บทที่ 440 ขอให้เธอปลอดภัยและมีความสุขตลอดชีวิตของเธอ
บทที่ 440 ขอให้เธอปลอดภัยและมีความสุขตลอดชีวิตของเธอ
ต่อให้อาเซียงจะขอลาหยุดจากเซี่ยชิงหยวนแล้ว แต่อาเซียงก็ไม่สามารถอยู่ในเมืองกว่างโจวได้นานเกินไป
ประกอบกับความจริงที่ว่าเธอยังคงโกรธเฮ่ออวี้เฟิงอยู่ เธอจึงตัดสินใจกลับไปที่มณฑลอวิ๋นโดยเร็วที่สุด
แต่ในวันที่ออกเดินทางโดยคิดว่าทั้งสองอาจจะไม่ได้เจอกันอีกสักเดือนหรือสองเดือน ความรู้สึกไม่พอใจในใจของอาเซียงก็น้อยลง
เธอมองไปยังเฮ่ออวี้เฟิงที่มาส่งแล้วพูดว่า “คราวนี้ฉันอาจจะไม่กลับมาอีกสักเดือนหรือสองเดือนนะ”
เฮ่ออวี้เฟิงดูนิ่งมาก “ตกลง เดินทางดี ๆ นะ”
อาเซียง “…”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันกำลังพูดถึงเวลาหนึ่งหรือสองเดือนนะ!”
เฮ่ออวี้เฟิงพยักหน้า “อืม”
ดวงตาของอาเซียงเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ “ผู้ชายอะไรโง่เง่าที่สุด!”
เฮ่ออวี้เฟิงพยักหน้า “ใช่ แม่ของฉันก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”
อาเซียง “…”
เธอรู้สึกว่าคงคุยกับเขาไม่ได้แล้ว
หญิงสาวคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเฮ่ออวี้เฟิง “ฉันจะไปแล้ว และฉันจะไม่กลับมาอีก!”
หลังจากนั้นเธอก็ขึ้นรถไฟโดยไม่หันกลับมามอง
จุดที่เฮ่ออวี้เฟิงยืนอยู่นั้นเป็นจุดที่คันตู้นอนของอาเซียงจอดอยู่พอดี
อาเซียงเห็นว่าเฮ่ออวี้เฟิงยังคงยืนโง่อยู่ที่นั่นโดยไม่มีความโศกเศร้าหรือความสุขปรากฏบนใบหน้า ความโศกเศร้าของการพรากจากกันที่เกิดขึ้นก็พลอยหายวับไปทันที
เธอโน้มตัวไปปิดหน้าต่าง จากนั้นนั่งนิ่งอยู่กับที่นั่งโดยไม่มองเขาแม้แต่น้อย
เฮ่ออวี้เฟิงเปิดปากของเขา แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
ทำไมสาวน้อยถึงโกรธขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เธอดูไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยล่ะ?
ไม่สิ ดูเหมือนช่วงนี้เธอโกรธอยู่ตลอดนี่นา
เมื่อเสียงหวูดรถไฟดังขึ้น เป็นการแจ้งเตือนผู้โดยสารว่ารถไฟกำลังจะออกแล้ว
อาเซียงเหลือบมองเฮ่ออวี้เฟิงจากหางตาของเธอ และพบว่าเขายังยืนเป็นเหมือนเสาไม้ ไม่เดินออกไปหรือเข้ามาใกล้
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกหมดหนทางในใจ ทำไมถึงหลงรักคนโง่เง่าขนาดนี้นะ!
ขณะที่รถไฟเคลื่อนตัว ทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็เริ่มเคลื่อนถอยหลัง ในที่สุดอาเซียงก็อดไม่ได้ที่จะเปิดหน้าต่างแล้วยื่นหัวออกมา
เฮ่ออวี้เฟิงก็สังเกตเห็นเธอและมองดูเธออยู่ด้วย
อาเซียงตะโกนเสียงดัง “คราวหน้าอย่าทำตัวให้น่าโมโหขนาดนี้นะ!”
เฮ่ออวี้เฟิงไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อมองตาสีแดงก่ำของหญิงสาว เขาก็พยักหน้าในที่สุด “ได้”
ขณะที่รถไฟวิ่งออกไป ร่างของเฮ่ออวี้เฟิงค่อย ๆ เล็กลงจนเหลือเพียงแค่จุดดำและหายไปในที่สุด
มือของอาเซียงยังคงอยู่ที่ขอบหน้าต่างรถ มองไปในทิศทางนั้นด้วยอาการเหม่อลอย
เธออายุ 18 ปีแล้ว และผู้หญิงในหมู่บ้านวัยใกล้เคียงกันหลายคนก็แต่งงานหรือหาคู่กันแล้ว ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ญาติบางคนก็ถามเกี่ยวกับการแต่งงานของเธอด้วย
โชคดีที่พ่อของเธอเป็นคนที่มีความคิดเปิดกว้างและห้ามไม่ให้ญาติสอบถามโดยอ้างว่าเธอกำลังเรียนรู้อยู่กับเซี่ยชิงหยวน
แต่ตรุษจีนปีหน้าล่ะ? แล้วปีถัด ๆ ไปล่ะ?
