บทที่ 420 กลับบ้านกัน
บทที่ 420 กลับบ้านกัน
เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นและค่อย ๆ ไกลออกไป หวังผิงจึงออกมาจากบ้านในที่สุด
เธอไม่ได้ออกไปที่ประตูบ้าน แต่ยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูห้องโถงกลางบ้านและมองไปทางท้ายรถที่อยู่ไกลออกไปพร้อมฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย
เซี่ยโยว่หมิงซับน้ำตาที่บริเวณหางตาแล้วหันกลับไปมองหวังผิงซึ่งยืนอยู่หน้าประตู
หวังผิงก็สังเกตเห็นเขาเช่นกัน ใบหน้าของเธอดูไม่เป็นธรรมชาตินัก
เธอพลันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
เซี่ยโยว่หมิงถอนหายใจ “ใครล่ะจะไม่ชมเราที่เลี้ยงลูกสาวได้ดี แต่คุณกลับปฏิบัติต่อลูกแบบนี้ เมื่อสองวันก่อนลูกก็เกือบจะแท้ง วันนี้ต้องกลับมณฑลแล้ว ไม่รู้ว่าหนทางนั้นลำบากขนาดไหน แต่เล็กจนโต ลูกไม่เคยละทิ้งครอบครัวเลยแม้เพียงสักนิด แต่คุณก็กลับดื้อรั้นหัวแข็ง เดี๋ยวพอถึงเวลาที่ลูกห่างเหินกับคุณ เป็นคุณเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายต้องร้องไห้”
หลังเอ่ยจบ เซี่ยโยว่หมิงรู้สึกเพียงว่าเขาโกรธมากเสียจนเจ็บปวดรวดร้าวไปถึงตับ และไม่ต้องการกลับเข้าบ้าน จึงหันหลังเดินออกไปข้างนอก
ในใจของหวังผิงรู้สึกไม่ดีนักเมื่อได้ยินสามีพูดแบบนั้น และเมื่อเธอเห็นเขาเดินออกไปอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกไป “นั่นคุณจะไปไหนอีก!”
เซี่ยโยว่หมิงไม่แม้แต่จะหันกลับไป “ออกไปสูดอากาศสักหน่อย ถึงคุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ผมเจ็บปวด!”
….
เนื่องจากสภาพร่างกายของเซี่ยชิงหยวน รถจึงไป ๆ หยุด ๆ และใช้เวลากว่าสามวันในการกลับไปยังมณฑลอวิ๋น
แทนที่จะขับรถกลับไปที่เขตพักอาศัย พวกเขาตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อพบคุณหมอฮวงทันที
ในวันที่สาม ท้องน้อยของเซี่ยชิงหยวนรู้สึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อย ทำเอาทั้งคู่กลัวเสียจนขวัญหนีดีฝ่อ
คุณหมอฮวงตรวจร่างกายให้เซี่ยชิงหยวน แล้วเอ่ยว่า “โชคดีที่ทั้งคุณยังสาว สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่อย่างนั้นคงทนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่ไหวแน่ ๆ ค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนรับฟังอย่างเงียบ ๆ อย่างเชื่อฟังโดยไม่ได้ตอบอะไร
เสิ่นอี้โจวโอบภรรยาเอาไว้เพื่อบอกเป็นนัยไม่ให้เธอรู้สึกผิด ก่อนจะหันไปหาคุณหมอฮวง “เป็นผมเองที่ไม่ได้ดูแลเธอให้ดี คุณหมอฮวงสามารถว่ากล่าวผมได้เต็มที่เลยครับ”
เมื่อเห็นทั้งสองคนเช่นนี้ คุณหมอฮวงก็ไม่อาจพูดอะไรตำหนิได้ กลับรู้สึกขบขันแทน
เธอกล่าวว่า “ลูกคนแรกสำคัญมากสำหรับผู้หญิง สำหรับเด็กคนนี้ คุณจะต้องจัดการดูแลทุกอย่างรวมถึงท่าทางการนั่งหรืออื่น ๆ ให้ดี ห้ามมีข้อผิดพลาดอีกนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวพยักหน้าซ้ำ ๆ “เราจะระมัดระวังอย่างแน่นอน ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ”
คุณหมอฮวงถอนหายใจ “ฉันจะไม่สั่งยาให้คุณนะ ช่วงนี้คุณให้ความสนใจกับร่างกายเป็นหลักดีกว่าค่ะ”
เธอพูดพร้อมโบกมือ “คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ทั้งสองคนกล่าวลาคุณหมอฮวงอีกครั้ง แล้วรีบกลับบ้านทันที
เมื่อลงไปยังห้องโถงใหญ่ของโรงพยาบาลก็พบเข้ากลับเซี่ยจื่ออี้
ในมือของเธอถือกล่องอาหารเอาไว้ ดูเหมือนว่ากำลังจะนำอาหารไปให้เซี่ยเจิ้ง
เซี่ยจื่ออี้ดูซีดเซียวลงกว่าตอนที่หญิงสาวเห็นในคืนวันส่งท้ายปีเก่าเสียอีก ใบหน้าของเธอหมองคล้ำและไม่มีชีวิตชีวา ราวกับว่ามีหมอกปกคลุมไปทั่วร่างกายของเธอ
เมื่อเซี่ยจื่ออี้เห็นทั้งสองก็พลันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็มองตรงไปยังมือของทั้งคู่ที่จับกันไว้ด้วยสายตาที่ไม่อาจคาดเดาได้
เสิ่นอี้โจวดึงเซี่ยชิงหยวนให้หลบข้างหลังเขา ก่อนจะพยักหน้าให้เซี่ยจื่ออี้เป็นการทักทาย
เซี่ยจื่ออี้เพียงแค่มองดูทั้งสองคนอย่างนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านเธอไป เซี่ยจื่ออี้ก็เอ่ยขึ้นว่า “เลขาธิการเสิ่นและคุณนายเสิ่นมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจครรภ์เหรอคะ?”
เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวจำต้องหยุดฝีเท้าลง และเสิ่นอี้โจวเป็นฝ่ายเอ่ยตอบ “มาตรวจตามนัดครับ”
เซี่ยจื่ออี้มองไปยังใบหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยของเซี่ยชิงหยวน แล้วหัวเราะหึ “งั้นเหรอคะ? ทำไมฉันถึงเห็นว่าคุณนายเสิ่นดูเหมือนจะไม่สบายเลยนะ คงไม่ใช่ว่าครรภ์มีอาการผิดปกติอะไรหรอกเนอะ? แต่ก็ขอให้อย่าเป็นแบบนั้นเลยแล้วกันค่ะ เพราะการจะตั้งท้องลูกคนนี้สำหรับพวกคุณแล้วไม่ง่ายเลยนี่นะ”
คำพูดของเซี่ยจื่ออี้นั้นไม่สมเหตุสมผล ทั้งยังไม่ให้เกียรติกันเป็นอย่างมาก
โดยไม่รอให้เซี่ยชิงหยวนเอ่ยปาก ใบหน้าของเสิ่นอี้โจวก็ครึ้มลงทันที “คุณเซี่ย ระวังคำพูดของคุณด้วย”
เซี่ยจื่ออี้ยกยิ้ม “ฉันแค่กังวลน่ะค่ะ ทำไมฉันต้องระวังคำพูดด้วย?”
ในสายตาของเซี่ยชิงหยวน เซี่ยจื่ออี้ก็เป็นเพียงคนบ้าคนหนึ่งเท่านั้น
เซี่ยเจิ้งเป็นที่พึ่งพาเดียวของเธอแท้ๆ แต่เธอก็ช่างงี่เง่าสิ้นดีที่สามารถทำให้เซี่ยเจิ้งต้องเขาโรงพยาบาลถึงสองครั้งได้
ตอนนี้เป็นเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงระหว่างตำแหน่งที่ได้รับเลือกใหม่และผู้ที่ได้รับตำแหน่งทางการเมืองก่อนหน้า ครอบครัวของหยวนหงหลี่รู้ตัวดีว่าพวกเขาต้องลงจากตำแหน่ง จึงรีบเร่งทำความดีเพื่อจะได้รับคำสรรเสริญจากประชาชน ส่วนเซี่ยจื่ออี้กลับเอาแต่หาเหาใส่หัว
หากเซี่ยเจิ้งเสียชีวิตลง ในมณฑลอวิ๋นนี้จะมีที่ไหนให้เธอไปตั้งหลักได้อีก?
หญิงสาวดึงแขนเสื้อของเสิ่นอี้โจว “ช่างเถอะค่ะ อย่าไปทะเลาะกับคนไม่มีหัวคิดเลย”
ในตอนที่เอ่ยประโยคนี้ เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ตั้งใจจะลดเสียงให้เบาลง ทำให้เซี่ยจื่ออี้ซึ่งอยู่ข้าง ๆ สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
รอยยิ้มของเธอกว้างขึ้นและกล่าวว่า “คุณนายเสิ่นมีฝีปากเป็นอาวุธมาโดยตลอด สงสัยเสียจริงว่าเลขาธิการเสิ่นเพิ่งเคยเห็นฝีปากของคุณหรือเปล่านะคะ?”
