บทที่ 427 เสิ่นอี้โจวลักพาตัวผู้ชาย
บทที่ 427 เสิ่นอี้โจวลักพาตัวผู้ชาย
ฉีจิ่นจืออุดหูอย่างไม่อดทน “คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอีกเนี่ย?”
ในขณะที่ฉีจิ่นจือนิ่งเฉย ฉีหยวนซานก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
เขายืนขึ้นแล้วเดินเข้าหาฉีจิ่นจือ เดินวนไปมาข้างหน้าลูกชายตัวเอง “เมื่อคืนพวกแกไปอาบน้ำด้วยกัน! แล้วตอนนี้แกยังอยากจะปฏิเสธอยู่อีกรึไง?”
ฉีจิ่นจือเลิกคิ้ว “มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการไปอาบน้ำด้วยกันรึไงล่ะ? เราไปเข้าห้องน้ำเดียวด้วยกันด้วยซ้ำ อันนี้คนของคุณไม่ได้รายงานให้ฟังด้วยเหรอ?”
เมื่อฉีหยวนซานได้ยินแบบนั้น เขาก็แทบจะกระอักเลือดออกมา!
“อะไรนะ! พวกแกไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน!” ฉีหยวนซานชี้ไปยังฉีจิ่นจือด้วยนิ้วที่สั่นเทา “แกยังมีศีลธรรมหรือความละอายใจบ้างไหม!?”
ดวงตาของฉีจิ่นจือเปลี่ยนเป็นเย็นชา “คุณพูดคำเหล่านี้ออกมาไม่คิดว่ามันตลกบ้างรึไง? เป็นคุณเองแท้ ๆ ที่ไม่มีศีลธรรมและความละอายมาโดยตลอด แต่ตอนนี้คุณกลับมาสั่งสอนผมเรื่องศีลธรรมและความละอายเนี่ยนะ?”
เขาหยุดชั่วคราวราวกับนึกถึงเรื่องน่าขัน “ถ้าคุณรู้จักศีลธรรมและความละอายจริง ๆ ทำไมคุณถึงหลอกแม่ของผมเรื่องสถานะการแต่งงานของคุณแล้วทิ้งเธอไปล่ะ? ผมคิดว่าคนที่ต้องเรียนรู้ไอ้สิ่งที่เรียกว่าศีลธรรมและความละอายมากที่สุดก็คือคุณมากกว่านะ”
“ฉี! จิ่น! จือ!” ใบหน้าของฉีหยวนซานเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และพูดไม่ออกเป็นเวลานานในขณะที่นิ้วยังชี้ค้างไปที่ลูกชาย
ฉีจิ่นจือเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเกียจคร้าน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอตัวก่อน”
ฉีหยวนซานสูดลมหายใจสักพักก่อนจะตะโกนว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”
ฉีจิ่นจือหยุด แต่ไม่ได้หันกลับมามอง เพียงรอให้อีกฝ่ายพูดเท่านั้น
ฉีหยวนซานพูดว่า “ถ้าแกต้องการพิสูจน์ว่าแกกับเสิ่นอี้โจวบริสุทธิ์ งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกก็ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน และใช้เวลากับเสี่ยวเยว่ให้มากขึ้นในทุก ๆ วันซะ!”
ฉีจิ่นจือหรี่ตาและเยาะเย้ย “ฉีหยวนซาน สิ่งที่คุณตกลงกับตระกูลเผ่ยเกี่ยวอะไรกับผมด้วย? และคุณไม่คิดว่ามันน่าขยะแขยงเหรอที่ยอมตกลงให้หลานของตัวเองในอนาคตใช้นามสกุลเผ่ยน่ะ? ผมขยะแขยงนะรู้ไหม?”
“ไอ้สารเลว!” ฉีหยวนซานโกรธมากจนคว้าถ้วยชาที่เขาเพิ่งดื่มโยนใส่ลูกชาย
ถ้วยชาเฉี่ยวแก้มของฉีจิ่นจือไปและกระแทกกับประตูด้านหลังจนแตก ฉีจิ่นจือไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ แต่ทุกคนที่อยู่นอกสำนักงานตัวสั่นด้วยความกลัวและพยายามอยู่ห่างจากสนามรบ
ขณะที่พ่อและลูกชายกำลังทะเลาะกัน ผู้ช่วยคนกล้าที่อยู่นอกประตูก็กล้าเคาะประตู “ท่านฉีครับ?”
“มีอะไร!?” ฉีหยวนซานโกรธมากและน้ำเสียงของเขาก็หมดความอดทนมากเช่นกัน
จากนั้นเขาได้ยินผู้ช่วยที่อยู่นอกประตูพูดว่า “เลขาธิการเสิ่นรออยู่ชั้นล่างและบอกว่าเขามารับคุณชายฉีไปกินมื้อเย็นที่บ้านของเขาครับ”
ฉีจิ่นจือ “…”
ฉีหยวนซาน “!”
ไอ้ผู้ชายคนนั้นถึงกับวิ่งมาที่นี่อย่างหน้าด้านเพื่อมาลักพาตัวลูกชายของเขาไปเชียวเหรอ!
