บทที่ 507 กำลังจะเปลี่ยนไป
บทที่ 507 กำลังจะเปลี่ยนไป
เสิ่นอี้โจวกอดภรรยาของตนไว้ในอ้อมแขนและปลอบโยน “อย่าคิดมากเลยนะ ตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่ ผมจะปกป้องคุณเอง”
เซี่ยชิงหยวนพิงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเสิ่นอี้โจวอย่างโอนอ่อน
และแสดงความคิดที่อยู่ภายในใจออกมา “ฉันกลัวพวกเขาจะทำอันตรายต่อฉีจิ่นจือ”
สำหรับเซี่ยจื่ออี้ที่เหมือนคนบ้า แม้ว่าไป๋อวิ๋นหลี่ไม่ได้ตั้งใจจะกำหนดเป้าหมายไปที่ฉีจิ่นจือ แต่ผู้หญิงแบบนั้นย่อมพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ไป๋อวิ๋นหลี่มีความคิดเช่นนั้นแน่นอน
เสิ่นอี้โจวพึมพำ “ผมจะหาโอกาสพบกับฉีหยวนซานอีกครั้งเอง”
ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าไป๋อวิ๋นหลี่กำลังสืบสวนฉีหยวนซาน เขาก็บอกเรื่องนี้กับชายชราทางโทรศัพท์แล้ว
แต่ฉีหยวนซานหยิ่งเกินไป เขาไม่คิดว่าคนที่เพิ่งมาถึงและไม่ได้มาจากตระกูลที่มีอำนาจจะสามารถทำอะไรตัวเองได้
ดังนั้นฉีหยวนซานจึงหัวเราะและพูดว่า “ขอบคุณเลขาธิการเสิ่นที่เตือนผมนะ ผมเข้าใจเรื่องนี้แล้ว”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ฉีหยวนซานก็ไม่ได้ใช้มาตรการใด ๆ เลย
ดังนั้นเสิ่นอี้โจวจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกขอบคุณสามีของตนทันทีที่ได้ยินคำเอ่ยนั้น “ขอบคุณค่ะอี้โจว”
เสิ่นอี้โจวลูบหลังเธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คนโง่ ศิษย์พี่ของคุณก็คือศิษย์พี่ของผมเหมือนกันนะ”
เขาเอาคางแนบกับศีรษะของเซี่ยชิงหยวนแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบไม้ที่ไหวตามสายลมทำให้ดวงตาของเขาเริ่มมืดลง
เกรงว่าหลังจากนี้สิ่งต่าง ๆ ในมณฑลอวิ๋นจะเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว
…
สำนักงานเลขาธิการมณฑล
ในขณะที่เสิ่นอี้โจวกำลังตรวจสอบและอนุมัติเอกสาร เขาบอกกับฉู่ซิงอวี่ว่า “นัดกับผู้อำนวยการฉีให้ผมทีนะ ดูว่าเขาว่างเมื่อไหร่ ผมอยากจะเลี้ยงอาหารเขาหน่อย”
ฉู่ซิงอวี่รู้สึกงุนงง แต่ไม่ได้ถามอะไรอีก “ได้ครับ”
เขาวางข้อมูลที่เพิ่งรวบรวมไว้บนโต๊ะของเสิ่นอี้โจว พร้อมบันทึกการขอลาที่อยู่ด้านบน “เลขาธิการเสิ่นครับ บ่ายวันเสาร์ผมมีธุระต้องทำที่บ้าน และผมต้องการขอลางานครึ่งวันครับ”
เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นธุระที่น่ายินดีไหม?”
