บทที่ 409 ตัดสินใจ
บทที่ 409 ตัดสินใจ
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ทันทีที่เธอกลับมา
แต่ก่อนที่จะกลับมา กงเหลียนซินโทรหาเธอและบอกว่าคนจากตระกูลจางจะมารับเซี่ยซือถงกลับไปในอีกสองวันข้างหน้า
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลจางต้องการให้เซี่ยจิ่งเฉินไปเยี่ยมบ้านของพวกเขาในช่วงปีใหม่และนำของฝากติดตัวไปด้วย
เซี่ยจิ่งเฉินเพิกเฉยต่อ ‘คำใบ้’ ที่ทั้งเปิดเผยและปกปิดของอีกฝ่าย ทำให้ตระกูลจางอารมณ์เสียจนขู่ว่าจะมาพาเด็กกลับไปทันที
เสิ่นอี้โจวต้องการโน้มน้าวให้ภรรยาค่อยเป็นค่อยไป แต่ท้ายที่สุดเขาก็กลืนสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูด “ตกลง ผมจะไปเรียกเขาให้นะ”
เซี่ยจิ่งเฉินอยู่ข้างนอกกำลังพาเด็ก ๆ ทักทายแขก เมื่อได้ยินเสิ่นอี้โจวพูดว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังถามหาตัวเอง เขาก็รู้สึกประหลาดใจ
เขาพูดกับเซี่ยซือถง “ถงถงพาน้องสาวกับน้องชายของลูกไปเล่นกันเองก่อนนะ เดี๋ยวพ่อเข้าไปคุยธุระกับอาหญิงของลูกเขาสักหน่อยก่อน”
เด็ก ๆ มีความสุขมากที่ได้เห็นอาหญิงและอาเขยของพวกเขากลับมา แต่เมื่อได้ยินว่าอาหญิงไม่สบาย พวกเขาก็เชื่อฟังและไม่รบกวนเลย
เซี่ยซือถงพยักหน้า เด็กหญิงทนทุกข์ทรมานจากการขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน แม้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาขณะอยู่ในตระกูลเซี่ยจะได้กินดีอยู่ดี แต่เนื้อหนังของเด็กหญิงก็ยังดูไม่โตและยังคงผอมมาก
เธอตอบอย่างเชื่อฟัง “ค่ะพ่อ”
จากนั้นเธอก็พาเซี่ยซือเหยียนไปเล่นกับลูกพี่ลูกน้องทั้งสอง
เซี่ยจิ่งเฉินเข้าไปในห้อง ขยับเก้าอี้แล้วนั่งข้างเตียง “เธอรู้สึกดีขึ้นบ้างรึยัง?”
เขารู้ว่าเซี่ยชิงหยวนป่วยด้วยอาการเมารถ คราวนี้ในช่วงตรุษจีนยกเว้นหวังผิง พวกเขาทั้งหมดล้วนบอกกับเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวว่าอย่าเพิ่งกลับมา
การเดินทางนั้นยาวนานและยากลำบากอย่างมาก
เซี่ยชิงหยวนนั่งพิงหมอนแล้วพูดว่า “มันเป็นปัญหาเดิม ๆ นั่นแหละ”
ตามปกติเธอจะสามารถหายใจได้คล่องหลังจากนอนลงครึ่งวัน แต่คราวนี้เธอไม่รู้เลยว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่
โชคดีที่เธอแค่รู้สึกไม่สบายที่ท้องและหน้าอกเท่านั้น ส่วนลูก ๆ ในท้องยังสบายดี
เสิ่นอี้โจวปิดประตูให้ทั้งสองคน “พวกคุณคุยกันเถอะ ผมจะออกไปต้อนรับแขกเอง”
อันดับแรก เขานอนดึกเพื่อทำงานให้เสร็จ จากนั้นอุทิศตัวเองเพื่อดูแลเซี่ยชิงหยวนในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาเองก็เหนื่อยมากเช่นกัน
แต่ถ้าหวังผิงต้องการเผชิญหน้า เขาจะร่วมมืออย่างแน่นอน
ชายหนุ่มแค่หวังว่าแม่ยายกับเซี่ยชิงหยวนจะสบายดี และแม่กับลูกสาวจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ ๆ เนื่องจากเรื่องนี้
เขาสามารถบอกได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เซี่ยชิงหยวนอยู่ในสภาพย่ำแย่แค่ไหน สาเหตุหลักมาจากเธอกังวลเกี่ยวกับการจัดการเรื่องของเซี่ยซือถง ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้แม่กับลูกสาวต้องหันหน้าเข้าหากัน
เซี่ยชิงหยวนกลับมาในครั้งนี้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตัดตระกูลจางออกไปจากชีวิตของทุกคน
เขารู้สึกเสียใจจริง ๆ กับความมุ่งมั่นที่โดดเดี่ยวของเธอ
เมื่อหวังผิงเห็นเสิ่นอี้โจวออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กว้างมากขึ้นทันที “ดูสิ อี้โจวออกมาแล้ว”
หญิงชรายืนขึ้นและโบกมือให้เขาเข้ามา “นี่คือน้องสาวฮัวที่อยู่ข้างบ้าน เธอจำได้ไหม? และนี่คือลุงหง เป็นผู้อาวุโสในหมู่บ้านของเราน่ะ ตอนที่เธอกับชิงหยวนแต่งงานกัน เขามาดื่มเหล้างานแต่งของเธอ…”
