บทที่ 452 เลขาธิการเสิ่นคนนี้มาหาผมตลอดสองวันที่ผ่านมา
บทที่ 452 เลขาธิการเสิ่นคนนี้มาหาผมตลอดสองวันที่ผ่านมา
หญิงชราเองก็จำเซี่ยชิงหยวนได้
เธอยกยิ้ม “อุ๊ย บังเอิญจริง!”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “นั่นสิคะ ไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกครั้งเร็วแบบนี้”
เมื่อนึกถึงสถานที่ที่ทั้งสองพบกันครั้งแรกในคราวก่อนนั้นคือร้านขายอาหารริมทางใกล้ ๆ โรงแรม วันนี้ก็ได้พบกันอีกครั้งที่นี่จึงนับว่าไม่แปลก
ไม่แน่ว่าหญิงชราอาจจะอาศัยอยู่ในละแวกนี้
หญิงชราคว้ามือของเซี่ยชิงหยวนอย่างสนิทสนม แล้วเอ่ย “คราวก่อนฉันจำต้องรีบกลับบ้าน ไม่ทันได้ขอบคุณเธอดี ๆ วันนี้มีโอกาสได้พบกันพอดี ไปกินข้าวด้วยกันที่บ้านฉันสักมื้อสิ”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “แม่เฒ่า ขอขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณนะคะ แต่วันนี้ฉันจะต้องไปกินข้าวกับเพื่อนพร้อมสามีน่ะค่ะ”
หลังเอ่ยจบ เธอก็โบกมือให้เสิ่นอี้โจวที่กำลังมองมา “อี้โจว”
เสิ่นอี้โจวเมื่อเห็นก็รีบเดินมาหา แล้วก้มศีรษะเพื่อเป็นการทักทายหญิงชรา
หญิงชรามองดูทั้งสองคนแล้วอุทานว่า “พวกเธอช่างเป็นกิ่งทองใบหยกกันจริง ๆ !”
ก่อนจะเอ่ยต่อพร้อมรอยยิ้ม “สามีของฉันอยู่ข้างหลังนั่นเอง”
เธอตะโกนเรียกชายชราร่างผอมบางที่อยู่ข้างหลังเธอว่า “เหล่าเติ้ง มานี่หน่อยสิ”
เดิมทีชายชราเป็นคนที่ค่อนข้างขี้รำคาญ แต่เมื่อเขาเห็นว่ามีคนนอกอยู่ เขาก็เก็บสีหน้าพลางยกมุมปากขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ก่อนจะเดินเข้ามา
หญิงชราเอ่ยแนะนำ “นี่คือเด็กสาวที่ฉันเล่าให้ฟังว่าช่วยเอากระเป๋าเงินของฉันคืนมาให้ไง”
ก่อนจะชี้ไปทางเสิ่นอี้โจว “นี่คือสามีของเธอ”
เธอเงียบลงครู่หนึ่ง “พวกเธอชื่อแซ่อะไรนะ?”
เซี่ยชิงหยวนระบายยิ้มพลางเอ่ย “ฉันแซ่เซี่ยค่ะ ส่วนสามีของฉันแซ่เสิ่น”
เซี่ยชิงหยวนเองก็แนะนำเฒ่าชราทั้งสองกับเสิ่นอี้โจวเช่นกัน “นี่คือคุณยายที่ฉันพบเมื่อสองวันก่อน นี่คือสามีของท่าน สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติจีนน่ะ”
แม่เฒ่าเติ้งพยักหน้าพลางยกยิ้ม “ขอบคุณที่จำได้นะ”
เสิ่นอี้โจวมองคุณเติ้งก็พลันรู้สึกว่าได้รับการอวยพรจนใจเปิดกว้าง ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “ท่านนี้คงจะเป็นผู้เฒ่าเติ้งจือหางใช่ไหมครับ?”
