บทที่ 389 เข้ามาทำอะไรในห้องของฉัน
บทที่ 389 เข้ามาทำอะไรในห้องของฉัน
เสิ่นอี้โจวเงียบไปครู่หนึ่ง “มันไม่เหม็นสักหน่อย”
เซี่ยชิงหยวนชอบความสะอาดและดูแลตัวเองอย่างดีมาโดยตลอด แม้ว่าเธอจะไม่ได้สระผมเพิ่มอีกวันก็ไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์เลย
สิ่งที่เขาพูดเมื่อเช้าไม่ใช่เพื่อปลอบเธอ
ทันใดนั้นเสิ่นอี้โจวก็รู้สึกขบขัน “คุณกลับมาเร็วเพื่อสระผมเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนกลอกตามาที่เขา “จะเป็นอะไรได้อีกล่ะ”
หลังจากเข้าใจสาเหตุของความโกรธแล้ว เสิ่นอี้โจวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด
เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดว่า “ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว คุณควรสระผมให้น้อยที่สุดจะดีกว่า ถ้าเป็นหวัดไปจะไม่ดีนะ”
ในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ควรเป็นหวัดเพราะการกินยาแบบสุ่ม ๆ หรือหากร่างกายแม่โดนไวรัสและแบคทีเรียเล่นงานจะทำให้ทารกในครรภ์ผิดรูปได้
ความคับข้องใจดั้งเดิมของเซี่ยชิงหยวนเกิดจากการกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอหลังการตั้งครรภ์ เช่นรูปร่างเปลี่ยนไป มีรอยแตกลายบนท้องและต้นขา มีกลิ่นแปลก ๆ บนร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นเธออาจจะปัสสาวะเล็ดเวลาจาม…
ดังนั้นพอมีอารมณ์ขึ้นมาก็รู้สึกไม่สบายใจ
แต่ความรักความสวยงามเป็นเรื่องรองเมื่อเทียบกับลูก ๆ ในท้องของเธอ
เธอพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “แต่ถ้าผมหรือร่างกายของฉันมีกลิ่นเหม็น คุณต้องบอกฉันนะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ได้สิ ผมจะบอกคุณเอง”
เขาก้มศีรษะลงซุกที่คอของเธอ “ภรรยาของผมมีกลิ่นหอมที่สุดอยู่แล้ว ไม่เหม็นเลยสักนิด”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซี่ยชิงหยวนก็หัวเราะอย่างมีความสุข
เสิ่นอี้โจวยื่นมือไปทางผ้าเช็ดตัวแล้วพูดว่า “ให้ผมเช็ดให้คุณนะ”
“ได้สิ” เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและยื่นผ้าเช็ดตัวให้เขา
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เซี่ยจื่ออี้พาเผ่ยเยว่ไปที่ร้านในตอนเช้า เธอจึงเล่าภาพรวมของเรื่องนี้และพูดว่า “เซี่ยเจิ้งเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเอง แทนที่ผู้หญิงคนนั้นจะใช้เวลาอยู่กับพ่อตัวเองให้มากขึ้นกลับออกมาสร้างปัญหานอกบ้านซะงั้น”
เซี่ยเจิ้งโกรธมากจนเข้าโรงพยาบาล และตระกูลเซี่ยกับตระกูลฉินก็หยุดติดต่อกันเนื่องจากเหตุการณ์นั้น
ทุกคนในทั้งสองครอบครัวต่างเปลี่ยนไปเพราะผลกระทบ ยกเว้นเซี่ยจื่ออี้ที่ยังมีความเพียรพยายาม
มือของเสิ่นอี้โจวหยุดชั่วคราว “ในอดีต ตอนอยู่ต่อหน้าเซี่ยเจิ้งเธออาจแสร้งทำไปอย่างนั้น แต่ตอนนี้เธออาจจะไม่สนใจแล้ว ยิ่งกว่านั้นก็ทัศนคติในปัจจุบันของเซี่ยเจิ้งที่ผิดหวังต่อลูกสาว สิ่งนั้นน่าจะกระตุ้นความปรารถนาความอยากชนะของเธอมากขึ้นไปอีก ผมเกรงว่าในอนาคตเธอจะยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คนมากกว่าเดิมน่ะสิ”
เซี่ยจื่ออี้เป็นเหมือนผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่รักษาไม่หายและกำลังเดินอยู่ในเส้นทางตัน ต่อสู้จนตายเพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมา
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “ฉันคิดว่าเซี่ยจื่ออี้อาจมีบางอย่างผิดปกติในใจของเธอก็ได้นะ”
คนปกติจะไม่ทำแบบเดียวกันนี้แน่นอน
เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอทำอะไรให้เซี่ยจื่ออี้เริ่มขุ่นเคือง และทำให้เซี่ยจื่ออี้ทำสิ่งบ้า ๆ มากมายในภายหลัง
เสิ่นอี้โจวถอนหายใจ “เอาเป็นว่าผมจะไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรที่ทำร้ายคุณและลูกอีกเด็ดขาด”
เซี่ยชิงหยวนวางมือบนท้องของเธอโดยไม่รู้ตัว “ถ้าเธอกล้า ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปแน่”
…
ในตอนเย็น ฉีหยวนซานกลับมาและขอให้แม่บ้านของเขาเพิ่มอาหารอีกสองสามจาน ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีไม่น้อย “จิ่นจือจะกลับมากินอาหารเย็นร่วมกับเราในวันนี้ และพวกเธอสองคนจะได้คุยกันสักทีนะ”
เผ่ยอิ่งพ่นลมหายใจเสียงดังราวกับกำลังเยาะเย้ยเขา
ฉีหยวนซานไม่สนใจ และไปที่ห้องครัวเพื่อให้คำแนะนำแม่บ้านก่อนจะขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเห็นฉีหยวนซานเดินหายไปแล้ว เผ่ยเยว่จึงพูดประนีประนอม “คุณป้าคะ อย่าทำกับคุณลุงแบบนี้ตลอดสิคะ”
สีหน้าของเผ่ยอิ่งอ่อนลง “นี่ถือว่าป้าสุภาพกับเขามากแล้วนะ น่าเศร้าแค่ไหนที่ลูกพี่ลูกน้องคนโตของหลานเพิ่งเสียสละที่แนวหน้าได้ไม่เท่าไหร่ แต่ตาแก่คนนี้กลับไปพาไอ้เด็กที่เกิดกับนังสุนัขตัวเมียนั้นกลับเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน! ป้าจะทนกล้ำกลืนเงียบ ๆ ได้ยังไง!”
