บทที่ 456 ท้องขยับ
บทที่ 456 ท้องขยับ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชายร่างเล็กก็ผ่อนคลายลง “ดีแล้ว”
เขาหยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า “รู้ไหม ถ้าเรื่องนี้ผิดพลาดขึ้นมา ไห่เยี่ยจะไม่ปล่อยพี่ไปแน่”
แววตาของชายคนนั้นฉายแววแห่งความโหดเหี้ยม “ฉันรู้”
อีกฝ่ายหยิบห่อของออกจากแขนโยนลงบนโต๊ะ “นี่คือยารักษาบาดแผล อย่าตายล่ะ”
ชายคนนั้นจ้องมองไปที่ห่อยาโดยไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ ชายร่างเล็กก็ทนไม่ไหว “พี่กำลังบาดเจ็บ อยากให้ผมช่วยไหม?”
ชายคนนั้นเหลือบมองเบา ๆ เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ ซึ่งทำเสียงเอี๊ยดดังอู้อี้ “ไม่จำเป็น”
เมื่อได้ยินคำตอบที่แข็งกระด้างของชายคนนั้น สีหน้าของชายร่างเล็กก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “หลังจากเก็บข้าวของแล้วก็ไปที่พักของไห่เยี่ยเพื่อพักฟื้นซะล่ะ”
พูดจบเขาก็หันกลับและเดินออกไปโดยไม่ปิดประตูด้วยซ้ำ
กระท่อมหลังนี้สร้างขึ้นบนภูเขาริมทะเลและมีลมทะเลพัดเข้ามาเรื่อย ๆ เปลวไฟของตะเกียงน้ำมันบนผนังแกว่งไปมาและเกือบจะดับลงแต่ก็แรงขึ้นอีกครั้ง มันยังคงเป็นแบบนั้นต่อไป แต่ก็ยังส่องแสงอย่างดื้อดึง
ชายคนนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าที่มีเลือดเปื้อนสีแดงออกมา วางไว้ระหว่างริมฝีปากแล้วกัดแน่น จากนั้นหยิบมีดบาง ๆ ออกมาแทงเข้าไปในบาดแผล
ขณะที่ชายคนนั้นออกแรง เส้นเลือดที่คอของเขาก็ปูดโปน เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ก็ผุดซึมออกมาที่หน้าผาก แม้แต่ฟันที่กัดผ้าเช็ดหน้าก็ยังส่งเสียงกระทบ
ดวงตาของเขาเปิดกว้าง และปลายตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำราวกับกำลังจะหลั่งเลือด
ในที่สุดชายคนนั้นก็ดึงกระสุนออกมาจากเอวได้ แต่มันก็เกือบทำให้เขาสูญเสียกำลังทั้งหมด
เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป พลันหลับตาลงและล้มลงนอนกระแทกพื้น
…
เซี่ยชิงหยวนนอนไม่หลับเลยเมื่อคืนก่อน พอเสิ่นอี้โจวออกไปข้างนอกในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็ยังไม่ตื่น
จนไม่รู้ว่ากี่โมงแล้วถึงมีเสียงเคาะประตู ซึ่งเป็นพนักงานของหอพัก “คุณนายเสิ่น สุภาพบุรุษชื่อเหล่าไต้มาหาคุณน่ะครับ เขา…นั่งรออยู่ข้างนอกครับ”
เซี่ยชิงหยวนลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียแล้วตอบว่า “กรุณาบอกเขาให้รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันลงไปค่ะ”
เธอเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนผนัง ขณะนี้เวลาเก้าโมงเกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว
เธอยังพบโน้ตที่เสิ่นอี้โจวทิ้งไว้บนโต๊ะ ซึ่งเขียนบอกว่าถ้าเธอเลี้ยวขวาจากประตูหอพักจะมีร้านอาหารเช้าเปิดใหม่อยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตร เธอสามารถไปลองได้
หญิงสาวสุ่มหาเสื้อผ้ามาใส่สักตัวแล้วจึงลงไปหาเหล่าไต้
เหล่าไต้กำลังกินเมล็ดแตงโมและพูดคุยกับสาวน้อยที่แผนกต้อนรับในล็อบบี้ของหอพักอยู่ เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวน เขาก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่งและรีบลุกขึ้นยืนทันที
เขาเดินวนรอบตัวเธอแล้วพูดว่า “เธอกลัวเรื่องเมื่อวานเหรอ ใบหน้าของเธอดูไม่ดีเลยนะ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ฉันแค่แพ้ท้องนิดหน่อย ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก”
เธอเห็นสีหน้าของเหล่าไต้ดูเหมือนอารมณ์ดีในตอนแรก เธอจึงถามว่า “ดูคุณสิ มีเหตุการณ์อะไรที่น่ายินดีเกิดขึ้นใช่ไหม?”
เหล่าไต้หัวเราะ “ฉันซ่อนมันไว้จากเธอไม่ได้จริง ๆ สินะ”
เขาขยิบตาให้เซี่ยชิงหยวนและแสดงท่าทางให้เดินออกไปข้างนอกด้วยกัน
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย คุณไปกินกับฉันหน่อยก็แล้วกัน”
เหล่าไต้พยักหน้า “ได้เวลาพอดี ฉันเองก็แค่กินโจ๊กไปสองสามคำแล้วก็ออกมาเลย”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ออกมา และไปร้านที่เสิ่นอี้โจวแนะนำ มันเป็นร้านอาหารเช้าที่เพิ่งเปิดใหม่
ร้านอาหารเช้าที่เพิ่งเปิดใหม่นี้เปิดโดยคู่รักที่มาจากภาคตะวันตก ก่อนที่จะเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นหน่อไม้ดองแล้ว
พอเข้าไปใกล้ก็พบหม้อใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยซุปน้ำมันสีแดงลอยอยู่ ข้าง ๆ หม้อมีชามใบใหญ่ที่มีหน่อไม้ดอง เห็ดแผ่น ฟองเต้าหู้ทอด ตีนเป็ดทอด ไข่ดาว ผักขม และอื่นๆ ถ้าไม่ใช่ร้านบะหมี่หอยขมแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก?
