บทที่ 476 เปลี่ยนตำแหน่ง
บทที่ 476 เปลี่ยนตำแหน่ง
เซี่ยชิงหยวนนอนอยู่บนเตียงและถูกพยาบาลเข็นผ่านทางเดินลึกที่มีแสงไฟสีเขียว จากนั้นประตูห้องผ่าตัดก็ถูกผลักเปิดเข้าไป
เมื่อพวกเขาเข้าไป นางพยาบาลสูงวัยที่อยู่ด้านข้างก็หยุดพยาบาลที่สาวกว่า “หัวก่อนสิ ไม่ใช่เท้าก่อน!”
นางพยาบาลสาวตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง จึงรีบขอโทษอย่างรวดเร็ว และหันหน้าไปทางเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนคิดกับตัวเอง เธอไม่คาดคิดว่าความเชื่อดังกล่าวที่ถูกพูดในโรงพยาบาล ตอนนี้มันกลับกลายเป็นตัวเธอที่ฝ่าฝืนซะแล้ว
เพราะนี่อาจเป็นพรสำหรับแม่ทุกคน
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนคิดเรื่องนี้ ท้องของเธอก็เจ็บอีกครั้ง ช่วงทวารหนักบีบรัดและรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระอย่างแรง
เธอรู้ว่าสิ่งนี้เกิดจากการที่เด็กกำลังเคลื่อนลงไป
มือของเธอที่ถูกแทงด้วยเข็มเอื้อมไปตบท้องของตัวเองเบา ๆ และกระซิบ “ลูกของแม่ เราต้องช่วยกันด้วยนะ”
…
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนถูกเข็นเข้าไปในห้องคลอด พยาบาลที่เตรียมการในห้องคลอดก็ทำงานร่วมกันเพื่ออุ้มเธอขึ้นเตียงผ่าตัดที่สูงกว่า
เตียงผ่าตัดนี้มีความยาวแค่เพียงครึ่งเดียวของเตียงทั่วไป มีร่องรูปวงรีที่ด้านล่างและมีสองสิ่งที่คล้ายคันเหยียบทั้งสองข้างของเตียง ซึ่งเป็นที่สำหรับให้คุณแม่วางเท้า
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนนอนลงบนเตียงผ่าตัด เธออดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว ไม่ว่าเพราะอุณหภูมิภายในต่ำเกินไปหรือเพราะกังวลก็ตาม
พยาบาลสาวที่เคยดูแลเธอมาก่อนไม่ได้เข้ามา และถูกแทนที่ด้วยนางพยาบาลอายุประมาณ 40 ปี
นางพยาบาลสูงวัยยิ้มให้ ดวงตาของเธอหรี่ลง พลางจับมือของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “อย่ากลัวไปเลยค่ะ ข้างในนี้อาจจะหนาวไปนิดหน่อยแค่นั้นเอง”
เธอพูดเสริม “เราจะอยู่กับคุณตลอดเวลาค่ะ ถ้าคุณกลัวแค่จับมือฉันไว้นะคะ”
หมอฮวงและหมออายุราว ๆ เดียวกันอีกคนก็เข้ามาด้วย
หมอฮวงพูดว่า “นี่คือหมอฟ่านค่ะ เป็นผู้อำนวยการแผนกสูติศาสตร์ เธอได้ทำคลอดบุตรมาแล้วอย่างน้อยหลายหมื่นคน เมื่ออยู่กับเธอที่นี่ คุณและลูก ๆ ของคุณจะปลอดภัยแน่นอนค่ะ”
หมอฟ่านยังพูดอีกว่า “ตำแหน่งของทารกในครรภ์ดีมากค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ”
ต้องบอกว่าในเวลานี้กำลังใจจากผู้อื่นก็เหมือนกับการขจัดความกลัวภายในของเซี่ยชิงหยวนได้เป็นอย่างดี
ในการคลอดบุตร เธอต้องปฏิบัติตามคำแนะนำและความช่วยเหลือของหมอกับพยาบาล รวมถึงต้องให้ความร่วมมือมากที่สุด เมื่อเธอถูกบอกให้ออกแรงก็ต้องออกแรงเบ่งและกลั้นเมื่อถูกสั่ง
เมื่อเธอเกือบจะหมดแรง หมอฟ่านซึ่งเฝ้าปลายเตียงก็พูดว่า “เห็นหัวเด็กแล้ว พยายามต่อไปค่ะ!”