ฉีหยวนซานก้าวไปข้างหน้า เปิดประตูแล้วชี้ไปทางบันได “บอกให้เขาไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธดังก้องไปทั่วอาคารสำนักงาน ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ฉีจิ่นจือกัดฟัน นี่มันเสียงดังเกินไปแล้ว
ผู้ช่วยที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก้าวมาข้างหน้าและพูดเสียงอ่อยว่า “ท่านฉีครับ เรา…เราไม่ควรทำให้เลขาธิการเสิ่นขุ่นเคืองโดยไม่มีเหตุผลนะครับ”
ฉีหยวนซานสำลักในใจ เขาจะต้องสงบอารมณ์…เขาจะต้องสงบอารมณ์
จากนั้นเขามองไปยังผู้ช่วยที่พยายามจะให้เหตุผลแก่เขาแล้วเตะขา “งั้นก็พาลูกชายฉันไปเร็ว ๆ ซะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็กระแทกประตูปิดดังปัง แล้วกลับไปนั่งในห้องด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ผู้ช่วยคนนั้นขยิบตาให้ฉีจิ่นจือ ส่งสัญญาณให้ออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเคาะประตูแล้วเดินตามฉีหยวนซานเข้าไปในห้อง
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาของทุกคน ฉีจิ่นจือก็ลงไปชั้นล่างโดยไม่แยแสเลย
วันนี้เสิ่นอี้โจวบังเอิญมาทำงานใกล้ ๆ เมื่อเขาเห็นว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว และเป็นทางผ่านพอดี เขาจึงขอให้คนขับหยุดและวางแผนที่จะพาฉีจิ่นจือกลับบ้านไปด้วยกัน
เมื่อฉีจิ่นจือออกมาจากประตู เขาเห็นรถของเสิ่นอี้โจวอย่างรวดเร็ว
เขาเดินก้าวไปและยิ้ม “เลขาธิการเสิ่น หายากจริง ๆ ที่คุณมาถึงที่ทำงานของผม แถมในวันนี้คุณยังทำให้ใครหลายคนประหลาดใจซะด้วย”
เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้วขึ้น เห็นได้ชัดว่างงงวยกับคำพูดของอีกฝ่าย
ฉีจิ่นจือไม่ได้พูดอะไรอีก เขาตบหลังของเสิ่นอี้โจวก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “เราไปกันเถอะ”
เสิ่นอี้โจวก็ขึ้นรถจากอีกด้านหนึ่งแล้วนั่งที่เบาะหลังกับฉีจิ่นจือ
ในสำนักงานชั้นบนสุดของอาคารสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ฉีหยวนซานและผู้ช่วยของเขาเฝ้าดูชายหนุ่มทั้งสองคนขึ้นรถด้วยกัน จากนั้นรถก็ค่อย ๆ ขับออกไป
คิ้วของฉีหยวนซานขมวดจนสามารถบีบแมลงวันจนตายได้ เขาชี้ไปยังรถที่กำลังขับออกไปและพูดด้วยความโกรธว่า “ดูสิดู ไอ้ผู้ชายสองคนนี้คุยกันเรื่องอะไร แถมยังกล้ากอดกันกลางวันแสก ๆ!”
ขณะที่เขาพูดเช่นนี้ เขาก็เอามือเท้าสะเอวแล้วเดินไปมาในห้องทำงาน “ฉันโกรธมาก โกรธมากจริงๆ!”
ผู้ช่วยแนะนำจากด้านข้าง “บางทีคุณชายอาจจะยังรู้สึกว่ามันใหม่ก็ได้ครับ ถ้าผ่านไปสักพักคงจะไม่เป็นไรครับ”
ฝีเท้าของฉีหยวนซานไม่ได้หยุด “รอให้ผ่านไปสักพัก? นานแค่ไหนแล้วที่เขาและเสิ่นอี้โจวเจอกัน? ไม่เพียงแต่พวกเขาดูไม่เบื่อกันเลย แต่พวกเขากลับใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ รู้ไหมว่าพวกเขาทำอะไรเมื่อวานนี้! พวกเขาถึงขั้นไปอาบน้ำด้วยกันแล้ว!”
ปกติในมณฑลยูนนานผู้ชายดี ๆ ที่ไหนชวนกันไปอาบน้ำด้วยกันบ้าง? มีแต่พวกไม่ปกติเท่านั้นที่จะตกลงไปไม่ใช่รึไง?
เมื่อพูดแบบนี้ เขาก็จับหน้าผากอย่างมืดหม่น “ฉันพูดไม่ได้แล้ว พูดแล้วปวดหัว”
เมื่อผู้ช่วยเห็นสิ่งนี้ เขาก็ทำได้เพียงปลอบและยิ้ม
เสิ่นอี้โจวไม่ใช่คนธรรมดา เป็นคนที่ไม่สามารถฆ่าได้ต่อให้จะอยากกำจัดแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงเพียงหวังว่าคุณชายของเขาจะช่วยทำให้ผู้คนสบายใจได้บ้างในอนาคต
ฉีหยวนซานซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ปัญหาพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ไม่ใช่ว่านายพูดก่อนหน้านี้เหรอว่าลูกสาวของนายจะพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้อยู่ เธอยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหม? งั้นพรุ่งนี้ให้เธอมาที่สำนักงานของเราเลย”
ผู้ช่วย “ครับ?”