บทที่ 453 เหนือการควบคุม
บทที่ 453 เหนือการควบคุม
เฮ่ออวี้เฟิงยกแก้วเหล้าขึ้นโดยไม่กล้ามองเซี่ยชิงหยวนอย่างอธิบายไม่ถูก “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
เสิ่นอี้โจวมองเซี่ยชิงหยวนอย่างจดจ่อ จากนั้นยื่นกุ้งที่แกะเปลือกให้เธอ แล้วส่งสัญญาณให้ภรรยาไม่หยอกล้อเฮ่ออวี้เฟิงอีกต่อไป
เซี่ยชิงหยวนยักไหล่แสดงให้เห็นว่าเธอจะเห็นแก่หน้าของเสิ่นอี้โจวในคราวนี้
เธอหยุดความคิดและเริ่มกินอย่างจริงจัง
เรื่องนี้มันอดไม่ได้เลย เธอหิวง่ายมากตั้งแต่ท้องลูกสองคน
เฮ่ออวี้เฟิงหัวทึบอย่างกับลา ไม่ใช่งานง่ายเลยสำหรับอาเซียงที่ไล่ตามผู้ชายแบบนี้
แต่สำหรับเรื่องแบบนี้ คนนอกสามารถให้คำแนะนำได้เพียงไม่กี่คำเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้สึกของอาเซียงว่าจะแน่วแน่ขนาดไหน
…
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากการประชุมกับทีมผู้เชี่ยวชาญ เสิ่นอี้โจวก็พูดกับฉู่ซิงอวี่ “เตรียมรถที หลังจากนี้ฉันจะไปที่บ้านของศาสตราจารย์เติ้งหน่อยน่ะ”
ฉู่ซิงอวี่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้ครับ”
เมื่อตงวั่งชุนเห็นว่าเสิ่นอี้โจวไม่มีท่าทีจะพาตัวเองไปด้วยเลย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เลขาธิการเสิ่น ฉันขอไปด้วยได้ไหมคะ? ฉันเชื่อว่าครั้งนี้ฉันสามารถโน้มน้าวศาสตราจารย์เติ้งได้ค่ะ”
เมื่อวานนี้เธอกับฉู่ซิงอวี่ไปหาเติ้งจือหางมาแล้ว แต่ก็ถูกอีกฝ่ายไล่ออกมา
เมื่อเธอพูดถึงอดีตที่อยู่ในมหาวิทยาลัยก่อนหน้านี้ เติ้งจือหางก็เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เขายังพูดอีกว่า ‘ในเมื่อเธอเคยเป็นนักศึกษาของฉัน เธอควรจะเข้าใจความรู้สึกของฉันสิ แต่ทำไมตอนนี้เธอยังมากับพวกเขา ซ้ำยังบังคับฉันอีกล่ะ?’
