บทที่ 459 หวังว่าคุณจะแตกต่างจากคนเหล่านั้น
บทที่ 459 หวังว่าคุณจะแตกต่างจากคนเหล่านั้น
เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้ว “ตัดสินใจแบบนี้ไปเมื่อไหร่?”
เขาพูดอย่างชัดเจนว่าหลังการประชุม เขาจะจัดเวลาของตัวเองให้ว่างเพราะจะไปกับภรรยาของตัวเอง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเสิ่นอี้โจว ตงวั่งชุนก็สะดุ้งและพูดว่า “ตอนเราเลิกการประชุม สำนักเลขาธิการของแผนกมณฑลบอกฉันก่อนที่พวกเขาจะมีเวลารายงานให้คุณทราบน่ะค่ะ”
ฉู่ซิงอวี่ก็ก้าวมาข้างหน้าและพูดว่า “ผมได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดและผมก็ได้ปฏิเสธไปแล้วด้วยครับ แต่ไม่รู้ทำไมพวกเขาถึงยังจัดเตรียมงานเลี้ยงอยู่อีก?”
ขณะที่เขาพูด ฉู่ซิงอวี่มองตงวั่งชุนด้วยสายตาเชิงคำถาม จนอีกฝ่ายก้มหัวลงและไม่กล้าสบตา
เซี่ยชิงหยวนกระตุกมุมริมฝีปากทันทีหลังได้เห็นและได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แล้วพูดกับเสิ่นอี้โจวด้วยน้ำเสียงลากยาว “เอ๋ แล้วฉันควรทำไงดีล่ะ? ฉันเองก็เพิ่งตัดสินใจแทนคุณไปเหมือนกันน่า”
เซี่ยชิงหยวนใช้คำว่า ‘เหมือนกัน’ ในลักษณะที่เฉพาะเจาะจงมาก
เธอเหลือบมองตงวั่งชุน ซึ่งใบหน้าซีดเผือดทันทีก่อนจะพูดต่อ “เมื่อกี้คุณยายเติ้งมาที่นี่ บอกว่าสามีของเธอต้องการเลี้ยงอาหารค่ำพวกเรา และอยากจะพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับบางอย่างน่ะสิ”
เติ้งจือหางคงรู้ด้วยว่าพวกเขาจะกลับพรุ่งนี้แล้ว ดังนั้นนี่จะเป็นการพูดคุยสรุปครั้งสุดท้ายจากสิ่งที่ค้างคาไว้
อันไหนสำคัญกว่าหรือสำคัญน้อยกว่า ไม่จำเป็นต้องคิดให้รอบคอบก็รู้ได้ในทันที
เสิ่นอี้โจวพูดกับฉู่ซิงอวี่ “ศาสตราจารย์เติ้งกับฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องหารือกัน ช่วยบอกคนในแผนกมณฑลและขอบคุณพวกเขาสำหรับความมีน้ำใจของพวกเขาด้วยนะ คืนนี้ฉันไม่สามารถไปร่วมงานเลี้ยงด้วยได้จริง ๆ”
ฉู่ซิงอวี่ตอบรับ “ตกลงครับ”
ตงวั่งชุนพูดเสริมทันที “แต่นี่คือคนแผนกมณฑล…”
“เสี่ยวตง!” ฉู่ซิงอวี่ขัดจังหวะเธอ “ในฐานะผู้ช่วย เราควรปฏิบัติตามความประสงค์ของเลขาธิการเสิ่น ไม่ใช่มาตั้งคำถาม!”