เธอจับมือเผ่ยเยว่ “ป้าบอกหลานไว้ก่อนนะ ไอ้เด็กเลวนั่นชั่วร้ายมาก มันไม่ใช่คนดีเลย หลานอย่าไปใส่ใจมันเข้าใจไหม?”
เผ่ยเยว่ฟังป้าของเธอพูดทั้งคำว่า ‘เลว’ และ ‘ชั่ว’ แล้วก็ขมวดคิ้ว หญิงสาวไม่อยากจะฟังอีกต่อไป “คุณป้า หนูเข้าใจแล้วค่ะ ถ้าไม่มีอะไรหนูขอขึ้นห้องไปก่อนนะคะ”
เมื่อเธอเดินขึ้นไปชั้นสองผ่านห้องของฉีจิ่นจือ หญิงสาวก็หยุดชั่วคราว
เผ่ยเยว่เห็นว่าประตูห้องเปิดอยู่ และแสงยามเย็นก็ส่องเข้ามาในห้องจากหน้าต่าง ส่องแสงสีทองอาบไปทั่วห้อง
เธอจำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันประตูยังคงปิดอยู่ และเมื่อมองดูเตียงที่สะอาดและเรียบร้อยนั่น แถมที่พื้นยังดูเงาวาวเหมือนเพิ่งถู
เธอคิดว่าแม่บ้านน่าจะเพิ่งเก็บกวาดห้องให้เขา แล้วจึงเปิดประตูเพื่อระบายอากาศ
เธอรู้ว่าควรออกไปในตอนนี้ แต่กลับเดินเข้าไปแทน
ในห้องมีของน้อยมาก นอกจากเครื่องนอนก็มีแต่ชั้นวางของ นี่คงเป็นเพราะเขาไม่ค่อยกลับมาบ่อย ๆ สินะ
เธอไม่รู้ว่าคนที่ถูกเรียกว่าฉีจิ่นจือนี้จะเข้ากันได้ง่ายหรือไม่
ในขณะที่งุนงง หญิงสาวก็ได้ยินเสียงคนพูดที่ชั้นล่าง ต้องเป็นฉีจิ่นจือที่กลับมาแล้วแน่เลย
เธอหันหลังอย่างรวดเร็วเพื่อจะจากไป แต่ยิ่งรีบร้อนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำผิดพลาดได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
เมื่อเธอหันหลังกลับก็บังเอิญชนเข้ากับตู้เล็ก ๆ ข้างเตียง จากนั้นก็มีเสียงดังกราวและกล่องไม้เล็ก ๆ ก็กลิ้งออกมาจากด้านใน
เผ่ยเยว่ชนกับตู้อย่างแรงจนแทบจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เธอไม่สนใจเรื่องอาการบาดเจ็บที่ขา และรีบย่อตัวลงเพื่อหยิบกล่องขึ้นมา
กล่องไม้คว่ำหน้าลงอยู่ ซึ่งทันทีที่เธอหยิบมันขึ้นมา ของข้างในบางส่วนก็หลุดออกมา เช่น ผ้าพันคอบาง ๆ และผ้าเช็ดหน้า
ผ้าเช็ดหน้ามีลายปักรูปดอกเยอบีร่าสีแดงปักอยู่
ไม่มีเวลาพอที่จะดูอย่างใกล้ชิด เผ่ยเยว่รีบยัดของลงในกล่องทันที
ในขณะเดียวกันนี้ มีเสียงที่ผสมทั้งอารมณ์ไม่มีความสุขและความโกรธดังมาจากแถวประตู “เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว และบุคคลนั้นก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
หัวใจของเผ่ยเยว่เต้นผิดจังหวะ และเธอก็เงยหน้าขึ้นทันที มองดูบุคคลที่เข้ามาด้วยความงุนงง “ฉัน…”
เมื่อสังเกตเห็นว่าดวงตาของชายคนนั้นตกลงไปที่กล่องในมือของเธอ เผ่ยเยว่จึงพยายามอธิบายว่า “ฉันขอโทษ ฉัน…”
ชายคนนั้นเมินเธอและคว้ากล่องไปจากมือ
ฉีจิ่นจือเปิดกล่องดูและพบว่าของที่จัดวางในกล่องมันอยู่ไม่ถูกที่เหมือนเดิมและสีหน้าของเขาก็โกรธมากขึ้น
เขามองเผ่ยเยว่อย่างเย็นชา “เธอเข้ามาทำอะไรในห้องของฉัน?”