หลังจากนั้นประตูก็ถูกปิดต่อหน้า เมินเฉยต่อพวกเขาอีกครั้ง
ตงวั่งชุนมีความมั่นใจมากก่อนที่จะเดินทางมา และเธอรู้สึกอับอายมากหลังจากที่ถูกเติ้งจื้อหางปฏิเสธ
หลังจากที่เธอเข้าทำงานแผนกมณฑล ทุกอย่างก็ราบรื่นมาเสมอ ผู้นำระดับสูงหลายคนชื่นชมเธอ และเพื่อนร่วมงานก็อิจฉาเธอ แต่นี่เป็นปัญหาแรกที่เธอแก้ไขไม่ได้ในอาชีพการงานของเธอจริง ๆ
หลังจากที่เธอกลับมา หญิงสาวก็โทรศัพท์ไปหลายครั้งและในที่สุดก็ได้รู้จากรุ่นพี่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องของลูกชายของเติ้งจือหางที่เสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มและชาโปรดของชายชรา เธอจึงวางแผนที่จะไปเยี่ยมเขาในวันนี้เพื่อขอโทษและขอขมา
ในความเห็นของเธอ ตราบใดที่เติ้งจือหางยอมรับคำขอโทษของเธอ เรื่องอื่น ๆ จะเปิดกว้างให้พูดคุยได้เช่นกัน
เสิ่นอี้โจวเก็บข้าวของแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น ผมและเสี่ยวฉู่จะไปกันเอง”
เช้านี้ทางมหาวิทยาลัยโทรมาบอกว่าเติ้งจือหางยินดีจะพบพวกเขา
เขารู้ว่าสาเหตุที่เติ้งจือหางยินดีที่จะพบเพราะแม่เฒ่าเติ้งช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นเติ้งจื้อหางจะไม่เปลี่ยนใจกะทันหันแน่
ตงวั่งชุนคิดว่าเสิ่นอี้โจวมีปัญหากับเธอและเป็นกังวล “เลขาธิการเสิ่นคะ ให้ฉันชดใช้ความผิดของฉันเถอะ ฉันสามารถโน้มน้าวศาสตราจารย์เติ้งได้อย่างแน่นอนค่ะ”
เสิ่นอี้โจวพูดเบา ๆ “ไม่ต้อง ศาสตราจารย์เติ้งตกลงที่จะพบกับผมแล้ว”
“เป็นไปได้ยังไง?” ตงวั่งชุนงง “เห็นได้ชัดว่าเมื่อวานเขาเพิ่ง…”
มีอะไรเกิดขึ้นโดยที่เธอไม่รู้รึเปล่า?
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาของตนแล้วพูดว่า “ภรรยาของผมมีมิตรภาพบางอย่างกับแม่เฒ่าเติ้ง ดังนั้นศาสตราจารย์เติ้งจึงตกลงที่จะพบเรา”
เสิ่นอี้โจวไม่ต้องการพูดอะไรอีกต่อไป เขาหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาแล้วหันหลังเดินออกจากสำนักงาน
ตงวั่งชุนรู้สึกตื่นตระหนก เธอรู้สึกว่าทุกอย่างดูเหมือนจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของตัวเองไปเรื่อย ๆ
เธอมาที่เมืองกว่างโจวครั้งนี้เพราะมั่นใจว่าเติ้งจือหางจะร่วมมือกับหน่วยงานเพราะตัวเอง ถ้าไม่ได้สร้างผลงานในคราวนี้ แล้วเธอจะสู้หน้ากับเสิ่นอี้โจวได้ยังไงในอนาคต?
แต่ตอนนี้เสิ่นอี้โจวบอกว่าเป็นเพราะเซี่ยชิงหยวนมีความสัมพันธ์กับแม่เฒ่าเติ้ง?
ถ้างั้นในกรณีนี้ ทำไมเซี่ยชิงหยวนไม่พูดก่อนหน้านี้ล่ะ?
หรือเซี่ยชิงหยวนจงใจรอให้เธอถูกปฏิเสธก่อน แล้วค่อยบอกว่าตัวเองรู้จักกับแม่เฒ่าเติ้งเพื่อทำให้เธอขายหน้าใช่ไหม?
หญิงสาววิ่งไล่ไปที่ประตูและเห็นฉู่ซิงอวี่ขับรถผ่านไป
ฉู่ซิงอวี่พูดกับเสิ่นอี้โจว “เลขาธิการเสิ่น คุณจะไปรับภรรยาของคุณก่อนไหมครับ?”
เสิ่นอี้โจวตอบว่า “ใช่ รับภรรยาของฉันไปด้วย”
หลังจากนั้นเสิ่นอี้โจวก็ขึ้นรถ
ตงวั่งชุนยืนอยู่บนบันได มองดูรถเคลื่อนออกไปพลันอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
…
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้คาดหวังว่าเสิ่นอี้โจวจะพาเธอไปกับเขาด้วย
เธอพูดว่า “ฉันต้องขอบคุณคุณยายเติ้งจริง ๆ”
พูดตามตรง มันเป็นเพราะผู้หญิงทั้งสองมีความสัมพันธ์ดีต่อกัน ดังนั้นฝ่ายชายก็เลยได้คุยกันใช่ไหมล่ะ?