ฉู่ซิงอวี่มักจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสุภาพและอ่อนโยนเสมอ บางครั้งผู้คนในแผนกมณฑลที่ไม่กล้าเข้าใกล้เสิ่นอี้โจวโดยตรง ก็มักจะขอให้เขาช่วยส่งต่อข้อความแทน แม้แต่ตงวั่งชุนก็ได้รับการดูแลอย่างมากจากฉู่ซิงอวี่
ตงวั่งชุนไม่คาดคิดเลยว่าคราวนี้ฉู่ซิงอวี่จะใช้น้ำเสียงตำหนิเธอเช่นนี้
โดยเฉพาะทำมันต่อหน้าเซี่ยชิงหยวน
เธอรู้สึกอับอายในทันที
เมื่อเห็นสีหน้าที่มืดหม่นของตงวั่งชุน ฉู่ซิงอวี่ก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ คุณกับผมไปหาคนในแผนกมณฑล เพื่ออธิบายเรื่องนี้”
ตงวั่งชุนรู้ว่าเธอควรเดินไปตามทางของตัวเองไม่ควรยืนอยู่ที่นี่อีกต่อไปเพราะเธอจะยิ่งอับอายขายหน้า จึงพยักหน้าและพูดว่า “ตกลงค่ะ”
เธอพยักหน้าให้เสิ่นอี้โจวและเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง “เลขาธิการเสิ่น คุณนายเสิ่น ฉันขอโทษด้วยนะคะ ฉันจะไปจัดการเรื่องนี้ตอนนี้เลยค่ะ”
จากนั้นเธอและฉู่ซิงอวี่ก็จากไป
เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจอะไรเลย และยิ้มให้เสิ่นอี้โจว “ไปเถอะ เราไปซื้อของติดตัวไปด้วยกันนะ”
เสิ่นอี้โจวบีบจมูกของเธอด้วยความรัก “คุณนี่นะ”
…
ไม่นานนักทั้งสองคนก็ไปถึงบ้านเติ้ง แม่เฒ่าเติ้งยังคงทำอาหารอยู่ในครัว และเติ้งจือหางก็ช่วยอยู่
ก่อนเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงคู่สามีภรรยาคุยกัน
แม่เฒ่าเติ้ง “คุณต้องเลือกเอาแต่ใบมันเทศหวานส่วนยอดมันมาเท่านั้นถึงจะอร่อยนะ ไม่อย่างนั้นจะเคี้ยวแล้วกลืนได้ยังไง?”
เติ้งจือหาง “…”
แม่เฒ่าเติ้ง “นี่ มันไม่ใช่แบบนั้นสิ นี่มัน…ต้องแบบนี้ คุณเห็นไหม?”
น้ำเสียงของเติ้งจือหางเริ่มใจร้อน แต่เขาไม่กล้าที่จะเสียอารมณ์ “คุณพิถีพิถันกับการทำผักเหลือเกินนะ แค่สับ ๆ มันด้วยมีดก็พอไม่ได้รึไงเนี่ย?”
จากนั้นก็มีเสียง ‘เพียะ’ “คุณนี่ไม่รู้อะไรเลย ใบส่วนยอดมีคุณค่าทางโภชนาการ ส่วนก้านตรงยอดอ่อนก็มีสารอาหารเช่นกันจะสับมั่ว ๆ ได้ยังไง คุณมีความรู้ตั้งมากมากมาย แต่ทำไมกลับไม่เข้าใจเรื่องแค่นี้หะ…”
เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวยิ้มให้กันก่อนจะก้าวไปข้างหน้าแล้วเคาะประตู เซี่ยชิงหยวนตะโกนว่า “คุณยายคะ เรามาแล้วค่ะ”
เมื่อคำพูดจบลง เสียงในบ้านก็หยุดกะทันหัน จากนั้นก็มีเสียงเดินออกมา เป็นหญิงชราที่มาเปิดประตู
แม่เฒ่าเติ้งเปิดประตูและยิ้มให้พวกเขา “มากันแล้วเหรอ? รีบเข้ามานั่งก่อนเร็ว”
เติ้งจือหางก็ยืนอยู่ข้างหลังเชิดหน้าขึ้น กลายเป็นชายชราตัวเล็กที่หยิ่งยโสอีกครั้ง และพูดเบา ๆ “มากันสักที…”
เซี่ยชิงหยวนระงับเสียงหัวเราะของเธอ แต่ไม่ได้เปิดเผยความลำบากใจที่ชายชราเพิ่งได้รับจากแม่เฒ่าเติ้งและตอบว่า “ตกลงค่ะ ขอโทษที่มารบกวนนะคะ”
เติ้งจือหางหันหลังกลับไปโดยที่ยังคงดูไม่มีความสุข “เข้ามาสิ”
หลังจากนั้นในทันที แม่เฒ่าเติ้งก็คว้าชายชราจากด้านหลังแล้วพูดว่า “ตาเฒ่า! คุณเป็นคนขอให้ฉันเชิญพวกเขามานะ แต่ทำไมตอนนี้พอมีคนมาคุณกลับดูไม่เต็มใจนักเลยหะ?”