เติ้งจือหางขมวดคิ้วพลางจ้องมองไปยังเสิ่นอี้โจว “คุณแซ่เสิ่นงั้นเหรอ? มาจากมณฑลอวิ๋น?”
เซี่ยชิงหยวนไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเท่าไหร่นัก แต่ก็พยักหน้ารับ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เติ้งจือหางก็หันหน้าหนีและเตรียมจะจากไป “ภรรยา กลับบ้านกัน”
แม่เฒ่าเติ้งดึงเขากลับมาทันที “คุณทำอะไรเนี่ย?”
เติ้งจือหางเหลือบมองพวกเขาแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ผู้ชายคนนี้คือเลขาธิการเสิ่นที่มาหาผมตลอดสองวันที่ผ่านมาไง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น แม่เฒ่าเติ้งก็ตกตะลึงและมองไปยังเซี่ยชิงหยวนราวกับต้องการคำยืนยัน
เซี่ยชิงหยวนเองพลันเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
เธอพยักหน้าช้า ๆ “ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ”
ด้วยกังวลว่าแม่เฒ่าเติ้งจะเข้าใจความตั้งใจที่จะช่วยเธอผิดไป หญิงสาวจึงกล่าวเสริม “ฉันได้ยินสามีบอกว่าเขาต้องการปรึกษาผู้เฒ่าท่านหนึ่ง แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นคุณเติ้ง ช่างบังเอิญจริง ๆ ค่ะ”
เดิมทีเติ้งจือหางต้องการจะบอกว่าพวกเขาจงใจ แต่เมื่อสายตาของเขามองไปเห็นท้องของเซี่ยชิงหยวน เขาก็กลืนคำพูดนั้นลงไปและยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
แต่แม่เฒ่าเติ้งกลับเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ฉันก็คิดว่าเรื่องอะไรเสียอีก”
เธอพูดกับเซี่ยชิงหยวนว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจดี”
เธอดึงเติ้งจือหางอีกครั้งและกระซิบว่า “ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าสะบัดหน้าใส่พวกเขา เธอเป็นผู้หญิงที่ดีนะ”
เติ้งจือหางเห็นภรรยาของเขาช่วยพูดให้อีกฝ่าย จึงส่งเสียงฮึดฮัดออกมาจากจมูก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่ไม่กล้าโมโหโทโส
เสิ่นอี้โจวเอ่ยขึ้นว่า “เป็นพวกเราเองที่ล่วงเกินท่าน พวกเราจะไปขอโทษท่านอีกครั้งอย่างแน่นอนครับ”
“เฮอะ ไม่จำเป็น” เติ้งจือหางยกมือขึ้นเพื่อปฏิเสธ “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าพวกเธอคิดจะทำอะไร เข้ามาในบ้านฉันกันแล้ว แล้วฉันจะไล่ออกไปได้อีกหรือไงล่ะ? แต่ฉันบอกไปอย่างชัดเจนแล้วนะว่าไม่ให้พบก็คือไม่ให้พบ ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ฉัน… โอ๊ย!”
เติ้งจือหางยังพูดไม่ทันจบก็แสดงหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดจนเกือบจะกระโดดออกมา
เขาลูบเอวที่เจ็บปวดจากแรงหยิก ก่อนจะมองไปยังภรรยาของตัวเองด้วยความขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
แม่เฒ่าเติ้งส่งยิ้มเพื่อเป็นการขอโทษให้เซี่ยชิงหยวน “ฉันจะเอ่ยถามเขาอย่างละเอียดทีหลังเอง ต้องขอโทษสำหรับวันนี้ด้วยนะ”
จากนั้นหญิงชราก็หยิบถังหูลู่มาและจ่ายเงิน ก่อนจะลากเติ้งจื้อหางออกไป
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังคนทั้งสอง แล้วหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
เสิ่นอี้โจวหันไปหาเซี่ยชิงหยวน “ไปกันเถอะ รถมาแล้ว”
เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วถามว่า “คุณคิดว่าพอมีหวังไหม?”