เสิ่นอี้โจวจำได้ว่าเธอชอบกินบะหมี่หอยขมและจดสถานที่ไว้ให้ภรรยาของเขา
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ที่นี่มีร้านบะหมี่หอยขมจริง ๆ แหะ!”
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนกำลังจะเดินเข้าไป เหล่าไต้ก็บีบจมูกของเขาแล้วพูดว่า “ไม่นะ เธออยากกินมันเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ มันอร่อยมากเลยเชียวล่ะ”
เหล่าไต้ทำหน้าเศร้า “กลิ่นแบบนี้เนี่ยนะ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มตอบ “อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าคนที่ชอบมันเชียวนะ ถ้าคุณไม่ชอบกลิ่นมันก็เพียงสั่งเส้นหมี่สดหรือเส้นหมี่เนื้อก็พอ”
หลังจากพูดอย่างนั้นเธอก็เดินไปสั่งบะหมี่หอยขมหนึ่งชามอย่างคล่องแคล่ว “เถ้าแก่ ขอเพิ่มหน่อไม้ดอง เนื้อหอยขม ตีนเป็ดสองอัน และไข่ดาวให้ฉันหนึ่งฟองด้วยนะ”
เมื่อคำนึงถึงเด็กในท้อง เธอจึงเสริมว่า “เอาแบบเผ็ดนิดหน่อยก็พอค่ะ”
เหล่าไต้ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนจะไม่มีโอกาสเช่นนี้ในมณฑลยูนนาน ดังนั้นเขาจึงต้องนั่งลงกับเธอ เขาอายเกินกว่าที่จะปิดจมูกแล้วพูดว่า “เถ้าแก่ ของฉันเอาเป็น…บะหมี่ใส่สามอย่างที่มันไม่มีกลิ่นเหม็น…ไม่สิ ไม่เอาหน่อไม้ดองด้วย”
โชคดีที่เขาไม่ได้พูดอะไรผิด
ก่อนที่จะเสิร์ฟบะหมี่ เซี่ยชิงหยวนถามว่า “บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อคุยถึงเรื่องธุรกิจ เหล่าไต้ก็หัวเราะ “ฉินไฮว่เซิงโทรหาฉันเมื่อเช้านี้! เดาดูสิว่าเขาต้องการอะไร เขาบอกว่าต้องการคุยกับเราอีกครั้งและถ้าเราสนใจ เขาจะมาเจอเราบ่ายวันนี้แหละ!”
หลังจากพูดแล้วเขาไม่ได้ยินคำตอบของเซี่ยชิงหยวน แต่พบว่าเธอกำลังมองเถ้าแก่กำลังทำบะหมี่ด้วยตาเป็นประกาย
เขาเอ่ยถาม “ทำไมเธอดูไม่แปลกใจเลย?”
เซี่ยชิงหยวนหันหน้ามายิ้มให้เมื่อเหล่าไต้พูดจบ “ฉันมีความสุขมากน่ะ”
หลังจากนั้นเธอก็เฝ้าดูอย่างกระตือรือร้นที่เถ้าแก่ร้านกำลังเอาบะหมี่ใส่ในชามพักไว้ก่อนจะใส่ส่วนผสม
จากการใส่ส่วนผสม เธอเดาว่ามันเป็นชามของตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
เถ้าแก่วางชามบะหมี่หอยขมร้อน ๆ ไว้ตรงหน้า เธอพูดขอบคุณด้วยรอยยิ้มก่อนจะใช้ตะเกียบคนให้เข้ากัน แล้วกินเข้าไปเต็มปากก่อนจะพูดว่า “ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว”
เหล่าไต้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนทำตัวต่างจากเดิม คงเพราะเธอตั้งครรภ์สินะเลยเป็นแบบนี้
บังเอิญบะหมี่ของเขาก็มาถึงด้วย เขาหยิบตะเกียบมากินบะหมี่กับเธอเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่ทั้งสองคนอิ่มแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็พูดว่า “ฉันรอมาหลายวันแล้วเนี่ยกับการให้เขาคิดอย่างรอบคอบ”
เมื่อเห็นว่าเสิ่นอี้โจวกำลังจะกลับไปที่มณฑลอวิ๋น แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากฝั่งของฉินไฮว่เซิง เธอจึงคิดว่าเรื่องนี้คงพลาดไปแล้ว
เหล่าไต้พูดว่า “ก็ไม่ใช่รึไงล่ะ? เดิมทีฉันเองก็คิดว่ามันไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ…”
ทั้งเขาและเซี่ยชิงหยวนก็ไม่ใช่คนดื้อรั้นหรือหัวทึบ หากฝ่ายของฉินไฮว่เซิงไม่ได้ผล พวกเขาก็จะหาทางออกอื่น
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เกียจคร้านในช่วงนี้และไปที่โรงงานหมานต๋ากับโรงงานตัดเย็บเฟิงหวง เพื่อซื้อสินค้าอยู่เรื่อย ๆ
ขณะที่พูด สายตาของเขาจ้องมองไปยังท้องที่ขยับของเซี่ยชิงหยวน ซึ่งมันดูแปลกใหม่มาก
……………………………………………