เติ้งจือหางมีสีหน้าสับสนอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็พูดว่า “ผมไม่เต็มใจตรงไหน? ผมก็เป็นคนมีท่าทางแบบนี้มาตลอดไม่ใช่รึไง?”
แม่เฒ่าเติ้งพูดกับทั้งสองคนว่า “ไม่ต้องสนใจเขาหรอกนะ เขาชอบทำตัวให้น่าอึดอัดใจเสมอแหละ”
หลังจากพูดอย่างนั้น หญิงชราก็กระซิบ “อันที่จริงหลังจากวันที่พวกเธอกลับไป เขาก็พูดหลายครั้งในบ้านว่าเลขาธิการเสิ่นเป็นคนที่มีความสามารถที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา แถมยังไม่ถือตัวใด ๆ เลยอีกด้วย”
บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่เติ้งจือหางปฏิบัติต่อทั้งสองคนแตกต่างจากคนอื่นที่เคยมาขอพบ
เติ้งจือหางกระแอมไออยู่ข้าง ๆ “ผมได้ยินคุณนะ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้หลายคนก็ยิ้มออก
เสิ่นอี้โจวติดตามเติ้งจือหางไปที่ห้องหนังสือ ในขณะที่เซี่ยชิงหยวนไปห้องครัวเพื่อช่วยแม่เฒ่าเติ้ง
แม่เฒ่าเติ้งไม่อยากให้เธอเข้ามา แต่เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “คุณยายเติ้งคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนอยู่ที่บ้านฉันก็ทำแบบนี้ตลอดเวลาเลยค่ะ”
จากนั้นหญิงชราก็ยอมแพ้
ในขณะเดียวกัน เติ้งจือหางได้มอบกล่องกระดาษแข็งที่มีความสูงมากกว่า 30 เซนติเมตรให้เสิ่นอี้โจวแล้วพูดว่า “สิ่งที่อยู่ในนี้คือประสบการณ์เกือบทุกอย่างที่ผมได้เรียนรู้ในชีวิต”
“นอกจากความรู้ทางวัสดุศาสตร์ที่ผมศึกษาและทดลองแล้ว ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจอีกด้วย ซึ่งประเทศเพิ่งประกาศใช้เมื่อไม่กี่ปีมานี้รวมทั้งบันทึกของผมในนั้น”
“ผมมันชรามากแล้ว คงจะไปตะวันตกกับคุณไม่ได้ ผมช่วยคุณได้มากแค่เท่านี้แหละ”
เสิ่นอี้โจวมองลงไปที่กล่องกระดาษในมือ และรู้สึกว่ามันหนักกว่าเดิมหลายเท่า
นี่คือความไว้วางใจและความคาดหวังที่ชายชรามีต่อเขา
เขาอดไม่ได้ที่จะตาแดงก่ำและพูดว่า “ท่านผู้เฒ่า ผมจะทำตามความไว้วางใจของคุณอย่างแน่นอนครับ”
เติ้งจือหางก็รู้สึกบางอย่างเช่นกัน
เขาตบไหล่เสิ่นอี้โจวแล้วพูดว่า “ผมหวังว่าผมจะไม่มองคุณผิด หวังว่าคุณจะแตกต่างจากคนเหล่านั้นนะ”
……………………………………………