ไม่ว่าพ่อของเธอจะใจกว้างแค่ไหนก็ตาม เขาก็คงไม่อยากให้เธอแต่งงานตอนอายุเยอะแน่ ๆ
ยิ่งกว่านั้น เธอกำลังรับมือกับคนที่เข้าใจยากอย่างเฮ่ออวี้เฟิง ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเธอจะมีตัวตนในใจของเขากันนะ?
บางทีวันหนึ่งเมื่อเธอกลับมาที่เมืองกว่างโจวอีกครั้ง อาจจะมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ เฮ่ออวี้เฟิงแล้วก็ได้ และเขาคงจะแนะนำเธอให้รู้จักกับผู้หญิงคนนั้นในฐานะภรรยาใหม่ของเขาหรือเปล่า?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อาเซียงก็รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างช่วยไม่ได้
…
ในตอนเช้า แสงแดดยามฤดูใบไม้ผลิสาดลงมาจากเมฆและสาดส่องอาบผืนดินเบื้องล่าง ปกคลุมทุกสิ่งด้วยแสงสีทองจาง ๆ
เซี่ยชิงหยวนนั่งอยู่ในร้าน ตรวจสอบบัญชีซื้อขายและสินค้าคงเหลือของเมื่อวาน จากนั้นเดินไปที่หลังร้านเพื่อเติมน้ำครึ่งขวด และเดินไปที่ประตูร้านและรดน้ำดอกไม้
กระถางดอกไม้สี่เหลี่ยมหลายใบที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ถูกย้ายไปที่ประตูของร้านยามต้องมนต์ ดินสีดำด้านในผสมกับขี้เถ้าพืช กะลามะพร้าวบด และอื่นๆ ซึ่งเป็นดินที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของดอกฟู่หลาง
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนรดน้ำ เธอก็พบจุดที่มีดอกตูมสีเขียวงอกขึ้นมาจากดินสีดำ
เธอมองดูใกล้ ๆ และเห็นว่าดอกฟู่หลางแตกหน่อแล้ว!
เซี่ยชิงหยวนอุทานด้วยความดีใจ “เยี่ยมเลย มันแตกหน่อแล้ว!”
อาเซียงกลับมาจากเมืองกว่างโจวได้สองสามวันแล้ว เมื่อได้ยินเสียง เธอก็ออกจากร้านเพื่อดู “ดีมากเลยค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ พี่เคยคิดว่าคงต้องรออีกสักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ซะอีก”
เธอมองดูดอกตูมสีเขียวอ่อนดอกเล็ก ๆ นี้ และพูดด้วยความดีใจว่า “ดอกที่ปลูกที่บ้านก็น่าจะแตกหน่อแล้วเหมือนกัน วันนี้กลับไปดูมันด้วยดีกว่า”
อาเซียงหัวเราะ “ไม่คิดเลยว่าเมล็ดพันธุ์ที่คุณชายฉีคนนั้นเอามาให้จะดีขนาดนี้”
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “ใช่ มันคงถูกเลือกมาอย่างดีเลยล่ะ”
ขณะที่พูด เธอก็ถอนหายใจ “จริงสิ ไม่ได้เห็นเขามาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าที่หน่วยของเขามีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่านะ?”
อาเซียงเห็นด้วย “เดาว่าเขาอาจจะมีงานให้ทำหลายอย่างหลังจากปีใหม่ก็ได้ค่ะ”
…
ทั้งสองคนคุยกันและมีแสงแดดส่องมาบนตัวของพวกเธอ ทุกอย่างดูสวยงามเป็นพิเศษ
ท้องของเซี่ยชิงหยวนโตขึ้นมากแล้ว และหน้าของเธอก็กลมกว่าเดิม
ตั้งแต่ตั้งท้อง เธอก็ยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม ทุกครั้งที่มองเธอจะมีรอยยิ้มเสมอ
จากริมฝีปากที่ขยับของคนทั้งสอง ดูเหมือนพวกเธอกำลังพูดถึงอะไรบางอย่างที่ดี
ฉีจิ่นจือเฝ้าดูจากระยะไกลที่มุมถนนฝั่งตรงข้าม และอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
เขายื่นมือออกแล้วโบกมือราวกับกำลังบอกลา
นี่ถือว่าบอกลากันแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ หรือจะได้เจอกันอีกไหม…
เมื่อรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาจึงไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป
เขามองเน้นไปที่เหตุการณ์ตรงหน้า โดยหวังว่าภาพนี้ที่เขากำลังมองอยู่จะคงอยู่ในใจของเขานานขึ้นหรือตลอดไป
ชายหนุ่มก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว สองก้าว ลดปีกหมวกลงและหายตัวไปลึกถึงมุมถนน ราวกับว่าเขาไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
ขอให้เธอปลอดภัยและมีความสุขตลอดชีวิตของเธอ…
……………………………………………