เสิ่นอี้โจวมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยม เขาจำทุกคนที่หวังผิงพูดถึงได้และตามน้ำไปกับคำพูดของเธอที่พูดถึงเรื่องราวที่น่าสนใจจากอดีต
ความถ่อมตัวและสุภาพของเขา กลายเป็นที่พอใจของชาวบ้านที่เพิ่งคิดว่าเขากลายเป็นคนหยิ่งไม่เห็นหัวคนอื่นตั้งแต่ไปรับราชการทันที
ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เสิ่นอี้โจวจะกังวลเกี่ยวกับภรรยาของเขาจริง ๆ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรกับพวกเขามากนัก
เซี่ยโยว่หมิงสังเกตเห็นความเหนื่อยล้าของเสิ่นอี้โจว และขยิบตาให้หวังผิง ส่งสัญญาณให้เธอพอได้แล้ว
หวังผิงเหลือบมองสามีก่อนที่จะยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจ
…
ภายในห้อง เซี่ยชิงหยวนมองไปยังเซี่ยจิ่งเฉินด้วยดวงตาแวววาว “พี่รอง จริง ๆ แล้วฉันกลับมาครั้งนี้เพราะเรื่องของพี่เป็นหลัก”
“กลับมาเพราะพี่เหรอ?” เซี่ยจิ่งเฉินงุนงง “เกิดอะไรขึ้น?”
เซี่ยชิงหยวนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ก่อนที่ฉันจะบอกอะไรบางอย่างกับพี่ ฉันอยากจะสารภาพบางอย่างกับพี่ก่อน เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันขอให้พี่สะใภ้ช่วยดึงเส้นผมของพี่และลูกของพี่ทั้งสองคน”
เซี่ยจิ่งเฉินหรี่ตาลงและตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ดูเหมือนว่าเขาจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้
เขากลืนน้ำลาย “เธอ…เอาไปทดสอบรึเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้ผลทดสอบออกมาแล้ว มันขึ้นอยู่กับพี่แล้วว่าหลังจากที่พี่รู้แล้วจะทำยังไงต่อ แต่ฉันก็ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าการตัดสินใจของพี่อาจไม่เปลี่ยนแปลงแผนการที่ฉันจะทำต่อจากนี้ได้เหมือนกัน”
เธอจะเคารพการตัดสินใจของเซี่ยจิ่งเฉิน แต่จะไม่ยอมให้ตระกูลจางหาประโยชน์จากตระกูลเซี่ยของเธอได้อีกต่อไป
แต่หากใครเต็มใจที่จะยอมตระกูลจางต่อไป เธอก็จะพาคนที่เหลือกลับไปมณฑลอวิ๋นพร้อมกับเธอ
เธอทำเช่นนี้เพื่อครอบครัวนี้ เธอคิดว่านี่คือสิ่งที่คุณปู่ผู้ล่วงลับไปน่าจะพอใจและมันก็ตรงต่อมโนธรรมของเธอเองเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนเพียงมองดูเขาอย่างเงียบ ๆ เพื่อรอคำตอบ
เมื่อดูการแสดงออกของเซี่ยชิงหยวนแล้ว เซี่ยจิ่งเฉินก็คาดเดาได้อย่างคร่าว ๆ เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “บอกพี่มาเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนพูดทันที “พี่รอง ถงถงไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพี่”
แม้เขาจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่คำพูดของเซี่ยชิงหยวนก็ยังคงเหมือนสายฟ้าฟาดมาที่หูของเซี่ยจิ่งเฉิน
ไม่ใช่ว่าเขาเชื่อกับสิ่งที่จางอวี้เจียวพูดในคืนนั้นเต็มสิบส่วน แต่เขาแค่คิดในเวลานั้นว่าไม่มีผู้หญิงคนใดที่จะยอมเสียความบริสุทธิ์ของตัวเองเช่นนี้
แต่ไม่คาดคิดเลยว่า เขายังคงไร้เดียงสาเกินไปสินะ
เขากำหมัดแน่นและกัดฟันกรอด นิ่งเงียบในขณะที่หัวใจต็มไปด้วยความโกลาหล
เซี่ยชิงหยวนพูดต่อ “ฉันไม่รู้ว่าพี่จะตำหนิฉันที่คิดริเริ่มแผนการของตัวเองแบบนี้หรือไม่ แต่ฉันไม่ต้องการให้ครอบครัวของเราถูกตระกูลจางสูบเลือดอีกต่อไปจนไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้”
เซี่ยจิ่งเฉินยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ชิงหยวน พี่ไม่โทษเธอหรอก”
หากเขาในฐานะพี่ชายที่ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ แล้วทำไมน้องสาวของเขาจะต้องกังวลเรื่องนี้ด้วย?
