บทที่ 489 มาดูกันว่าหญิงชราคนนี้จะฆ่าเธอให้ตายยังไง
บทที่ 489 มาดูกันว่าหญิงชราคนนี้จะฆ่าเธอให้ตายยังไง
หลังจากพูดอย่างนั้น เซี่ยชิงหยวนก็เดินผ่านเซี่ยจื่ออี้โดยไม่หันกลับไปมองอีก
เซี่ยจื่ออี้ยืนอยู่ที่นั่น กำมือแน่นจนเล็บจิกลงในฝ่ามือโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวก้มศีรษะลงและผมหน้าม้าที่ตกลงมาก็ซ่อนความเกลียดชังไว้ในดวงตาของเธอ เหลือเพียงกรามที่ขบแน่นเท่านั้นที่เผยให้เห็นอารมณ์ปั่นป่วนในหัวใจ
ในสภาพแวดล้อมรอบตัวมีชีวิตชีวาราวกับว่าพวกเขากำลังคุยกับเธอ แต่แท้จริงแล้วไม่มีใครคุยกับเธอเลย หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าหัวของเธอกำลังจะระเบิดไปหมด
บริเวณแก้มที่ถูกสัมผัสเริ่มมีอาการคันและเจ็บ เธออดทนต่อความรู้สึกไม่สบายและรีบวิ่งออกไปท่ามกลางฝูงชน
ผู้คนที่เธอเดินผ่านก็มองแปลก ๆ แล้วหันกลับไปพูดต่อในหัวข้อของพวกเขา
เซี่ยเจิ้งซึ่งยืนอยู่กับพวกผู้ชายสังเกตเห็นเซี่ยจื่ออี้วิ่งออกไป และดวงตาของเขาก็หรี่ลง
“ท่านเซี่ย ท่านเซี่ยครับ?” คนอื่น ๆ เรียกเขา
เซี่ยเจิ้งยิ้มขอโทษ “ขออภัยด้วย เมื่อกี้คุณพูดอะไรนะ?”
…
เซี่ยชิงหยวนเพิ่งก้าวไปสองก้าวและเฟิงหว่านกับหลิงหลินก็มาล้อมรอบเธอแล้ว
เฟิงหว่านถามทันที “เธอพูดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นน่ะ? ดูสนิทมากเลย?”
หากทั้งสองคืนดีกันในเวลาอันสั้นนี้ เฟิงหว่านไม่มีทางเชื่อแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับคนอย่างเซี่ยจื่ออี้ เซี่ยชิงหยวนไม่น่าจะดีด้วยอีกต่อไปเว้นแต่สมองจะมีปัญหา
สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนมืดลงทันที “ผู้หญิงคนนั้นซ่อนผงยาอยู่ใต้เล็บของเธอ และอยากจะสัมผัสใบหน้าลูกของฉันน่ะ”
ทันทีที่คำพูดของเซี่ยชิงหยวนดังออกมา สีหน้าของเฟิงหว่านและหลิงหลินก็เปลี่ยนไปทันที
เฟิงหว่านโกรธมากจนหันกลับจะเดินไปหาเซี่ยจื่ออี้
“อย่า” เซี่ยชิงหยวนรั้งเฟิงหว่านไว้ “เซี่ยเจิ้งก็อยู่ที่นี่ด้วย วันนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะก่อปัญหาหรอก”
เซี่ยเจิ้งอยู่ด้วยและเด็กก็สบายดี เธอไม่สามารถลากเซี่ยจื่ออี้ไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบสวนได้
ถึงแม้จะพบว่าที่เล็บมีบางอย่างผิดปกติก็ตาม ตามกฎหมายแล้วเซี่ยจื่ออี้ก็ยังไม่ได้ทำความผิดอะไร ดังนั้นจะเอาผิดได้ยังไง?
ยิ่งไปกว่านั้น ตามสันดานของเซี่ยจื่ออี้ เธอคงจะไปทำการแสดงในโรงพัก สุดท้ายคงเอาความผิดอะไรไม่ได้อยู่ดี
คาดหวังให้เซี่ยเจิ้งคอยควบคุมเหรอ?
หากเซี่ยเจิ้งมีความสามารถมากพอ เซี่ยจื่ออี้จะไม่กล้าทำสิ่งนี้ตั้งแต่แรก
เฟิงหว่านกับหลิงหลินคิดเรื่องนี้ออกทันที และพวกเธอก็กัดฟันกรอดอย่างแค้นเคือง
เฟิงหว่านพูดว่า “ฉันก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมวันนี้เธอถึงมาที่นี่ ที่แท้เธอซ่อนความคิดสกปรกแบบนี้ไว้เอง!”
และทันใดนั้น ดูเหมือนเฟิงหว่านจะนึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ “หรือว่าเหตุการณ์งานเลี้ยงที่ชานเมืองนั่นที่วัวคลั่งโดยไม่มีเหตุผล เธอก็ใช้วิธีเดียวกัน?”
เซี่ยชิงหยวนไม่พยักหน้าหรือส่ายหัว “ตอนนั้นฉันพอเดาได้ แต่ไม่มีหลักฐานน่ะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิงหว่านก็ต้องการที่จะวิ่งเข้าไปบีบคอเซี่ยจื่ออี้ให้ตายจริงๆ!
