บทที่ 458 ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด
บทที่ 458 ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด
เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับมา เขาเห็นเซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่ในห้องพลางถือเอกสารไว้ในมือ และอ่านอย่างอารมณ์ดี
เขานั่งลงข้าง ๆ แล้วถามว่า “คุณดีใจอะไรขนาดนั้นน่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนโบกสัญญาในมือของเธอให้เขาเห็น “สัญญาทำแบรนด์เสื้อผ้าของฉันเองได้ถูกเซ็นสัญญาแล้ว แถมเป็นราคาที่ดีที่สุด”
เสิ่นอี้โจวหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะขดมุมริมฝีปากแล้วชมเชย “ภรรยาของผมยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
ดูเหมือนเขาจะจำอะไรบางอย่างได้และพูดว่า “ผมมีความทรงจำบางอย่างเกี่ยวกับฉินไฮว่เซิงคนนี้ด้วย”
เซี่ยชิงหยวนมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย “ทำไมเหรอ? เขาเป็นคนที่เก่งมากเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวมองไปยังสีหน้าที่ตื่นเต้นของภรรยาแล้วเลิกคิ้ว “ใช่ เขาเก่งมากทีเดียว”
ในชาติที่แล้ว เพราะเซี่ยชิงหยวน เขาจึงเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเสื้อผ้า และเคยได้ยินชื่อเสียงของฉินไฮว่เซิงคนนี้เช่นกัน
เขาหยุดชั่วคราว ยื่นมือออกและแตะหน้าผากของเธอ “สีหน้าของคุณมีความสุขเกินไปไหมเนี่ย?”
ถ้าเขาไม่รู้จักเธอดีพอ เขาคงจะสงสัยว่าภรรยาตัวเองกำลังมีความสุขเพราะเห็นผู้ชายคนอื่นเก่งไปแล้ว
เซี่ยชิงหยวนปิดหน้าผากของเธอและพูดด้วยหน้ามุ่ย “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงเล่า ฉันทำงานร่วมกับคนเก่งนั่นไม่ดีเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าหลังจากได้ยิน และตามน้ำไปกับคำพูดของเธอ “มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ”
เซี่ยชิงหยวนจับมือของเขาแล้วพูดว่า “คุณรู้ไหม ฉินไฮว่เซิงเคยเป็นคนที่ฉันคิดว่าไม่อาจจะเข้าใกล้ได้ด้วยแหละ สำหรับฉันแล้ว เขาคือแบบอย่างที่ฉันอยากเรียนรู้ ไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่งจะสามารถนั่งคุยกับเขาเรื่องความร่วมมือได้แบบนี้”
เธอยิ้มอย่างเปี่ยมสุข ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนากับอนาคต “ฉันมั่นใจว่าในอนาคต ฉันสามารถเอาชนะเขาได้แน่”
ทำได้เพียงเงยหน้ามองคนอื่นมันน่าเบื่อขนาดไหนก็รู้ ๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้นมันคงจะน่าสนใจกว่าถ้าได้ตั้งเป้าหมายที่จะเหนือกว่าได้ใช่ไหมล่ะ?
เสิ่นอี้โจวจับมือเธอไว้และพูดว่า “ผมดีใจมากนะที่เห็นคุณมีความฝันของตัวเองและพยายามเพื่อมัน”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “แน่นอน ตอนนี้คุณอยู่ในตำแหน่งข้าราชการระดับสูงแล้ว ฉันในฐานะภรรยาของคุณ ย่อมต้องไต่เต้าไม่ให้ตามหลังเกินไปสิ”
“ฉันไม่เพียงแต่หวังว่าเราจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่ยังหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้ยืนอยู่เคียงข้างกันที่บนจุดสูงสุดด้วยนะ”
พอได้ยินสิ่งที่ภรรยาพูด เสิ่นอี้โจวก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขนและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าตราบใดที่เขาแข็งแกร่งพอ เธอก็จะได้รับการปกป้องจากเขาที่คอยอยู่เบื้องหลัง
แต่ต่อมาเขาก็รู้ว่าเธอมีอีกแผนหนึ่งในใจของเธอเช่นกัน
แทนที่จะให้เขาคอยสนับสนุนจากเบื้องหลัง เธอต้องการยืนเคียงข้างเขาในฐานะ ‘เซี่ยชิงหยวน’
อันที่จริงเขารู้ว่านอกจากความฝันที่เธอพูดถึงแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งคือ เธอไม่อยากให้เขาเดินคนเดียวบนถนนสายนี้ เธอต้องการใช้วิธีอื่นเพื่อตามเขาไปด้วยกัน
ทั้งสองกอดกันสักพักและเสิ่นอี้โจวกำลังจะออกไปอีกครั้ง “ผมมีประชุมตอนบ่าย หลังจากนี้เราจะได้กลับกันแล้วล่ะ”
“คุณพักผ่อนอยู่ในห้องเถอะนะ ผมจะกลับมารับคุณไปกินมื้อเย็นหลังประชุมเสร็จในช่วงบ่ายเอง”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ตกลงค่ะ”
เธอเดินไปส่งเขาที่ประตู ก่อนที่จะปิดประตู เซี่ยชิงหยวนก็ประสานนิ้วของกับเสิ่นอี้โจว ซึ่งตอนนี้ยืนอยู่นอกประตูแล้ว
เสิ่นอี้โจวยืนนิ่งรอให้เธอพูด
เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวไปใกล้หูของเขาแล้วพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าฉันมีความสุขที่สุดตอนไหน?”