แก้มของฉู่ซิงอวี่เปลี่ยนเป็นสีแดง “แม่ของผม…นัดดูตัวให้ผมน่ะครับ”
เสิ่นอี้โจวทำหน้าครุ่นคิดหลังจากที่ได้ยิน “ถึงเวลาที่คุณจะต้องเข้าสู่เหตุการณ์สำคัญในชีวิตแล้วสินะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอของเขาในตอนนั้น บางทีป่านนี้ฉู่ซิงอวี่และหลิงเยี่ยคงมีคู่ครองไปแล้ว
เขาก้มศีรษะ ลงนามในบันทึกขอลาแล้วพูดว่า “ถ้าไปได้ด้วยดี อย่าลืมชวนผมไปงานเลี้ยงแต่งงานด้วยนะ”
ฉู่ซิงอวี่พยักหน้า “แน่นอนครับ ขอบคุณครับเลขาธิการเสิ่น”
จากนั้นเขาก็กำลังจะจากไป
แต่เสิ่นอี้โจวหยุดเขาไว้ก่อน “เรียกเสี่ยวตงให้เข้ามาพบผมทีด้วยนะ”
เมื่อตงวั่งชุนได้ยินว่าเสิ่นอี้โจวเรียกหา หญิงสาวก็ไม่กล้าที่จะชักช้า เคาะประตูทันทีแล้วเข้ามาข้างใน
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและส่งเอกสารที่เขาเพิ่งเซ็นไว้บนโต๊ะให้เธอ “ช่วยไปที่บ้านของเซี่ยเจิ้งเพื่อส่งเอกสารนี้ให้เขาเซ็นเพิ่มทีนะ แล้วรีบกลับมาทันทีหลังจากที่เขาเซ็นเสร็จ”
เซี่ยเจิ้งล้มป่วยขณะทำงานและไปโรงพยาบาลเพื่อรักษา หลังจากฉีดยาเสร็จเขาก็กลับบ้านพักผ่อนทันที
มีเอกสารที่ค่อนข้างเร่งด่วน หลังจากที่เซี่ยเจิ้งลงนามแล้วจะต้องแจกจ่ายให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ดังนั้นจึงต้องทำโดยเร็วที่สุด
ตงวั่งชุนรับเอกสารแล้วตอบกลับ “รับทราบค่ะฉันจะไปทันที”
เสิ่นอี้โจวเหลือบมองสีหน้าของเธอ ซึ่งซีดลงกว่าเดิม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาและเซี่ยชิงหยวนเห็นใกล้โรงพยาบาลเมื่อไม่กี่วันก่อน ชายหนุ่มก็พูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวตง หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับชีวิตของคุณเอง คุณสามารถบอกผมได้นะ ผมและองค์กรจะช่วยคุณอย่างสุดความสามารถ”
ดวงตาของตงวั่งชุนเบิกกว้างทันที
เธอมองที่เสิ่นอี้โจว ไม่กล้าแม้แต่จะกลืนน้ำลายไปชั่วขณะ
ดวงตาที่อ่อนโยนของเสิ่นอี้โจวไม่มีความคิดแฝงหรือจะยั่วยุ มีเพียงความกังวลของผู้บังคับบัญชาต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น
หัวใจของตงวั่งชุนพลันอบอุ่นขึ้นมา
ครู่หนึ่งเธออยากจะเปิดเผยรอยแผลเป็นอันน่าเกลียดของตน เพื่อแลกกับโอกาสที่จะหลีกหนีจากอดีตอันสกปรกของเธอ
แต่ชีวิตของเธอสกปรกไปแล้ว มันยังจะสะอาดได้อีกเหรอ?
ถ้าคนอื่นรู้จะดูถูกเธอ แล้วคิดว่าเธอเกิดมาเพื่อเป็นผู้หญิงเลวหรือเปล่า?
หัวใจของเธอคิดกลับไปกลับมานับพันครั้ง และความกล้าหาญในช่วงแรกก็หายไปจนหมด
หญิงสาวยิ้มและส่ายหัว “ไม่มีค่ะ ขอบคุณเลขาธิการเสิ่นมากนะคะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หันหลังกลับและออกจากห้องทำงานของเสิ่นอี้โจวไป
ทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดลง ความเข้มแข็งที่เธอแสร้งทำพังทลายลงในทันที ความเสียใจและความรังเกียจเข้าโจมตี และเธอก็พ่ายแพ้ต่อมัน
ชายคนนั้นบอกชัดเจนว่าจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ทำไมจนป่านนี้เขายังไม่ปล่อยเธอไปอีกล่ะ?
หรือเขาอยากให้เธอตายเหรอ?