ความโกรธที่หาได้ยากพลันเกิดขึ้นกับเสิ่นอี้โจว “คุณเซี่ย แทนที่คุณจะเอาเวลามาทำเรื่องแบบนี้ ทำไมคุณไม่เอาเวลานี้รีบไปดูแลท่านเซี่ยซะล่ะ? กตัญญูให้มากหน่อยจะดีกว่านะ”
พูดจบก็ไม่สนใจเธออีกต่อไป ชายหนุ่มจับมือเซี่ยชิงหยวนและเดินจากไป
เซี่ยชิงหยวนเดินตามหลังเสิ่นอี้โจว เธอรู้ว่าเขาโกรธมากจึงเอ่ยปลอบโยน “คนบ้าแบบนี้ อย่าไปสนใจเธอเลย”
ท่าทีของเสิ่นอี้โจวผ่อนคลายลง ก่อนจะนำเสื้อคลุมตัวนอกของเขามาคลุมให้ภรรยา “ผมขอโทษนะ พอเป็นเรื่องของคุณแล้ว ผมก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่น่ะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มตอบ “ฉันกับลูกสบายดีค่ะ แถมการที่เธอพูดมาสองประโยคนั่นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”
เสิ่นอี้โจวรีบปิดปากของเธอไว้ทันที “ชู่ อย่าพูดจาอะไรเหลวไหลอีกเลย”
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้วและดึงรั้งมือของเขาไว้ “ไปเถอะ กลับบ้านกัน”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้ารับ “ครับ กลับบ้านกัน”
….
ก่อนที่จะถึงประตู ทั้งสองก็เห็นปี่ฟู่หมานและเสิ่นอี้หลินยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว
เมื่อเห็นรถที่คุ้นตาทั้งสองก็โบกมือให้พวกเขาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนลงจากรถ ทั้งสองคนก็รีบเข้าไปรับตัวเซี่ยชิงหยวนจากแขนของเสิ่นอี้โจว ช่วยประคองเธอเข้าไปในบ้านโดยคนหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกคนอยู่ทางขวา
เสิ่นอี้โจวมองไปยังแขนที่ว่างเปล่าของตนพลางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ที่นั่งนุ่ม ๆ และซุปร้อน ๆ ก็พร้อมรออยู่แล้ว หลินตงซิ่วนำซุปที่อุ่นในอุณหภูมิเหมาะสมมาให้เซี่ยชิงหยวน แล้วเอ่ยกับลูกสะใภ้ของตนว่า “นี่คือซุปรากบัวตุ๋นซี่โครงหมูที่แม่ตุ๋นทั้งเช้าเลยน่ะ ส่วนที่ติดมันถูกตัดออกไปจนหมด รวมถึงไขมันที่ลอยขึ้นมาบนซุปก็ถูกตักออกเรียบร้อยจ้ะ”
การกินรากบัวในฤดูหนาวเป็นการบำรุงที่ดีที่สุด ด้วยความกังวลว่าเซี่ยชิงหยวนจะกลัวอ้วน เธอจึงเรียนจากนักโภชนาการในเรื่องการเลาะส่วนที่เป็นไขมันออกจากกระดูกทุกส่วน
ปี่เหลาซานเองก็มองเธอพลางหัวเราะเบา ๆ “รีบกินเถอะ เด็กน้อย”
เซี่ยชิงหยวนที่เพิ่งกลับมาจากหมู่บ้านซิ่งฮวา ทั้งยังได้รับสายตาเย็นชาจากหวังผิง พอมองดูทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เธอก็รู้สึกเพียงว่าตัวเองถูกรายล้อมไปด้วยความรัก จากนั้นดวงตาของเธอพลันแดงก่ำขึ้นมา
เสิ่นอี้โจวพูดถูก เธอยังมีพวกเขาและลูก
เธอหยิบซุปรากบัวขึ้นมาจิบ ความหวานของรากบัวและรสชาติเนื้อของซี่โครงก็พุ่งเข้าปากทันที
หญิงสาวพยักหน้าแล้วยิ้ม “อร่อยมากเลยค่ะ”
หลินตงซิ่วดีใจอย่างยิ่ง ”ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ในหม้อยังมีอีกเยอะ แม่นึกว่าอีกสองวันพวกเธอถึงจะกลับมาซะอีก โชคดีที่ตลาดในวันนี้มีทุกอย่างที่ต้องการพอดี”
ปี่เหลาซานยังกล่าวต่ออีกว่า “กลับมาเร็วแบบนี้ ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีใช่ไหม?”
ได้ยินดังนั้น แววตาของเซี่ยชิงหยวนก็ดูหมองลงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าพลางยกยิ้ม “ราบรื่นดีค่ะ”
เมื่อสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของเซี่ยชิงหยวน ปี่เหลาซานจึงส่งสายตาไปหาเสิ่นอี้โจวให้เป็นฝ่ายก้าวออกมา แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับชิงหยวน?”
เสิ่นอี้โจวเลี่ยงประเด็นที่หนัก ๆ และเลือกตอบให้เบาลง “ในตอนที่กลับไป แม่ของเธอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักน่ะครับ”
—————————————————-