บทที่ 467 ท้องของคุณนั้นงดงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา
บทที่ 467 ท้องของคุณนั้นงดงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา
วันเวลาผันผ่านมาจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม เหลือเวลาอีกราวครึ่งเดือนก่อนถึงกำหนดคลอด
ในตอนเย็น เซี่ยชิงหยวนนั่งบนเก้าอี้ผ้าใบในลานบ้านพลางมองดูเสิ่นอี้หลิน ซึ่งนั่งยอง ๆ เล่นโคลนอยู่ด้านข้าง
เมื่อเดือนที่แล้ว หลินตงซิ่วซื้อไก่ 30 ตัวมาเลี้ยงที่สวนหลังบ้าน พร้อมบอกให้ป้าอู๋นัดหมายกับญาติของเธอที่อาศัยอยู่ในชนบท ทั้งไก่เอย ปลาเอย รวมถึงไข่ไก่ล้วนอยู่ในรายการ
ข้าง ๆ เสิ่นอี้หลินนั้นเต็มไปด้วยดอกฟู่หลางที่แข่งกันบานสะพรั่ง สีแดง ชมพู เหลือง ขาว ทั้งกลีบดอกและเกสรล้วนแตกต่างกัน
เสียงนกร้องดังมาจากต้นไม้ใกล้ ๆ เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองไปพบว่ามีนกขุนทองอยู่หลายตัว
เมื่อเจ้านกน้อยเห็นเซี่ยชิงหยวนจ้องมองมาก็ยิ่งส่งเสียงกันอย่างคึกคักขึ้น
เสิ่นอี้หลินหยิบก้อนหินเล็ก ๆ บนพื้นแล้วเขวี้ยงไปทางนกบนต้นไม้
เสิ่นอี้หลินยังเด็ก ประกอบกับต้นไม้นั้นสูงใหญ่ ทำให้หินก้อนนั้นไม่ได้โดนฝูงนก ทว่าพอจะทำให้พวกมันตกใจจนตะเบ็งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าว
เด็กในท้องอาจได้ยินเสียงโกลาหลจึงดิ้นเล็กน้อย
ตอนนี้ตำแหน่งของทารกในครรภ์นั้นคงที่แน่นอน โดยพื้นฐานแล้ว เซี่ยชิงหยวนพอจะเข้าใจถึงความชอบของลูกน้อยทั้งสองได้
คนที่เตะต่อยเธอทุกครั้งจนทำให้ท้องนูนขึ้นรอยเล็ก ๆ คือทารกที่อยู่ทางขวา ส่วนทารกที่อยู่ทางซ้ายจะค่อนข้างเงียบสงบกว่าด้วยการยกบั้นท้ายขึ้นมาราวกับพลิกตัว
และเกือบทุกครั้งที่ทารกทางขวาเคลื่อนไหวตัวแรงขึ้น ทารกทางซ้ายเองก็จะขยับตามไปด้วยอยู่หลายที ทำให้ท้องของเธอแทบจะพลิกไปมา มีหลายต่อหลายครั้งที่ส่งไปถึงกระดูกซี่โครงของเธอ ทำเอาเจ็บปวดเสียจนตัวงอ
ในตอนท้ายของวันนั้นมักจะเงียบนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าใครสอนบทเรียนให้ใคร
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้กลัวการที่พวกเขาชอบเคลื่อนไหว แต่เกรงว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวมากจนสายสะดือพันรอบคอ ดังนั้นเธอจะคอยนับการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์เป็นระยะ ๆ
ในช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ทารกในท้องไม่ได้เคลื่อนไหวบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งคุณหมอฮวงกล่าวว่าเป็นเพราะพื้นที่ในการเคลื่อนไหวภายในรกค่อย ๆ เล็กลง
น้ำหนักของเธอตอนนี้นั้นขึ้นมากกว่าก่อนตั้งครรภ์ราวสามสิบจิน แขนขาของเธอก็กลมมนขึ้นกว่าเดิมอยู่เล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน ท้องขนาดใหญ่ตรงหน้ายิ่งยื่นออกมามากขึ้นจนต้องพยุงเอวทุกครั้งที่นั่งหรือลุกขึ้น
