บทที่ 493 หมาป่าหิวโหยที่กำลังมองแกะ
บทที่ 493 หมาป่าหิวโหยที่กำลังมองแกะ
เซี่ยจื่ออี้พูดอยู่ข้างในห้อง “พ่อคะ วันนี้หนูเหนื่อยนิดหน่อยและอยากเข้านอนเร็วน่ะค่ะ ไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันได้ไหมคะ?”
เซี่ยเจิ้งแย้งข้อแก้ตัวของเธอโดยตรง “ลูกเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องมาสองวันแล้วนะ และไม่ก้าวขาออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ ทำไมลูกถึงบอกว่าเหนื่อยล่ะ?”
เขาหยุดชั่วคราว “ถ้าลูกไม่เปิดประตู พ่อจะให้แม่บ้านเอากุญแจมาเปิดประตู”
คำพูดของเซี่ยเจิ้งได้ผลทันที หลังจากความเงียบชั่วครู่ในห้องก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น และประตูก็เปิดออก “พ่อเข้ามาสิคะ”
ก่อนที่เซี่ยเจิ้งจะมองเห็นได้ชัดเจน เซี่ยจื่ออี้ก็ถอยกลับเข้าไป
เซี่ยเจิ้งเปิดประตูแล้วเข้าไปข้างใน ซึ่งเซี่ยจื่ออี้นอนอยู่บนเตียงแล้ว โดยหันหลังให้เขา
เซี่ยเจิ้งดึงเก้าอี้เข้ามานั่งลงข้างเตียงแล้วพูดว่า “ลูกเป็นอะไรไป?”
นับตั้งแต่กลับมาจากบ้านตระกูลเสิ่นในวันนั้น เซี่ยจื่ออี้ก็ไม่ได้ออกมากินข้าวนอกห้องเลย แม้แต่เวลาเขาเรียก เธอก็อ้างว่าไม่สบาย ใช้เป็นข้อแก้ตัวอยู่เรื่อย
เซี่ยจื่ออี้ไออีกสองสามครั้งโดยแกล้งไหล่สั่นราวกับว่าเธอป่วยจริงๆ “เมื่อวานหนูเผลอตากลมมากไป คอของหนูเลยรู้สึกเจ็บน่ะค่ะ”
ขณะที่พูด เธอก็เริ่มไออีกครั้ง “พ่อ…ออกไปก่อนดีกว่า ไม่งั้นอาจจะติดจากหนูก็ได้”
เมื่อเห็นเธอทำท่าเหมือนป่วยหนัก เซี่ยเจิ้งจึงพูดว่า “ถ้าไม่สบายจริง ๆ ก็เรียกคนขับรถมาพาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูดีกว่า”
ขณะที่พูด เขาก็ลุกขึ้นยืนพลางคิดถึงข่าวลือในช่วงนี้และพูดว่า “ไป๋อวิ๋นหลี่ไม่ใช่คนดี อย่าใกล้ชิดกับเขามากนัก”
เสียงไอของเซี่ยจื่ออี้หยุดชั่วครู่หนึ่งแล้วตอบกลับว่า “ค่ะพ่อ หนูเข้าใจแล้ว”
เดิมทีเซี่ยเจิ้งคิดว่าเขาจะต้องใช้เวลามากในการโน้มน้าว แต่เขาไม่คิดเลยว่าคราวนี้เซี่ยจื่ออี้จะเชื่อฟังมาก
ชายชราอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงพูดอีกสองสามคำกับลูกสาว “ไป๋อวิ๋นหลี่มักชอบสร้างคลื่นใต้น้ำต่าง ๆ เขาเป็นคนที่ครอบครัวอย่างเราไม่ควรผูกมิตรด้วย มีผู้ชายที่มีพรสวรรค์จากครอบครัวอื่นมากมาย ตราบใดที่ลูกต้องการและแค่ลูกเอ่ยปากมา ไม่มีอะไรที่พ่อทำให้ลูกไม่ได้”
เซี่ยจื่ออี้นอนตะแคงบนเตียงฟังคำพูดของเซี่ยเจิ้ง มุมปากของเธอปรากฏอาการเยาะเย้ย
แต่เสียงของเธอยังคงตอบอย่างสุภาพ “ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะพ่อ”
เมื่อเห็นว่าวัตถุประสงค์ของการสนทนาบรรลุผลแล้ว เซี่ยเจิ้งก็ไม่อยู่ต่อ เขาลุกขึ้นและออกไป
เซี่ยจื่ออี้ฟังเสียงฝีเท้าด้านนอกประตูค่อย ๆ หายไป จากนั้นเธอก็พลิกตัวลงจากเตียง
ใบหน้าที่เคยสวยแต่เดิมของเธอทั้งแดงบวม และแม้แต่คอก็มีรอยบวมหลายแห่ง
ความรู้สึกคันอีกครั้งเกิดขึ้นที่ใบหน้า และเซี่ยจื่ออี้ก็กัดฟันด้วยความเจ็บปวด
เธอคว้าหมอนบนเตียงแล้วโยนมันลงบนพื้นราวกับระบายความโกรธ “อะไรคือ ‘ไม่มีอะไรที่พ่อทำให้ลูกไม่ได้’? ก็แค่พูดใหญ่โตไปเรื่อย! หากมีความสามารถจริง ๆ งั้นการหมั้นหมายกับตระกูลฉีจะถูกยกเลิกรึไง? แล้วทุกคนจะหัวเราะเยาะฉันแบบนี้เหรอ?”
ความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ “ทั้งหมดมันเป็นความผิดของคุณ! เป็นความผิดของคุณทั้งหมด!”
…
อาเซียงเดินทางไปที่เมืองกว่างโจวอีกครั้งโดยไม่บอกเฮ่ออวี้เฟิงล่วงหน้า
เธอไปเมืองกว่างโจวหลายครั้งด้วยตัวเองหรือกับเซี่ยชิงหยวน ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับมันแล้ว
หญิงสาวเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พลันครุ่นคิดแล้วจึงตรงไปที่ร้านซ่อมรถยนต์ของเฮ่ออวี้เฟิง
หนึ่งปีผ่านไปแล้ว ธุรกิจร้านซ่อมรถของเฮ่ออวี้เฟิงดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เขาไม่ได้ขยาย ยังคงเป็นร้านเล็ก ๆ ที่มีร่มกันแดดขนาดใหญ่อยู่ข้างนอก
เมื่ออาเซียงลงจากรถพร้อมสัมภาระ เฮ่ออวี้เฟิงก็กำลังซ่อมรถอยู่ข้างในร้าน
เขาสวมเสื้อกั๊กและกางเกงยีนสีน้ำเงินอ่อน นอนหงายอยู่ใต้รถหรูคันหนึ่งที่มีแม่แรงค้ำไว้กำลังซ่อมแซมบางสิ่งด้วยเครื่องมือ
ในเดือนกันยายนที่กว่างโจว ในร้านค่อนข้างร้อน พนักงานล้วนก็เหงื่อออกกันหมด และเฮ่ออวี้เฟิงก็เหงื่อออกมากเช่นกัน
เสื้อของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และแขนของเขาก็มันเงาเป็นสีน้ำผึ้ง ทุกการกระทำที่เขาทำ กล้ามเนื้อจะขยายขึ้น และเส้นลายกล้ามเนื้อเขาก็กระชับแน่น
ลูกจ้างในร้านจำอาเซียงได้และทักทายเธอ “อ้าวอาเซียง สาวน้อยมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
อาเซียงยิ้มและพยักหน้า “สวัสดีค่ะ”
เฮ่ออวี้เฟิงก็ได้ยินเสียงและผลักตัวออกมาจากใต้ท้องรถ ซึ่งดวงตาของอาเซียงกับเขาก็สบกันพอดี
ใบหน้าของเขามีเหงื่อออกและมีคราบน้ำมันเครื่องเปื้อนที่หน้าผากด้านซ้าย ทั้งตัวของเขาดูให้ความรู้สึกเหมือนเด็กที่เพิ่งเล่นซุกซนมาก็ไม่ปาน
ก่อนที่ทั้งสองจะมีเวลาทักทาย กลิ่นหอมก็โชยมาจากด้านหลังของอาเซียง จากนั้นก็มีผู้หญิงแต่งตัวทันสมัยคนหนึ่งเดินผ่านเธอไป พลางนั่งยอง ๆ ข้างรถ
ผู้หญิงคนนั้นอายุราวสามสิบ ใส่ชุดสีแดง ถุงน่องสีดำ ดัดผมแบบลอนยอดนิยม แต่งหน้าก็สวย แม้แต่กระเป๋าที่ถือก็ยังเป็นกระเป๋าหนังจระเข้ที่ดูแพง
ทันทีที่อาเซียงเห็นผู้หญิงคนนั้น เธอก็รู้สึกละอายใจและด้อยกว่า
หญิงสาวพลางมองดูตัวเอง
เพื่อให้ง่ายต่อการนั่งรถมอเตอร์ไซค์และไม่อวดความมั่งคั่ง เธอจึงสวมเสื้อผ้าที่มักจะใส่เมื่อทำงานที่บ้าน ซึ่งดูธรรมดาอย่างมาก
เธอคิดในใจ แม้ว่าโดยปกติจะอยู่ในมณฑลอวิ๋นและสวมเสื้อผ้าแบบใหม่ล่าสุดของร้านยามต้องมนต์ เธอก็ยังน่าจะไม่สามารถเทียบกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าได้ เพราะทั้งร่างของผู้หญิงคนนี้ฉายให้เห็นถึงความสูงส่งและความเหนือกว่าอย่างล้นหลาม
ผู้หญิงวัยกลางคนดูไม่รังเกียจกับความสกปรกเลย เธอก้มศีรษะแล้วพูดกับเฮ่ออวี้เฟิงด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่เฮ่อ การซ่อมรถของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
อาเซียงเข้าใจแล้ว รถคันนี้เป็นของผู้หญิงคนนี้นี่เอง
แต่ตอนนี้อาเซียงยิ่งคิดว่ามันแปลก ร้านซ่อมรถของเฮ่ออวี้เฟิงแม้จะมีชื่อเสียงที่ดีและมีรถเข้ามาซ่อมอยู่เรื่อย ๆ แต่เธอไม่เคยเห็นรถคันไหนที่ดูหรูหราเหมือนกับรถของผู้หญิงคนนี้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมองดูการแสดงออกของผู้หญิงที่มองเฮ่ออวี้เฟิง มันเหมือนกับหมาป่าหิวโหยที่กำลังมองแกะ อาเซียงเริ่มเข้าใจแล้ว
เฮ่ออวี้เฟิงออกมาจากใต้ท้องรถแล้วตอบง่ายๆ “คุณน่าจะสามารถขับรถกลับเย็นวันนี้ได้เลยครับ”