บทที่ 379 ยามต้องมนต์
บทที่ 379 ยามต้องมนต์
ในที่สุดก็ถึงวันที่ร้านเสื้อผ้าเปิด
เซี่ยชิงหยวนวางแผนจะเปิดร้านในวันที่ทุกคนสามารถมาดูร้านของเธอได้และนั่นก็คือวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดของทุกคน
เสิ่นอี้หลินไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนและเขามาเพียงแค่ร่วมสนุกเท่านั้น ส่วนเสิ่นอี้โจวสัญญาว่าจะมาแสดงตัวสนับสนุน เขาจึงมาที่ร้านเช่นกัน และใบอนุญาตประกอบธุรกิจของเธอก็ทำเสร็จเรียบร้อย
หลังจากตกแต่งร้านแล้วอาเซียงและเฉิงสี่จวี๋มีหน้าที่รับผิดชอบในการแขวนเสื้อผ้า เซี่ยชิงหยวนตรวจสอบอย่างรวดเร็วหลังจากที่ทำเสร็จเท่านั้น
เธอทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งยังเริ่มมีอาการแพ้ท้อง และรู้สึกเวียนหัวแม้จะเดินไม่กี่ก้าวก็ตาม
เสิ่นอี้โจวรู้สึกกังวลมากจนรีบพาเซี่ยชิงหยวนไปโรงพยาบาลเพื่อไปตรวจ ซึ่งหลังจากเจาะเลือดไปหลายหลอด หมอฮวงก็บอกว่าไม่มีปัญหา
พอเห็นว่าเสิ่นอี้โจวยังคงทำอะไรไม่ถูก หมอฮวงก็พูดได้เพียงว่า “การแพ้ท้องของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน คุณนายเสิ่นกำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะแพ้ท้องขนาดนี้”
เสิ่นอี้โจวทำได้แค่ขมวดคิ้วและคอยประคองเซี่ยชิงหยวนกลับบ้าน
ตื่นมาเช้านี้เซี่ยชิงหยวนลุกขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเอง
เธอใส่เสื้อคลุมขนสัตว์ กระดุมสองแถวยาวสีแดง มีขนกระต่ายสีขาวปุยที่ปกเสื้อทั้งสองข้าง ซึ่งยิ่งทำให้รูปลักษณ์ของเซี่ยชิงหยวนดูสวยงามยิ่งขึ้น และแม้แต่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่เข้ารูปของเธอก็ยิ่งดูอ่อนหวาน
เธอไม่สวมรองเท้าส้นสูง และหันไปสวมรองเท้าบูตส้นแบนหนังแกะปลายแหลมที่นำกลับมาจากการเดินทางไปเมืองกว่างโจวครั้งล่าสุดแทน มันทั้งนุ่มและอบอุ่น
เซี่ยชิงหยวนตื่นกลางดึกขึ้นมาหลายครั้ง ทำให้ผิวพรรณของเธอไม่ค่อยดีนัก เสิ่นอี้โจวมองไปยังคางซึ่งผอมลงกว่าเดิมของภรรยา และลังเลที่จะพูด
แน่นอนว่าเธอคงไม่เต็มใจที่จะพักผ่อนอยู่บ้านแทนที่จะออกไปดูแลความเรียบร้อยในวันเปิดร้านด้วยตัวเองแน่
ในความเป็นจริง ทุกครั้งที่เขาเห็นเซี่ยชิงหยวนรู้สึกไม่สบาย เขาอยากจะทุกข์ทรมานแทนเธอเสียให้ได้
เขาจับมือของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”
วันนี้เสิ่นอี้โจวก็สวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีเทาเข้มสไตล์เดียวกัน แต่ไม่มีขนสัตว์บนปกเสื้อ ซึ่งทำให้เขาดูเรียบร้อยและเป็นระเบียบมากขึ้น
ก่อนถึงเวลาเปิด ประตูร้านก็แน่นไปด้วยผู้คนแล้ว และเมื่อเห็นทั้งสองเดินจับมือกันมาผู้คนก็ประหลาดใจจนแทบลืมหายใจ
ผู้ชายหล่อและผู้หญิงสวยในทีวีส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นแบบนี้
วันนี้นอกจากอาเซียงกับเฉิงสี่จวี๋แล้ว หลิงหลินและเฟิงหว่านก็มาช่วยด้วย
วันนี้อาเซียงกับเฉิงสี่จวี๋สวมเสื้อผ้าสไตล์เดียวกับที่แสดงตรงหน้าต่างร้าน พวกเธอสวมเสื้อกันหนาวกับชุดกระโปรงแล้วสวมถุงน่องที่อบอุ่น ซึ่งดูทันสมัยและแปลกใหม่
แม้แต่เฟิงหว่านกับหลิงหลินก็สวมสินค้ารูปแบบหลักของร้าน ซึ่งได้แก่ แจ็กเกตหนังที่หรูหราสวยงาม และแจ็กเกตผ้าฝ้ายสีสันสดใสดูอ่อนวัย
เพียงแค่พวกเธอไม่กี่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูร้านก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้แล้ว
ภรรยาข้าราชการและสุภาพสตรีผู้มั่งคั่งที่รักความสนุกสนานบางคนพาครอบครัวมา ส่วนบางคนก็มากับเพื่อนสาวคนสนิทของตน ตอนนี้พวกเขาก็ล้อมร้านทั้งภายในและภายนอกแล้วเรียบร้อย