เสิ่นอี้โจวรู้สึกงุนงงและรอเธอพูดต่อ
เมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พลันยืนเขย่งเท้าและกระซิบข้างหูของเขา “ตอนที่ฉันกำลังขี่คุณอยู่ไง!”
หลังจากพูดอย่างนั้น หญิงสาวก็ไม่กล้ามองเขาอีก และปิดประตูเสียงดังปัง
เสิ่นอี้โจวมองประตูที่ปิดอยู่ และกว่าจะคืนสติได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่
จากนั้นปลายหูของเขาก็แดงก่ำ จนในที่สุดก็ลามไปยังแก้มและคอของเขา
ชายหนุ่มต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างมากเพื่อต้านทานความอยากเปิดประตูเข้าไปทำสิ่งนั้นกับเธออย่างสุดแรงเกิด…
เขาสูดหายใจเข้าลึก มองไปรอบ ๆ ราวกับว่าตัวเองมีความรู้สึกผิดละอาย พลางกระแอมเบา ๆ และจากไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เซี่ยชิงหยวนเอนตัวพิงที่อีกด้านของประตู ฟังเสียงฝีเท้านอกประตูค่อย ๆ เดินจากไป ก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัสใบหน้าของตัวเอง
เอาละ ไม่เป็นไร มันไม่ได้ร้อนขนาดนั้นใช่ไหม?
…
เซี่ยชิงหยวนงีบหลับจนถึงประมาณบ่ายสามโมง อ่านหนังสือในห้องสักพักแล้วลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก
โดยไม่คาดคิดว่า ทันทีที่เธอเดินออกจากล็อบบี้หอพัก เธอก็พบแม่เฒ่าเติ้งยืนถือตะกร้าอยู่ที่ประตูและมองไปรอบ ๆ
“คุณยายเติ้ง!” เซี่ยชิงหยวนตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจและเดินเข้าไปหาทันที
แม่เฒ่าเติ้งมีความสุขมากที่ได้พบเซี่ยชิงหยวน “ฉันแค่คิดกับตัวเองว่าจะมาลองเสี่ยงโชคดู และก็ได้พบกับเธอจริง ๆ ด้วย”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันกับสามีพักอยู่ที่นี่แหละค่ะ ถ้าคุณยายมีอะไรกับฉันก็แค่บอกเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับได้เลยนะคะ ไม่อย่างนั้นการรออยู่ที่นี่เรื่อย ๆ จะเป็นการเสียเวลาได้นะ”
แม่เฒ่าเติ้งจับมือเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “มันไม่สำคัญหรอก ยังไงซะ ฉันก็เป็นหญิงชราที่ปกติไม่มีอะไรทำที่บ้านอยู่แล้ว”
จากนั้นหญิงชราก็นึกถึงธุระที่ตนมาพบเซี่ยชิงหยวนวันนี้ได้ เธอพูดว่า “ตาเฒ่าของฉันบอกว่าเขาอยากจะกินมื้อเย็นกับเธอและเลขาธิการเสิ่นในคืนนี้น่ะ เขาบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย เลยสงสัยว่าเลขาธิการเสิ่นว่างหรือเปล่าน่ะ?”
เสิ่นอี้โจวบอกว่าเขาจะมารับเธอในช่วงบ่ายพอดี ซึ่งหมายความว่าน่าจะว่างไม่มีธุระอะไร เซี่ยชิงหยวนจึงตอบอย่างมีความสุข “ได้สิคะ สามีกับฉันจะไปอย่างแน่นอนค่ะ”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนและแม่เฒ่าเติ้งก็นัดหมายก่อนจะอำลากัน
เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว เซี่ยชิงหยวนเลยไม่กลับไปที่ห้อง เธอคุยกับหญิงสาวที่แผนกต้อนรับด้านนอกและรอให้เสิ่นอี้โจวกลับมา
เมื่อเวลาเกือบถึงห้าโมงเย็น เธอก็ได้ยินเสียงคนพูดกันอยู่นอกห้องโถง
เซี่ยชิงหยวนหันไปมองและเห็นว่าเสิ่นอี้โจวกับคนอื่น ๆ กลับมาแล้ว
เขายืนอยู่ข้างหน้า ล้อมรอบด้วยฉู่ซิงอวี่ ตงวั่งชุน และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่เธอเคยเห็นหลายครั้ง
เธอยืนขึ้นและรอให้พวกเขาเดินมา
เสิ่นอี้โจวเห็นเธอก่อนทุกคนและเดินเข้ามาหา “คุณมาทำอะไรที่นี่น่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มให้เขา “ฉันไม่มีอะไรทำในห้อง เลยออกมารอคุณไง”
เจ้าหน้าที่ที่อยู่กับเสิ่นอี้โจวพูดทักทายสวัสดีเซี่ยชิงหยวน แล้วแยกย้ายกันกลับเข้าไปที่ห้องของตัวเอง
ตงวั่งชุนกับฉู่ซิงอวี่ก็ควรจะจากไปเช่นกัน แต่ตงวั่งชุนกลับเดินมาข้างหน้าและพูดกับเสิ่นอี้โจว “เลขาธิการเสิ่นคะ คนจากแผนกมณฑลจะจัดงานเลี้ยงให้เราในคืนนี้โดยจะเริ่มตอนหนึ่งทุ่มตรงค่ะ”