เธอก้มศีรษะลงเพื่อมองดูเท้าของตัว แต่กลับพบว่าท้องกลม ๆ บังสายตาเธอเอาไว้ หญิงสาวจึงยกเท้าขึ้น
เมื่อยื่นนิ้วออกมาและกดเบา ๆ ผิวหนังบริเวณนั้นก็ยุบลงเล็กน้อยจากอาการบวมน้ำ
ที่หน้าท้องของเธอยังมีรอยแตกลายจาง ๆ จึงได้ไปเลียบเคียงถามคุณหมอฮวงแล้ว จากนั้นเผ่ยเยว่เองก็ฝากให้เพื่อนของเธอส่งผลิดภัณฑ์ดูแลผิวจากต่างประเทศกลับมาให้
คุณหมอฮวงกล่าวว่า “คุณอุ้มท้องลูกแฝด หน้าท้องของคุณย่อมขยายออกมากกว่าสตรีมีครรภ์คนอื่น ๆ อยู่บ้าง อย่าได้เอาไปใส่ใจเลยค่ะ ท้องของคุณนั้นงดงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเชียวแหละ”
เซี่ยชิงหยวน “… ขอบคุณค่ะคุณหมอฮวง”
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงของใครบางคนพลันดังมาจากประตูหน้า ครั้นหญิงสาวเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจก็พบว่าเสิ่นอี้โจวที่เพิ่งกลับมา
เสิ่นอี้หลินกลัวมากจนรีบสะบัดโคลนในมือออกแล้วรีบไปล้างมือที่อ่างล้างมือซึ่งอยู่ไม่ไกล หลังจากล้างมือแล้วเขาก็สุ่มเช็ดมือส่งเดชไปตามเสื้อผ้า ก่อนจะวิ่งเข้าไปในบ้าน
เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีเซี่ยชิงหยวนอยู่ข้างหลัง เขาจึงหันกลับมาอีกครั้ง วางมือของเซี่ยชิงหยวนบนแขนของตัวเองพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สะใภ้ ผมช่วยครับ”
เด็กคนนี้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยสูงเพียงแค่เอวของเธอ ตอนนี้แทบจะสูงเกือบถึงหน้าอกของหญิงสาวแล้ว แก้มกลมเกลี้ยง ผิวของเขาขาวขึ้นเรื่อย ๆ โดยไร้ซึ่งร่องรอยแห่งความหมองคล้ำทั้งยังผอมบางในอดีต
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะพลางสะกิดปลายจมูกของเขา “ตัวแสบ”
เสิ่นอี้โจวซึ่งเข้ามาทางประตูหน้าก็มาจับมืออีกข้างหนึ่งของเซี่ยชิงหยวน
เสิ่นอี้หลินเอ่ยขึ้นทันทีว่า “พี่ใหญ่ ผมจะเข้าไปทำการบ้านในห้องนะ”
จากนั้นเขาก็พยายามวิ่งหนี
“เดี๋ยวก่อน” เสิ่นอี้โจเอ่ยหยุดเขาไว้ “ตอนนี้แสงไม่ดีนัก เอาไว้ทำพรุ่งนี้เถอะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้หลินพลันรู้สึกราวกับว่าบาปกรรมร้ายแรงของเขาได้รับการอภัย จึงเอ่ยตอบอย่างมีเบิกบานใจ “ขอบคุณพี่ใหญ่!”
เขากล่าวเสริมว่า “ผมขอออกไปเล่นกับเด็กคนอื่นได้ไหม?”
เสิ่นอี้โจวกล่าวตอบ “ไปเถอะ”
เมื่อใกล้ถึงวันกำหนดคลอด เสิ่นอี้โจวก็กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน โดยมักจะอยู่เป็นเพื่อนจนเซี่ยชิงหยวนหลับไป ก่อนที่เขาจะไปทำงานที่ห้องหนังสือ
เมื่อเห็นเสิ่นอี้หลินวิ่งออกไป เซี่ยชิงหยวนก็เอ่ยว่า “คุณน่ะ เข้มงวดกับเด็กเกินไปแล้ว”
เสิ่นอี้โจวมองผู้เป็นภรรยาด้วยแววตาอ่อนโยน ”แม่ควบคุมเขาไม่ได้ ผมในฐานะพี่ชายคนโตจึงทำได้เพียงรับหน้าที่แทน ตอนนี้เข้มงวดกวดขันให้มากหน่อย เพื่อว่าเมื่อถึงวัยต่อต้านแล้วจะได้ไม่วุ่นวายมากนักไง”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มเอ็ด “วัยต่อต้าน? คุณไปได้ยินมาจากไหนน่ะ?”