หมอฮวงยังพูดอีกว่า “พยายามต่อไปค่ะ คุณใกล้จะได้เจอลูก ๆ ของคุณเร็ว ๆ นี้แล้วนะคะ”
คำพูดของหมอทั้งสองปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง และเธอกัดฟันของตัวเอง
การคลอดบุตรนั้นใช้พลังงานอย่างมาก และเธอนึกภาพไม่ออกอีกต่อไปว่าเด็กคนหนึ่งจะออกมาจากท้องของตัวเองได้ยังไง
ขณะที่หมอฟ่านตะโกน “เบ่งค้างไว้ เบ่งให้แรงขึ้นช้า ๆ แล้วหายใจเข้าลึก ๆ ค่ะ”
เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างติดอยู่ตรงนั้นของตัวเอง
เซี่ยชิงหยวนรู้ว่านี่เป็นลูกคนแรกของเธอ
หญิงสาวระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเชื่อฟัง
ขณะที่ท้องของเธอผ่อนคลายลงอย่างกะทันหัน เสียงร้องไห้ของทารกก็ดังไปทั่วห้องคลอด
หมอฮวงพูดอย่างมีความสุข “ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว เป็นลูกสาวตัวน้อยค่ะ!”
หมอฟ่านวางเด็กไว้บนผ้าปลอดเชื้อ หมอฮวงรับหน้าที่ตัดสายสะดือทันที อุ้มเด็กไว้ตรงหน้าเซี่ยชิงหยวนและพูดว่า “ดูสิ เธอเป็นสาวน้อยที่สวยงามมากเลยค่ะ”
ทารกแรกเกิดคนนี้ไม่มีคราบเหมือนเด็กทั่วไป นอกจากริ้วรอยบนผิวหนังแล้ว ยังสวยเกินไปอีกด้วย
เด็กน้อยอ้าปากร้องเสียงดังราวกับประกาศการมาถึงของเธอในโลกนี้
หมอฮวงอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขน ให้ทารกแตะแก้มของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “จูบแม่หน่อยมา”
ดูเหมือนว่าเด็กจะเข้าใจสิ่งที่หมอฮวงพูด เธอขยับใบหน้าเล็ก ๆ ของตนไปยังทิศทางของเซี่ยชิงหยวนโดยทำปากเล็ก ๆ เป็นการจูบเซี่ยชิงหยวนที่แก้ม
ความรู้สึกแปลก ๆ ปกคลุมร่างกายของเซี่ยชิงหยวน เธอกลั้นน้ำตาและรู้สึกถึงความใกล้ชิดของลูกสาว
หลังจากสัมผัสระหว่างแม่และลูกสาวสั้น ๆ หมอฮวงก็มอบเด็กให้พยาบาลที่อยู่ด้านข้างแล้วพูดกับเซี่ยชิงหยวน “ยังเหลือลูกอีกคนหนึ่ง มาพยายามกันต่อเถอะค่ะ”
การเกิดของลูกคนแรกทำให้เซี่ยชิงหยวนมีความกล้าหาญมากขึ้น หลังจากรู้จังหวะการคลอดแล้ว ทุกคนคิดว่าลูกคนที่สองจะคลอดได้อย่างราบรื่น แต่หมอฟ่านกลับบอกข่าวที่ไม่มีใครอยากจะได้ยิน
การแสดงออกของหมอฟ่านเปลี่ยนไปและเธอกระซิบ “ตำแหน่งของทารกในครรภ์เปลี่ยนไป”
หมอฮวงเอื้อมมือไปสัมผัสท้องของเซี่ยชิงหยวนอย่างรวดเร็ว และใบหน้าของเธอก็มืดลง
เธอสบตากับหมอฟ่าน หันหลังกลับและออกจากห้องผ่าตัดทันที
เซี่ยชิงหยวนกำลังนอนอยู่บนเตียง ไม่สามารถมองเห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างหมอทั้งสองได้ชัดเจน และไม่รู้ว่าหมอฮวงออกไปข้างนอกเลย
เธอยังคงรู้สึกเจ็บปวดจากการคลอดและวางแผนที่จะคลอดลูกคนที่สองเช่นเดียวกับการให้กำเนิดลูกสาว