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกพลางกลั้นน้ำตาที่ไหลออกมา เก็บข้าวของแล้วออกเดินทางไปที่บ้านตระกูลเซี่ย
…
เมื่อตงวั่งชุนไปถึงบ้านตระกูลเซี่ย บ้านที่เคยดูสวยงามตอนนี้มันกลับดูไม่ต่างจากถูกทิ้งร้าง แม้แต่แม่บ้านที่บ้านก็ยังนั่งอยู่ในสนามและงีบหลับ
เมื่อแม่บ้านเห็นใครบางคนมา เธอก็ตื่นตระหนกในตอนแรก จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดกับตงวั่งชุน “ไม่ทราบว่าคุณต้องการให้ช่วยอะไรคะ?”
ตงวั่งชุนยิ้มและตอบกลับ “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้ช่วยของเลขาธิการเสิ่น และฉันมีเอกสารที่ต้องให้ผู้อำนวยการเซี่ยลงนามโดยด่วนน่ะค่ะ”
แม่บ้านดูกระอักกระอ่วนทันที “คุณท่านเซี่ยเพิ่งกินยาไป และน่าจะกำลังหลับอยู่น่ะค่ะ”
ตงวั่งชุนคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้แล้ว “แต่เอกสารนี้เร่งด่วนมากและเราต้องการให้คุณเซี่ยลงนามทันที ฉันขอเข้าไปดูเขาก่อนได้ไหมคะ? และถ้ามันไม่ได้จริง ๆ ฉันจะได้สามารถไปแจ้งต่อเลขาธิการเสิ่นได้ค่ะ”
ตงวั่งชุนพูดถึงขนาดนี้แล้ว ดังนั้นแม่บ้านย่อมไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้อีก
แม่บ้านนำตงวั่งชุนไปที่ห้องของเซี่ยเจิ้ง และชี้ไปยังประตูที่แง้มไว้ “ช่วงนี้คุณท่านเซี่ยไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่นัก โปรดระวังด้วยนะคะ”
ตงวั่งชุนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะ”
เธอมองดูนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง และที่สำนักงานเลิกงานตอนห้าโมงครึ่ง
ถ้ากลับถึงที่ว่าการมณฑลก่อนห้าโมงก็จะมีเวลาส่งเอกสาร
ดังนั้นเธอจึงขอให้แม่บ้านนำเก้าอี้มาและนั่งเฝ้าที่ประตูห้องโดยคิดว่าถ้าเซี่ยเจิ้งยังไม่ตื่น เธอจะรออีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อปลุกเขา
ตงวั่งชุนรอสักพักแล้วก็มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในห้อง เป็นเซี่ยเจิ้งที่ตื่นขึ้นแล้วก็ไอนั่นเอง
เซี่ยเจิ้งเรียกแม่บ้านจากข้างในห้อง บอกว่าเขาต้องการน้ำร้อน
ตงวั่งชุนมองไปรอบ ๆ และพบว่าแม่บ้านหายไปแล้ว
เธอลงไปชั้นล่างหยิบหม้อน้ำร้อน และขึ้นมาชั้นบนแทน
หญิงสาวยืนอยู่ที่ประตูห้องและเคาะประตู “ท่านเซี่ยคะ ฉันขออนุญาตเข้าไปนะคะ”
เซี่ยเจิ้งสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับไป “ได้ ขอบคุณมาก”
ตงวั่งชุนเดินเข้าไปในห้อง ก้มศีรษะลงและไม่มองไปรอบ ๆ
เซี่ยเจิ้งสวมเสื้อผ้าชุดนอน กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงดูอ่อนแอไม่น้อย
ตงวั่งชุนคิดกับตัวเองว่า เซี่ยเจิ้งที่มีสภาพเช่นนี้ช่างดูไม่เหมือนคนที่เคยสามารถวางแผนกลยุทธ์ในแผนกมณฑลเลย
เธอเทน้ำร้อนครึ่งแก้วให้เขาแล้วยื่นให้ “ท่านเซี่ยคะ น้ำร้อนค่ะ”
เซี่ยเจิ้งเอื้อมมือไปรับ “ขอบคุณ…”
“เธอมาทำอะไรที่นี่!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมตะโกนจากประตู เป็นเซี่ยจื่ออี้กลับมาแล้ว