มันเป็นเพราะเขาเองที่ไร้ประโยชน์ ทำให้ทั้งครอบครัวตกอยู่ในวังวนที่ทุกข์ทรมาน
เมื่อเห็นว่าเซี่ยจิ่งเฉินไม่ได้โกรธเธอจริง ๆ ความกังวลของเซี่ยชิงหยวนก็หายไป
เธอพูดว่า “แล้วถัดจากนี้พี่จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง ถ้าพี่ต้องการเก็บถงถงไว้ ฉันจะหาทางให้พี่ได้ แต่ถ้าไม่ ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลจางโดยสิ้นเชิง”
สำหรับคำพูดของเซี่ยชิงหยวน มันขึ้นอยู่กับว่าเซี่ยจิ่งเฉินจะเลือกอย่างไร
ในขณะนี้หัวสมองทั้งหมดของเซี่ยจิ่งเฉินตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย มันเกือบจะระเบิดเพราะไม่ว่าเขาจะเลือกทางใดก็ตาม มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา
ชายวัยเกือบสามสิบปีแสดงความสิ้นหวังต่อหน้าเซี่ยชิงหยวนเป็นครั้งแรก
เขาก้มศีรษะลง ใช้มือทั้งสองข้างกุมหัวไว้แน่นก่อนจะดึงผมของตัวเองแรง ๆ ราวกับจะระบายความอัดอั้นออกไป
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้เร่งเร้าพี่ชายของเธอและรออย่างเงียบ ๆ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเซี่ยจิ่งเฉินก็เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาสีแดงก่ำ “ชิงหยวน พี่อยากจะเก็บถงถงไว้”
คำตอบของเซี่ยจิ่งเฉินคือสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนคาดคิดไว้แล้ว
หากเซี่ยซือถงมีชีวิตที่ดีในตระกูลจาง เขาอาจจะไม่พูดแบบนี้เลย
เธอเป็นเพียงแค่เด็กน้อยไร้เดียงสาที่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ใหญ่
พวกเขาเห็นด้วยตาตนเองแล้วว่าถ้าเซี่ยซือถงถูกทิ้งให้อยู่ในตระกูลจางอีกครั้ง เด็กหญิงอาจจะไม่รอดจนโตเป็นผู้ใหญ่ก็ได้
แม้ว่าเด็กจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเซี่ยจิ่งเฉิน แต่ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เด็กน้อยก็เป็นเด็กดีและเชื่อฟังมาก
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ได้ค่ะ ฉันจะช่วยพี่เอง”
นี่คือพี่รองในความประทับใจของเธอ เป็นพี่รองที่รักและชอบความยุติธรรม
เซี่ยจิ่งเฉินพูดว่า “เธออย่าเพิ่งบอกแม่เกี่ยวกับความจริงที่ว่าถงถงไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพี่นะ เอาไว้พี่จะอธิบายให้แม่ฟังเมื่อมีโอกาสทีหลังเอง”
นี่เป็นเรื่องของเขา เซี่ยชิงหยวนได้ช่วยเขาแล้ว เขาไม่อยากให้น้องสาวและหวังผิงต้องเผชิญหน้ากันอีกต่อไปเพราะเรื่องนี้
เขากลัวว่าหวังผิงอาจทำอะไรบางอย่างที่ขัดแย้งกับความตั้งใจของเขาและเซี่ยชิงหยวนหลังจากรู้ความจริง ซึ่งจากนั้นสิ่งต่าง ๆ จะยุ่งยากมากขึ้น
เซี่ยซือถงเรียกเขาว่าพ่อมาสี่ปีแล้ว เขาไม่สามารถทิ้งเด็กหญิงไปได้อย่างไร้ความปรานีแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ก็ตาม
เขาต้องเก็บเซี่ยซือถงไว้
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ได้ ฉันรู้”
ทันทีที่ทั้งสองพูดจบ เสียงเครื่องลายครามที่ตกลงสู่พื้นก็ดังขึ้นนอกประตู
ประตูห้องถูกผลักเปิดจากด้านนอก และสีหน้าของหวังผิงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
หญิงชรารีบเข้ามาจ้องมองทั้งสองคน “คุยอะไรกัน พูดมาให้ชัด ๆ เลยนะ!”