หลิงหลินเองยังรังเกียจเซี่ยจื่ออี้อย่างมาก “บ้าไปแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนตบไหล่ทั้งสองคน “โชคดีที่ตอนนี้เด็ก ๆ ไม่ได้เป็นอะไร ทั้งสองคนก็ควรระวังตัวเอาไว้บ้างนะ”
เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมที่ชั่วร้ายของเซี่ยจื่ออี้ในวันนี้ ดูเหมือนว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้อย่างลับ ๆ
เฟิงหว่านเอ่ยกระซิบ “ฉันได้ยินจากสามีว่ากำลังมีข้าราชการระดับสูงคนใหม่ย้ายเข้ามา และเขาสนิทกับเซี่ยจื่ออี้มาก บุคคลนั้นเข้ารับตำแหน่งใหม่เป็นผู้นำในการสืบสวนและลงโทษเหล่าข้าราชการรุ่นเก่าจำนวนมากด้วย”
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้ว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เซี่ยจื่ออี้กล้าทำตัวเหมือนที่ทำในวันนี้
เธอพึมพำ “ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณที่เตือนฉันนะ”
เธอกับเสิ่นอี้โจวไม่กลัว เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่เคยทำอะไรผิดและไม่มีอะไรให้คนอื่นสามารถมาจับกุมได้ แต่ถ้าเซี่ยจื่ออี้มุ่งเป้าหมายไปที่ตระกูลฉี…
เธอส่ายหัวหวังว่าตัวเองจะคิดมากไป
เซี่ยชิงหยวนคำนึงถึงลูก ๆ ของเธอ พูดสองสามคำกับคนอื่น จากนั้นจึงรีบกลับเข้าไปในห้อง
เด็กน้อยสองคนถูกอุ้มไว้ในมือของหวังผิงและหลินตงซิ่วตามลำดับ กำลังหยอกล้อเล่นอยู่
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เด็ก ๆ เป็นอะไรไหมคะ?”
หลินตงซิ่วยังคงหวาดกลัวอยู่หลังจากถูกหวังผิงดุสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้
แต่หวังผิงยังมีสีหน้าเหมือนเดิม “พวกเขาเก่งมาก แม่เพิ่งเปลี่ยนผ้าอ้อมไป แต่ก็ยังมีแขกมากมายอยู่ในบ้าน เราว่าจะพาเด็กๆ ลงไปทีหลังน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า อุ้มลูกชายคนเล็กของเธอจากอ้อมแขนของหลินตงซิ่วและตรวจดูเขาอย่างระมัดระวัง ซึ่งใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาไม่มีอะไรผิดปกติ
เธอถามขึ้น “แม่คะ ผู้หญิงคนนั้นได้แตะตัวเด็กรึเปล่า?”
ทั้งสองคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังพูดถึงใคร และทั้งคู่ก็ส่ายหัว “ไม่”
หลินตงซิ่วยังพูดอีกว่า “เดิมทีเธออยากสัมผัสใบหน้าของเด็ก แต่ต้องขอบคุณแม่ของลูกนะที่หาทางเลี่ยงได้ทัน”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างขอบคุณที่หวังผิง “ขอบคุณค่ะแม่”
หวังผิงคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “จากน้ำเสียงที่ลูกถามถึงเธอ ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ลูกมีเรื่องด้วยใช่ไหม? วันนี้แค่แม่มองเธอแวบเดียว แม่ก็รู้ได้เลยว่าเธอไม่ใช่คนดี”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้ม “ทำไมแม่ถึงคิดว่าเธอไม่ใช่คนดีล่ะคะ?”
หวังผิงพูดอย่างครุ่นคิด “แม่ก็อธิบายไม่ได้ แม่แค่รู้สึกว่าเธอแตกต่างจากคนอื่นที่มาในวันนี้ ไม่ใช่ว่าแม่ดูถูกครอบครัวของเราเองนะ แต่ถ้าให้มองแล้วเทียบกัน ถึงหลานชายของแม่จะดูน่ารัก แต่ถ้าเทียบกับหลานสาวของแม่แล้วเขาสู้ไม่ได้เลย”
“เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินว่าใครเป็นพี่สาวและคนไหนเป็นน้องชาย เธอก็จ้องแต่ที่ลูกชายของลูก ทำท่าทางเหมือนชอบมากจนอยากจะสัมผัสเขามากเลย”
ไม่ใช่ว่าลูกชายของเซี่ยชิงหยวนไม่น่ารัก แต่เขาแค่น่ารักสู้พี่สาวไม่ได้ ตอนนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่ดีพอให้คนอื่นชมอย่างเหนือกว่าเมื่ออยู่คู่กับพี่สาว
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์นั้น หวังผิงก็อดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจ “ฉันกินเกลือมากกว่าที่ผู้หญิงคนนั้นกินข้าวซะอีก คิดตบตาฉันคนนี้รึไง?”
หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของหวังผิง เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจว่า แม่ของเธอช่างมีดวงตาที่เฉียบแหลมสุด ๆ
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้จะซ่อนเรื่องนี้ไว้เช่นกัน เธอคิดว่าตัวเองควรอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนดีกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้หญิงชราทั้งสองตกหลุมพรางของเซี่ยจื่ออี้
เธอพูดว่า “ครอบครัวของเราเข้ากันไม่ได้กับผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ ค่ะ อี้หลินเกือบโดนวัวคลั่งทำร้ายมาก่อน และอี้โจวกับหนูก็สงสัยว่าเธอคือคนที่ทำมัน เมื่อกี้ตอนที่หนูลงไปก็พบว่าเธอซ่อนผงบางอย่างอยู่ระหว่างเล็บ ซึ่งหนูคิดว่าเธอน่าจะคิดใช้มันในการทำร้ายเด็กค่ะ”
เมื่อหวังผิงได้ยินดังนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนทันที “จิตใจอำมหิตอะไรอย่างนี้! มาดูกันว่าฉันหญิงชราคนนี้จะฆ่าเธอให้ตายยังไง!”