แต่ถึงอย่างนั้น เธอเองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แทนที่จะรู้สึกเหมือนเดิมกับตอนที่ลูกสาวของเธอคลอดออกไป ลูกคนนี้ในท้องกลับกระสับกระส่ายและขยับไปรอบ ๆ ในลักษณะที่จับทิศทางไม่ได้
การเบ่งคลอดลูกคนแรกได้ใช้พลังงานไปมากแล้ว การเป็นเช่นนี้ทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกอึดอัด
พยาบาลสงบลมหายใจ “อย่ากังวลค่ะ ผ่อนคลายไว้”
เธอมองไปที่หมอฟ่านแล้วถามว่าจะทำอย่างไรต่อด้วยสายตา
การคลอดบุตรเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ไม่เพียงแต่หมอต้องคอยทำคลอดเด็กเท่านั้น แต่ยังต้องใส่ใจอารมณ์ของแม่ตลอดเวลาด้วย
คุณแม่บางคนทนไม่ได้ต่อสิ่งกระตุ้น อาจส่งผลเสียต่อตนเองและทารกในครรภ์ ซึ่งหมอต้องใช้ประสบการณ์และทักษะของตนเองในการตัดสินใจ รวมทั้งตอบสนอง
หมอฟ่านเห็นว่าแม้เซี่ยชิงหยวนจะอ่อนแอในขณะนี้ แต่แววตาก็ยังชัดเจน ซึ่งน่าจะสามารถอดทนและตัดสินใจได้
เวลาเป็นสิ่งสำคัญ แค่ถูกรั้งอยู่ในท้องของแม่เพิ่มอีกสักนาทีก็ถือว่าเป็นอันตรายมาก ๆ แล้ว
เธอรีบเปลี่ยนถุงมือแล้วพูดกับเซี่ยชิงหยวน “เด็กคนนี้ค่อนข้างซนและย้ายตำแหน่งของตัวเองไม่เหมือนกับพี่สาว ช่วยอดทนกับฉันทีนะคะ ฉันต้องแก้ไขตำแหน่งทารกในครรภ์ให้คุณก่อนค่ะ”
ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มีแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขตำแหน่งทารกด้วยมือเปล่า แต่วิธีนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับผู้ที่ทำ หากไม่ระวัง ทารกในครรภ์อาจประสบอุบัติเหตุได้
ในความเป็นจริง วิธีที่ปลอดภัยกว่าคือการใช้ยาชาเพื่อจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าว แต่หมอฮวงบอกว่าเซี่ยชิงหยวนแพ้ส่วนผสมของยาชา
คำพูดของหมอฟ่านนั้นเหมือนกับค้อนอันหนักหน่วงที่กระแทกหัวใจของเซี่ยชิงหยวนอย่างแรง
เธอได้พบกับสายตาอันแน่วแน่ของหมอฟ่านและต้องบอกตัวเองว่านี่เป็นเรื่องจริง
สำหรับเธอ แค่หวังว่าลูกของตัวเองจะเกิดมาอย่างปลอดภัย เพราะงั้นเธอก็สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้
เซี่ยชิงหยวนพูดกับหมอฟ่าน “หมอคะ ทำมันเลยค่ะ!”
…
นอกห้องคลอด หมอฮวงเดินออกไปแล้วพูดกับเสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ ที่รออยู่ “ตอนนี้เด็กคนแรกเกิดแล้ว แต่เด็กคนที่สองยังติดขัดอยู่ เด็กเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ในท่าหันสะโพกออกมาน่ะค่ะ”
ตำแหน่งท่านั้นถือว่าเป็นตำแหน่งที่อันตรายที่สุดของทารกในครรภ์
ไม่เพียงแต่เสิ่นอี้โจวเท่านั้น แต่ปี่เหลาซานและคนอื่น ๆ ก็หน้าซีดตามไปด้วย
“ลูกสาวของฉัน!” ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังมาจากปลายทางเดิน ซึ่งมันมาจากหวังผิงที่กำลังตื่นตระหนกนั่นเอง