาดจามเธอยังต้องพยายามกลั้นปัสสาวะไม่ให้เล็ดด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับเธอที่จะยอมรับและแสดงออก
มันเหมือนกับความสุขสมที่คนเป็นแม่ต้องยอมสละกับการมีลูกสองคน อารมณ์เชิงลบที่คุ้นเคยนี้ทำให้เธอตระหนักว่าตัวเองอาจจะมีภาวะซึมเศร้าอีกครั้ง และรีบหยุดความคิดของตนอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่เสิ่นอี้โจวสังเกตเห็นท่าทีภรรยา และใส่ใจกับอารมณ์ของเธอทันที ทั้งยังอยู่กับเธอแล้วคอยปลอบประโลมเพื่อที่หญิงสาวจะได้ไม่คิดมากอีก
อย่างช้า ๆ เธอก็เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนกางเกงอย่างใจเย็นหรือยอมรับให้เสิ่นอี้โจวซื้อเสื้อผ้าใหม่ และให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการรักษาของหมอ
เธอออกกำลังกายอย่างหนักกับการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน แต่บางครั้งเธอก็ขี้เกียจหรือลืมเพราะเหนื่อยเกินไป
ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าหลังจากออกกำลังกายมาเกือบสองเดือน เธอจะพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจหรือไม่
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต 22 ปีที่เธอขาดความมั่นใจแบบนี้
“คุณต้องการประสบการณ์แบบไหนล่ะ?” เสิ่นอี้โจวคว้าเอวเรียวเล็กของเธอแล้วจับมาชิดเอวของเขา
เขาก้มตัวลงและจูบเบา ๆ บนหน้าผาก แก้ม และริมฝีปากของเธอ “เอาเป็นว่าถ้ารู้สึกไม่ดีเมื่อไหร่เราจะหยุดกัน ตกลงไหม?”
ฝ่ามือใหญ่ของเขาเลื่อนลงมาที่หลังของภรรยา ลูบบั้นท้ายของภรรยาเบา ๆ จนอีกฝ่ายตัวสั่น
เธอได้ยินเขาพูดว่า “สิ่งนี้จะเรียกว่าความสุขก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายมีความสุขเท่านั้น ถ้าเป็นเพียงการปลดปล่อยความปรารถนาทางกายแค่ฝ่ายเดียว แล้วเราจะแตกต่างกับสัตว์ยังไงจริงไหม?”
หลังจากพูดแล้ว อีกมือหนึ่งก็ล้วงเข้าไปในชายกระโปรงของเธอ สำรวจจากล่างขึ้นบน “ถ้าคุณกลัว คุณหลับตาก็ได้”