บทที่ 454 ใครคือคนที่คุณเห็น?
บทที่ 454 ใครคือคนที่คุณเห็น?
แม่เฒ่าเติ้งปาดน้ำตาแล้วสะอื้น “เรื่องลูกชายเราเลยกลายเป็นแผลใจของเขาตลอดมา ต่อมาหลังจากการสร้างถนนและสะพานเสร็จสิ้น ชายชราก็กลับไปสอนหนังสืออย่างเดียวและไม่เคยต้อนรับใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลอีกเลย”
อุปนิสัยของเติ้งจือหางเปลี่ยนไปมาก ซึ่งส่งผลให้เขาถอยห่างจากผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากการสอนหนังสือแล้ว เขาแทบไม่มีเพื่อนเลย
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกเศร้ามากหลังจากได้ยินสิ่งนี้
เธอจับมือแม่เฒ่าเติ้งและปลอบใจอีกฝ่าย “ฉันเชื่อว่าในระบบราชการยังมีคนดีอยู่ค่ะ มีอีกหลายคนที่ยินดีรับใช้ชาติและประชาชน สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือโศกนาฏกรรมที่เกิดจากอคติของคนบางกลุ่ม ผู้ตายได้เสียชีวิตลงแล้ว คุณยายและผู้เฒ่าเติ้งควรดูแลตัวเองให้ดีนะคะ”
แม่เฒ่าเติ้งพยักหน้า “ใช่ ฉันเองก็คิดกับตัวเองอยู่เสมอว่าคงไม่มีทางอื่นนอกจากปล่อยวางแล้วแหละ”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ย “ความยากจนในมณฑลยูนนาน ฉันเชื่อว่าคุณยายคงเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง”
“สามีของฉันหวังเสมอที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของมณฑลยูนนานเพื่อให้ผู้คนบนภูเขาได้รับความสะดวกสบายจากการปฏิรูปและการเปิดประเทศ ดังนั้นเราจึงหวังจะใช้ความรู้ของผู้เฒ่าเติ้งมาช่วยเหลือประชาชนให้ได้มีชีวิตและสวัสดิการที่ดียิ่งขึ้น ฉันเชื่อว่าผู้เฒ่าเติ้งต้องมีความรู้สึกเช่นนี้ต่อประชาชนเช่นกันค่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน ดวงตาของแม่เฒ่าเติ้งก็แดงก่ำอีกครั้ง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เติ้งจือหางได้ปฏิเสธผู้คนที่มาหาเขาด้วยคำพูดต่าง ๆ ออกไป ซึ่งมันทำให้หลายคนไปพูดลับหลังว่าเขาตกปลาในนามเท่านั้น
เมื่อเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ คู่สามีภรรยาสูงอายุบอกตัวเองว่าไม่จำเป็นต้องไปเสียคำพูดกับพวกคนสกปรก
แต่เซี่ยชิงหยวนเป็นคนแรกที่บอกว่าเติ้งจือหางยังคงห่วงใยผู้คน
เติ้งจือหางยังคงกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาของประเทศและความสุขของผู้คนจริง ๆ!
เขารวบรวมข่าวเกี่ยวกับนโยบายต่าง ๆ ของประเทศ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการตามนโยบายการพัฒนา และจดบันทึกโดยละเอียด ค้นหาข้อมูลจากทุกด้าน เธอเห็นทุกสิ่งเหล่านั้นด้วยตาตัวเองในขณะที่เขาเขียนบันทึกต่าง ๆ เล่มแล้วเล่มเล่าแล้วล็อกมันไว้ในลิ้นชัก
ต่อให้ถูกงูกัดมาเป็นสิบปีแล้วเขาย่อมยังกลัวเชือกบ่อน้ำ ยังไม่มีใครทำให้เขาประทับใจได้
เธอหวังว่าคู่หนุ่มสาวที่อยู่ตรงหน้าจะโน้มน้าวสามีชราของเธอได้ และปล่อยให้เขาค่อย ๆ คลายปมในใจ
…
การพูดคุยในห้องหนังสือกินเวลานานกว่าสองชั่วโมงก่อนประตูจะเปิดออก
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินเสียง เธอก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าหาพวกเขาทันที
เติ้งจือหางเหลือบมองเซี่ยชิงหยวนที่ดูประหม่าและพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อยเอ๋ย เธอได้แต่งงานกับคนดีแล้ว”
หลังจากนั้นเขาก็พูดกับแม่เฒ่าเติ้งว่า “ค่ำนี้ทำอาหารเพิ่มอีกสักสองสามจานเถอะ ผมยังมีคำถามอีกมากมายที่จะคุยกับเลขาธิกาเสิ่นน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนกับแม่เฒ่าเติ้งมองหน้ากัน ซึ่งเห็นความโล่งใจในดวงตาของกันและกัน
แม่เฒ่าเติ้งยิ้มและพูดว่า “ฉันจะไปจัดให้เดี๋ยวนี้เลย”
เสิ่นอี้โจวขยิบตาให้ฉู่ซิงอวี่ “เสี่ยวฉู่ไปช่วยภรรยาของฉันและแม่เฒ่าเติ้งทีนะ”
ฉู่ซิงอวี่ตอบ “ครับผม”
เดิมทีเขาคิดว่าการมาคุยกับเติ้งตือหางวันนี้อาจต้องใช้คำพูดหว่านล้อมมากมาย แต่โดยไม่คาดคิด เสิ่นอี้โจวสามารถกระตุ้นเติ้งจือหางได้ด้วยเพียงเหตุผลที่ตรงไปตรงมาและความจริงใจ
แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่พยักหน้าและตกลงจะช่วย แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันก็อยู่ไม่ไกลแล้ว
เมื่อพิจารณาว่าเซี่ยชิงหยวนและแม่เฒ่าเติ้ง หนึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์อีกคนหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ และทักษะการทำอาหารของเธอก็ไม่น่าจะคาดหวังได้ หลังจากซื้อปลาแล้วจึงไปที่ร้านอาหารใกล้ ๆ เพื่อซื้ออาหารเพิ่มอีกสามจานและหยิบเหล้าเพื่อสุขภาพกลับมาอีกขวดหนึ่ง
ขณะกิน เสิ่นอี้โจวและเติ้งจือหางไม่ได้สนใจเรื่องอาหารเลย พวกเขาเอาแต่พูดคุยกันราวกับว่าพวกเขาเป็นสหายที่ไม่ได้พบเจอกันมานาน มีเพียงเซี่ยชิงหยวนและแม่เฒ่าเติ้งที่กินอาหารมื้อใหญ่นี้แทน
จนกระทั่งตกกลางคืนพวกเขาทั้งสามจึงพูดคำอำลาและแยกย้ายกันจากไป
เติ้งจือหางพูดกับเซี่ยชิงหยวน “สาวน้อย ก่อนที่คุณจะกลับไปที่มณฑลอวิ๋นช่วยมาพบเราอีกครั้งนะ”
เซี่ยชิงหยวนตอบด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนค่ะ”
หลังจากเดินออกมา ฉู่ซิงอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะถามเสิ่นอี้โจว “เลขาธิการเสิ่นครับ คุณคิดยังไงบ้างเกี่ยวกับผู้เฒ่าเติ้งคนนี้”
ในท้ายที่สุดเติ้งจือหางก็ยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน
เสิ่นอี้โจวตอบกลับ “คุณได้ยินที่เขาพูดขอให้ภรรยาของผมกลับมาที่บ้านของเขาอีกครั้งก่อนจะกลับไหม?”
ฉู่ซิงอวี่พยักหน้า “ผมได้ยินครับ”
เสิ่นอี้โจวเม้มริมฝีปาก “ครั้งต่อไปเรามาด้วยกันอีก”
ฉู่ซิงอวี่ “ครับผม”
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้แล้ว
…
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องทางฝั่งของเสิ่นอี้โจวแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็ติดตามเหล่าไต้ไปเพื่อซื้อสินค้า
เธอยังคงไปที่โรงงานหมานต๋าและเฟิงหวง
เหล่าไต้ถอนหายใจ “คุณบอกว่าเมืองกว่างโจวนี้ไม่ได้เล็ก แต่ทำไมมันกลับมีเพียงไม่กี่เจ้าที่เหมาะสมและราคาไม่แพงให้เราซื้อแบบนี้กัน”
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “พูดตรง ๆ คือเพราะเราเลือกสินค้าแบบที่ตรงความต้องการของเราที่สุด ดังนั้นผู้ผลิตหลายเจ้าจึงถูกตัดออกไปไง”
เหล่าไต้พยักหน้า “ก็จริง”
เซี่ยชิงหยวนไม่แน่ใจว่าฉินไฮว่เซิงจะมาหาเธอหรือไม่ ดังนั้นคราวนี้เธอจึงซื้อสินค้าจากครึ่งหนึ่งในแบบของฤดูใบไม้ผลิ
เธอพูดว่า “ฤดูร้อนในมณฑลอวิ๋นมาช้ากว่าที่เมืองกว่างโจว ตามกฎเดิมของเรา ให้ใส่ใจกับเสื้อผ้าที่ลดราคาขายเหมานะ”
เหล่าไต้ตอบอย่างเห็นด้วย “ตามนั้นเลย”
เขามองดูเสื้อผ้าแบบฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ตรงหน้าแล้วถอนหายใจ “เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ ในพริบตาเราก็รู้จักกันมาเกือบปีแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนยังพูดอีกว่า “ใช่ ใครจะคิดว่าเราจะเป็นหุ้นส่วนกันด้วยเนอะ”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็มองหน้ากันและหัวเราะ
เมื่อพูดถึงตอนที่ทั้งสองพบกัน เหล่าไต้ก็นึกถึงบางอย่างที่เขาลืมไปแล้ว “มีบางอย่างที่ฉันลืมบอกเธอ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงมันก็แล้วกัน”
เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำเป็นเตะเขา “ถ้าไม่คิดจะพูดแต่แรกก็อย่าเริ่มสิ”
พอเห็นแบบนั้น เหล่าไต้จึงก้าวไปข้างหน้าแล้วกระซิบว่า “ก่อนหน้านี้ที่ฉันไปตลาดเสิ่นเจิ้นเพื่อดูเสื้อผ้าที่ส่งมาจากตลาดฮ่องกง ตอนนั้นฉันอยู่บนเรือข้ามฟากและเห็นเรือลำหนึ่ง ในเรือลำนั้นมีคนหนึ่งที่ดูคุ้นหน้าเป็นพิเศษด้วย แต่เรือลำนั้นน่าจะกำลังแอบขนส่งสินค้าระหว่างฮ่องกงและเสิ่นเจิ้น คนบนเรือไม่ใช่พวกกลุ่มคนที่จะยุ่งด้วยได้ง่าย ๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สังเกตเห็นฉันน่ะ”
เขาหยุดชั่วคราวและมองที่เซี่ยชิงหยวน “เดาสิ คนที่ฉันเห็นนั้นดูเหมือนใคร?”
เซี่ยชิงหยวนเดาอะไรบางอย่างได้คลุมเครือ และหัวใจของเธอก็เต้นรัว “ใคร?”
0
……………………………………………