บทที่ 464 ไม่สามารถให้ความอบอุ่นหัวใจ
บทที่ 464 ไม่สามารถให้ความอบอุ่นหัวใจ
เซี่ยชิงหยวนแปรงผมและยืนขึ้นเพื่อรอต้อนรับแขก
เผ่ยเยว่เข้ามาด้วยตัวเองโดยถือกล่องกระดาษแข็งอยู่ในมือ
เซี่ยชิงหยวนยิ้มทักทาย “คุณเผ่ย”
หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจกับการมาของเผ่ยเยว่จริงๆ
เผ่ยเยว่ยกกล่องในมือของเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า “นี่คือขวดนมที่ฉันขอให้เพื่อนของฉันที่ต่างประเทศส่งมาให้น่ะค่ะ เด็กที่นั่นหลายคนใช้สิ่งนี้กันทั้งนั้นเลย”
เซี่ยชิงหยวนรับกล่องมา ตราผลิตภัณฑ์บนกล่องดูคุ้นเคยและเธอก็จำได้ในทันใด
นี่คือขวดนมเด็กคุณภาพดีที่สุดที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ ซึ่งหลายปีต่อมาก็ยังคงครองตลาดแม่และเด็ก
เธอขอบคุณเผ่ยเยว่อย่างมีความสุข “ขอบคุณมากเลยค่ะคุณเผ่ย”
เผ่ยเยว่พยักหน้า “ไม่ต้องเกรงใจค่ะคุณนายเสิ่น คุณเรียกฉันว่าเสี่ยวเยว่ก็ได้”
เธอลังเลและพูดว่า “จริง ๆ แล้ววันนี้ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อบอกลาคุณนายเสิ่นน่ะค่ะ”
“บอกลา?” เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าข่าวนี้กะทันหันมาก “ทำไมคุณถึงไปกะทันหันแบบนี้ล่ะคะ?”
เผ่ยเยว่ตอบกลับ “ฉันคงต้องเล่าตามตรงเกี่ยวกับเรื่องน่าอายของฉันค่ะ สาเหตุที่ฉันมาที่มณฑลอวิ๋นก็เพื่อบรรเทาความสัมพันธ์ระหว่างลูกพี่ลูกน้องและครอบครัวของฉันน่ะค่ะ แต่ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของฉันไม่อยู่แล้ว สุขภาพจิตของป้าฉันก็ดีขึ้นกว่าเดิม และพ่อแม่ของฉันก็บังเอิญกลับไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้ฉันกลับไปพบพวกเขาอีกครั้งน่ะค่ะ”
ตั้งแต่ฉีจิ่นจือจากไป ฉีหยวนซานก็เงียบมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาหมกตัวอยู่แต่ที่สำนักงานความมั่นคงสาธารณะหรือไม่ก็ห้องหนังสือในบ้าน
เธอเดาอะไรบางอย่างได้อย่างคลุมเครือ แต่ไม่กล้าพิสูจน์ให้ใครเห็น
ถ้ามันเป็นอย่างที่เธอสงสัย มันคงจะดีกว่าถ้ามีคนรู้น้อยที่สุด
ในเมื่อเธอและฉีจิ่นจือไม่มีความหวังต่อกันแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อที่นี่
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอให้คุณเดินทางโดยปลอดภัยนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ติดต่อกับเผ่ยเยว่มากนัก แต่เธอยังคงประทับใจในตัวอีกฝ่ายมาก เผ่ยเยว่เป็นคนที่ค่อนข้างฉลาด แต่ไม่เคยใช้ความฉลาดนั้นทำร้ายใครเลย นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอชอบเผ่ยเยว่
ทั้งสองคุยกันสักพัก เผ่ยเยว่สังเกตเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนจึงขอตัวออกไป
เซี่ยชิงหยวนส่งเผ่ยเยว่ออกไป แต่เผ่ยเยว่อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาและพูดกับเซี่ยชิงหยวน “คุณนายเสิ่นคะ ถ้าวันหนึ่งเขากลับมา โปรดโทรหาฉันและบอกฉันได้ไหมคะ?”
หลังจากนั้นหญิงสาวก็หยุดชั่วคราว “ฉันรู้ค่ะ คำขอนี้ค่อนข้างจะมากไป แต่ฉัน…”
“ถ้าเขากลับมา ฉันจะบอกคุณแน่นอนค่ะ” เซี่ยชิงหยวนขัดจังหวะอีกฝ่ายและพูดด้วยรอยยิ้ม
เธอมีชีวิตอยู่มาสองชั่วอายุคนแล้ว ทำไมเธอจะมองไม่ออกถึงความรู้สึกของเผ่ยเยว่ที่มีต่อฉีจิ่นจือล่ะ?