เสิ่นอี้โจวจูบที่ยางมัดผมของเธอเบา ๆ พลางหัวเราะเล็ก ๆ “ขอบคุณคุณภรรยา พอมีหวังครับ”
…
เพื่อรองรับเฮ่ออวี้เฟิง สถานที่ในการรับประทานอาหารร่วมกันครั้งนี้จึงอยู่ไม่ไกลบ้านของเขานัก
คุณแม่เฮ่อรู้ว่าคืนนี้จะได้พบกับเสิ่นอี้โจวและภรรยา จึงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
คราวก่อนหญิงชราต้องเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการบาดเจ็บที่หลัง หลังจากรักษาตัวที่บ้านอยู่ระยะหนึ่ง ผิวของเธอก็ขาวขึ้น อีกทั้งใบหน้ายังอวบอิ่มขึ้นด้วย
เธอจับมือของเสิ่นอี้โจวพลางเอ่ยถึงเรื่องที่เสิ่นอี้โจวช่วยพวกเธอไว้เมื่อครั้งอดีต และหญิงชราก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เสี่ยวเฟิงของพวกเราคงตายไปนานแล้ว”
เสิ่นอี้โจวเอ่ยปลอบใจหญิงชรา “ทุกอย่างจบลงแล้ว เมื่อพบเจอสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็จะเจอสิ่งดีเข้ามาในที่สุด ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะราบรื่นครับ”
เฮ่ออวี้เฟิงเองก็กล่าวว่า “วันนี้เป็นการพบปะสังสรรค์กันที่หาได้ยาก พูดคุยแต่เรื่องที่มีความสุขกันดีกว่า”
หลังเอ่ยจบ เขาก็หันไปถามเซี่ยชิงหยวน “น้องสะใภ้จะคลอดช่วงครึ่งปีหลังใช่ไหม?”
เมื่อพูดถึงลูก สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนก็อ่อนลง หญิงสาวพลางยกมือขึ้นมาลูบท้องโดยไม่รู้ตัว “กำหนดคลอดคือปลายเดือนกรกฎาคมค่ะ หมอบอกว่าครรภ์แฝดอาจจะคลอดก่อนกำหนดด้วย”
นี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอกังวล ด้วยกลัวว่าเด็กทั้งสองจะคลอดก่อนกำหนดทำให้มีน้ำหนักตัวน้อยจนต้องอยู่ในตู้อบ
ดังนั้นเธอจึงใช้ประโยชน์จากช่วงที่ท้องยังไม่ใหญ่มาก เพื่อทำทุกอย่างที่เธอสามารถทำก่อนได้
คุณแม่เฮ่อระบายยิ้มพลางเอ่ย “เดือนกรกฎาคมในมณฑลอวิ๋นนั้นดีนะ ไม่ร้อนเกินไปสำหรับการอยู่ไฟด้วย”
หญิงชรา ‘มอง’ ไปในทางเฮ่ออวี้เฟิงแล้วถอนหายใจ “ลูกของฉันคนนี้น่ะ โตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่รู้เลยว่าคู่ครองอยู่ที่ไหน”
เซี่ยชิงหยวนเองก็มองไปยังเฮ่ออวี้เฟิงและยกยิ้มอย่างมีนัย “นั่นสิคะ อันที่จริงน่าจะมีเด็กสาวที่ชอบเขาอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าในใจพี่เฮ่อคิดยังไงเนี่ยสิ”
ได้ยินดังนั้น เฮ่ออวี้เฟิงพลันสำลักน้ำลายของตัวเอง ใบหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก
เซี่ยชิงหยวนถือโอกาสถาม “คราวก่อนอาเซียงกลับไปและบอกฉันว่าพี่เฮ่อดูแลเธอเป็นอย่างดีเลย ฉันขอเป็นตัวแทนของอาเซียงเพื่อขอบคุณพี่เฮ่อนะ”