เสิ่นอี้โจวกระซิบ “แน่นอนว่าเรียนรู้จากหนังสือสิ”
ตั้งแต่ชายหนุ่มรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนตั้งครรภ์ เขาจึงให้คุณหมอฮวงแนะนำหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การคลอดบุตร และการดูแลเด็ก ต่อมาเขายังได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการสร้างวินัยให้ลูก ๆ เพิ่มไปอีกด้วย
เซี่ยชิงหยวนหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปลูก ๆ คงทำให้คุณเป็นห่วงไม่น้อย”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้ารับ “นั่นเป็นเรื่องปกติ”
ฝ่ามือใหญ่ของเขาวางลงบนท้องของเซี่ยชิงหยวน “วันนี้ลูก ๆ เป็นเด็กดีไหม?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เป็นเด็กดีมากทีเดียวค่ะ”
เธอถอนหายใจ “ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะออกมาลืมตาดูโลกเมื่อไหร่”
กำหนดคลอดคือวันสุดท้ายของเดือนกรกฎาคม แต่คุณหมอฮวงกล่าวว่าฝาแฝดอาจจะคลอดก่อนที่กำหนดไว้
ตอนนี้เธอมีอายุครรภ์ได้สามสิบเจ็ดสัปดาห์แล้ว ไม่ว่าจะเวลาใด เธอก็เตรียมตัวพร้อมเป็นอย่างดี
เพียงแต่เมื่อคิดว่าฝาแฝดมักจะตัวเล็กกว่าท้องที่มีเด็กคนเดียว แบบนั้นมันก็ทำให้เธอหวังว่าลูก ๆ จะอยู่ในท้องของตนให้นานขึ้นอีกหน่อย
ไม่ใช่แค่คนเฒ่าคนแก่เท่านั้น แต่หมอเองก็บอกว่าอยู่ในครรภ์มารดาเพิ่มอีกวัน ดีกว่าอยู่ข้างนอกหลายวันหลังคลอดเสียอีก
เสิ่นอี้โจวโอบไหล่ของภรรยา จากนั้นทั้งสองจึงเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มพลันเอ่ยปลอบประโลม “ดังที่กล่าวว่าเมื่อแตงสุกขั้วก้านของมันก็หลุด เมื่อถึงเวลา พวกเขาก็จะออกมาตามธรรมชาติเอง คุณปล่อยใจให้สบายเถอะ ไม่ว่าการทดสอบใดก็ตาม พวกเราล้วนทำไปหมดแล้ว ย่อมต้องไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อื้ม”
ครั้นนึกถึงจดหมายที่ได้รับจากปี่ฟู่หมานเมื่อวานนี้ และตามเวลาที่เขาเขียนไว้ อีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะกลับมา หญิงสาวก็อดรู้สึกปีติยินดีขึ้นมาไม่ได้
เธอพูดว่า “ฟู่หมานบอกว่าอาจารย์ได้เก็บรวบรวมของล้ำค่ามากมายเพื่อมอบให้ลูก ๆ ของเราในวันที่พวกเขาเกิดมาด้วยแหละ”
เสิ่นอี้โจวระบายยิ้ม “อาจารย์เป็นคนคิดอย่างละเอียดรอบคอบจริงๆ”
ก่อนที่ปี่เหลาซานจะออกเดินทางไป ชายชรายังเรียกเขาเข้าไปในห้องพร้อมกับกำชับเขาหลายต่อหลายเรื่อง
เซี่ยชิงหยวนพลันนึกถึงพ่อแม่ของเธอ ซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านซิ่งฮวาขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งที่พวกเขาออกเดินทางไป เซี่ยโยว่หมิงบอกว่าพวกเขาจะมาหาเธอก่อนที่เธอจะคลอด
ตอนนี้กงเหลียนซินอยู่ที่เตียนเฉิง ทำให้พวกเขาสามคนซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านซิ่งฮวาต้องคอยดูแลเด็ก ๆ ทั้งสี่คน และด้วยนิสัยของหวังผิง เห็นทีว่าเธอคงไม่มา
แม้ว่าเธอจะเตรียมใจไว้แล้ว ทว่าจนถึงบัดนี้แล้วยังไร้ข่าวคราวจากครอบครัวของตัวเองเลย มันทำให้หญิงสาวอดหดหู่ใจไม่ได้
เสิ่นอี้โจวมองสิ่งที่ผู้ภรรยาคิดได้อย่างทะลุปรุโปร่งจากสีหน้าของเธอ จึงเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เป็นช่วงฤดูทำนาที่ค่อนข้างยุ่ง พี่สะใภ้เองก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน พ่อแม่ก็คงยากที่จะปลีกตัวมาน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยตอบเบา ๆ ไปว่า “อื้ม ไม่เป็นไรหรอก”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน พวกเขาก็เห็นป้าอู๋ก้าวไปเปิดประตู ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยของปี่เหล่าซาน “ฮ่าฮ่าฮ่า ลูกศิษย์ที่แสนดี พวกเรากลับมาแล้ว!”