แม้ไม่ใช่รัก แต่เป็นมากกว่าเพื่อนธรรมดาแน่นอน
ดวงตาของเผ่ยเยว่เป็นประกายด้วยอารมณ์
เธอพยักหน้าให้กับเซี่ยชิงหยวน “คุณนายเสิ่น โปรดดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนโบกมือ “คุณก็เช่นกันค่ะ ขอให้เดินทางดี ๆ นะคะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
เผ่ยเยว่เป็นคนดี แต่น่าเสียดายที่เธอล้มเหลวในการทำให้หัวใจของฉีจิ่นจืออบอุ่นและกลายเป็นคนที่เขาห่วงใย สิ่งนี้ทำให้เขากังวลมากขึ้น ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจเลือกที่จะจากไปเองแทน
…
ข่าวใหม่เกี่ยวกับกงเหลียนซินมาถึงอีกหนึ่งวันหลังจากที่เธอคุยโทรศัพท์กับเซี่ยจิ่งเยว่
เสิ่นอี้โจวกลับมาจากเลิกงานและบอกกับเซี่ยชิงหยวน “พี่สะใภ้ของคุณปลอดภัยดีและตอนนี้เธอกำลังช่วยงานในร้านอาหารเล็กๆ อยู่ในเมืองเตียนเฉิงน่ะ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกโล่งใจในที่สุด “ดีแล้วที่เธอสบายดี”
หญิงสาวถามอีกครั้ง “งานที่เธอได้ทำที่นั่นดีไหม?”
เสิ่นอี้โจวนึกถึงสิ่งที่เขารู้มาและพูดอย่างครุ่นคิด “ผมได้ยินมาว่าเธอได้เงินเดือนมากกว่าสามสิบหยวนนะ มีหน้าที่ช่วยงานในครัว ช่วยผัด ล้างจาน ทำความสะอาด และอื่น ๆ”
เมื่อคนในเมืองเตียนเฉิงหากงเหลียนซินเจอ พวกเขาก็ขอให้เธอโทรศัพท์คุยกับเสิ่นอี้โจว
กงเหลียนซินไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องระหว่างตัวเธอกับเซี่ยจิ่งเยว่จะสร้างปัญหาให้กับเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวได้ เธอแสดงความขอบคุณต่อเสิ่นอี้โจวและขอให้เสิ่นอี้โจวไม่บอกเซี่ยชิงหยวนเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอ เพราะเกรงว่าจะสร้างกังวลมากขึ้น
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เสิ่นอี้โจวก็คิดว่าเป็นการดีกว่าถ้าให้เซี่ยชิงหยวนรู้ เขาไม่ต้องการปิดบังอะไรต่อภรรยาของเขาในเรื่องเช่นนี้
เมื่อได้ยิน เซี่ยชิงหยวนก็ขมวดคิ้วหนักอย่างมาก
สิ่งที่กงเหลียนซินกำลังทำอยู่ตอนนี้น่าจะคล้ายกับชาติที่แล้วของเธอที่ทำงานในร้านอาหาร
เป็นลูกจ้างในครัว ทำงานแทบทุกอย่างมันทั้งสกปรก เหนื่อยและลำบากมาก
เสิ่นอี้โจวถามว่า “คุณต้องการให้ผมแนะนำเธอเกี่ยวกับงานในโรงอาหารของหน่วยไหม?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่จำเป็น”
ถ้ากงเหลียนซินต้องการความช่วยเหลือ เธอจะมาหาพวกเขาโดยตรงตั้งแต่แรก
กงเหลียนซินอาจจะกังวลว่าหวังผิงจะโกรธพวกเขาถ้ารู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่บอกอะไรใคร
เสิ่นอี้โจวจับมือเซี่ยชิงหยวนและปลอบโยน “พี่สะใภ้เป็นคนเด็ดขาด มีคนคอยดูแลเธออยู่แล้ว ดังนั้นน่าจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อื้ม”
…
ในเวลาเดียวกันนี้ กงเหลียนซินทำตามคำแนะนำของเสิ่นอี้โจวที่ให้โทรกลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวาเพื่อบอกทุกคนว่าเธอปลอดภัยดี
เซี่ยจิ่งเยว่ไม่กล้าบอกให้พ่อแม่ของเขารู้ แต่เมื่อเขาได้ยินว่ากงเหลียนซินโทรมา เขาก็รีบวิ่งมารับสายทันที
เขากระแอมให้โล่งคอก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “เป็นยังไงบ้างที่รัก?”
เสียงแผ่วเบาของกงเหลียนซินดังมาจากปลายสายอีกด้าน “จิ่งเยว่ ถ้าคุณยังไม่เปลี่ยนความคิด คุณก็ไม่จำเป็นต้องตามหาฉันอีกต่อไปหรอก”
……………………………………………