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าและหัวเราะเบา ๆ “ไม่มีใครรู้จักผมดีไปกว่าภรรยาของผมอีกแล้ว”
ทั้งสามคนไปถึงประตูบ้านของเติ้งจื้อหาง และแม่เฒ่าเติ้งคือผู้ที่เปิดประตู
เมื่อหญิงชราเห็นคนสองสามคน เธอก็ยิ้มและพูดเบา ๆ กับเซี่ยชิงหยวน “เมื่อเช้านี้ชายชรายังโกรธอยู่เลย แต่ตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้วล่ะ อย่าสนใจสิ่งที่เขาพูดหลังจากนี้มากก็แล้วกันนะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “แค่ศาสตราจารย์เติ้งยินดีที่จะพบกับเราผมก็รู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งแล้วครับ”
เซี่ยชิงหยวนยังพูดเสริมอีกว่า “ขอบคุณมากเลยนะคะคุณยายเติ้ง”
หลังจากพูดสิ่งนี้ พวกเขาก็เข้าไปในบ้าน
เสิ่นอี้โจวและฉู่ซิงอวี่เข้าไปในห้องหนังสือเพื่อหาเติ้งจือหาง ขณะที่เซี่ยชิงหยวนพูดคุยกับแม่เฒ่าเติ้งในห้องนั่งเล่น
แม่เฒ่าเติ้งนำจานผลไม้มา ชงชาอีกถ้วยให้กับเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “ที่บ้านของเราไม่มีอะไรให้ความบันเทิงกับเธอได้มากนัก ฉันทำให้เธอหัวเราะแล้วสิ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่ใช่เลยค่ะ”
แม่เฒ่าเติ้งเหลือบมองไปยังประตูห้องหนังสือแล้วถอนหายใจ “ชายชราของฉันไม่ใช่คนใจร้ายหรอก แต่เขาดื้อเกินไปน่ะ ย้อนกลับไปตอนนั้น ลูกชายของฉัน…”
เธอหยุดชั่วคราวราวกับนึกถึงบางสิ่งที่น่าเศร้าแล้วพูดต่อ “สมัยนั้นทั้งครอบครัวของเราต่างเป็นคนมีความรู้ความสามารถรับราชการ ชายชราและลูกชายของเรามีความรู้ความเข้าใจเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและวิศวกรรมจึงถูกส่งไปสร้างสะพาน”
“ต่อมามีพวกคนระดับสูงยืนกรานที่จะให้ขุดอุโมงค์ทำถนนด้วย ชายชรากับลูกชายของเราคัดค้านอย่างแข็งขันว่าขุดไม่ได้ภูเขาจะถล่ม แต่พวกเด็กจบใหม่เหล่านั้นจากเมืองใหญ่กลับบอกว่าชายชราไร้ความสามารถและขี้ขลาด พวกเด็กจบใหม่จากเมืองใหญ่ที่ไม่มีประสบการณ์อะไรยืนกรานที่จะระเบิดถนนทางเข้าภูเขา”
ณ จุดนี้ดวงตาแดงก่ำของแม่เฒ่าเติ้งเกือบจะหลั่งน้ำตา “เมื่อพวกเด็กจบใหม่เป็นแบบนี้และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็ตามน้ำเช่นกัน ดังนั้นชายชราของฉันจึงไม่สามารถคัดค้านได้อีกต่อไป พวกเขาเพียงแต่ไม่ฟังคำแนะนำ แถมยังบังคับชายชราของฉันไปอยู่แนวหน้าด้วย โดยบอกว่าอยากให้ชายชราของฉันเห็นด้วยตาตนเองว่าคนสมัยใหม่เขาเปิดถนนอย่างไร”
“ต่อมา…ภูเขาถล่มและลูกชายของเราก็ถูกฝังอยู่ที่นั่นตลอดกาลเพื่อช่วยพ่อของเขา…”
……………………………………………