เมื่อช่วงเวลาอันเป็นมงคลสำหรับการเปิดมาถึง เสียงประทัดก็ดังขึ้น เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวยืนอยู่ตรงหน้าประตู หยิบกรรไกรขึ้นมาและเพียงฉับเดียวพิธีตัดริบบิ้นก็เสร็จสิ้น
ในเวลาเดียวกัน ผ้าสีแดงผืนใหญ่ที่คลุมป้ายก็ถูกเปิดขึ้น และคำว่า ‘倾城时光’ หรือยามต้องมนต์ ทั้งสี่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้คน ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามันน่าสนใจ
หลังจากพิธีตัดริบบิ้นเสร็จสิ้น เสิ่นอี้โจวและคนอื่น ๆ ก็เป็นผู้นำพาเดินเข้าไปในร้าน
ลูกค้าที่รออยู่ข้างนอกต่างก็ประหลาดใจกับการตกแต่งอันงดงาม และพวกเขาก็รีบเข้าไปในร้านทีละคน
ทันทีที่เข้าไปในร้าน โคมไฟระย้าคริสตัลเหนือศีรษะก็สะดุดตามาก เช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่เข้ากันกับการตกแต่งร้านที่แขวนอยู่บนผนัง รวมถึงเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนไม้แขวนเสื้อตั้งพื้นขนาดใหญ่ ทั้งหมดนี้จัดหมวดหมู่อย่างประณีตในแง่ของสไตล์และสี
นอกจากนี้ที่ผนังยังมีกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานหลายบาน และมีไฟแขวนอยู่ที่ปลายล่างของกระจกสูง เพื่อช่วยเรื่องแสงสว่าง…
การตกแต่งและเสื้อผ้าที่ขายในร้านนั้นดูดีกว่าร้านค้าในห้างสรรพสินค้าซะอีก!
ผู้คนที่เข้ามาต่างรู้สึกงุนงงกับความสวยงามภายในร้าน
บรรยากาศในร้านเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนต่างเลือกเสื้อผ้าและหลายคนต่างลองเสื้อผ้า ทุกคนต่างอยากจะลองใส่เสื้อผ้าทุกชิ้นด้วยตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้นวันเปิดร้านยังมีโปรซื้อชุดแถมถุงน่องฟรีจนคนแทบจะคลั่งอีกด้วย
ห้องลองเสื้อมีทั้งหมด 4 ห้อง เมื่อคนแรกออกมาแล้วอีกคนก็รีบเข้าไป บางคนอดใจรอไม่ไหวจึงเริ่มเอาชุดมาทาบบนร่างกายดูที่หน้ากระจกด้านนอก
ยังไงคุณก็ไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้ากันหนาวออกจนหมด และไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะมองคุณด้วย
ขณะที่เฟิงหว่านกำลังทักทายลูกค้า เธอก็ถอนหายใจ ผู้ที่เข้ามาในร้านไม่มีใครออกไปจากร้านโดยไม่ซื้อเสื้อผ้าติดมือไปเลย
ในร้านมีผู้คนหลั่งไหลมาไม่สิ้นสุด นอกจากผู้คนในเขตที่อยู่อาศัยที่มาอุดหนุนได้พาเพื่อนและญาติมาด้วยแล้ว ยังมีคนอื่น ๆ อีกจำนวนมากที่ถูกดึงดูดโดยการตกแต่งร้านที่สวยงาม ได้เข้ามายืนออเต็มร้านจนแทบเดินเบียดกันอีกด้วย
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนคิดว่าจะปิดร้านตอนห้าโมงเย็น แต่ลูกค้าก็ยังหลั่งไหลมาจนถึงกระทั่งหนึ่งทุ่ม ในระหว่างวันหลินตงซิ่วต้องนำอาหารกลางวันมาจากร้านตรอกเก่าแล้วสลับให้แต่ละคนกินทีละคน
ท้ายที่สุดเซี่ยชิงหยวนต้องปฏิเสธลูกค้าที่ยังต้องการเข้ามาดูในร้านอย่างสุภาพ ทำให้พวกเธอสามารถพักผ่อนได้เสียที
เซี่ยชิงหยวนตั้งครรภ์อยู่ และไม่มีใครขอให้เธอทักทายลูกค้า เธอแค่รับผิดชอบในการนั่งอยู่หน้าโต๊ะและเก็บเงินเท่านั้น
บังเอิญว่าเธอคุ้นเคยกับราคาของเสื้อผ้า จึงรับผิดชอบงานนี้ได้อย่างง่ายดายมาก
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของเฟิงหว่านและหลิงหลิน ดังนั้นเธอจึงพาทุกคนไปร้านอาหารด้วยกันหลังปิดร้าน
เดิมทีเฟิงหว่านและหลิงหลินต้องการปฏิเสธ แต่เซี่ยชิงหยวนยืนกราน “วันนี้พวกคุณช่วยฉันแบบนี้ และไม่ยอมรับค่าแรงแถมยังยืนกรานที่จะซื้อเสื้อผ้าด้วยเงินตัวเองอีก หากคุณสุภาพกับฉันอีกครั้ง ฉันคงไม่มีหน้าจะคุยกับพวกคุณแล้วจริง ๆ นะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หญิงสาวทั้งสองจึงไม่ปฏิเสธอีกต่อไปและเดินไปที่ร้านอาหารในถนนอาหารข้าง ๆ
หลังจากกินและดื่มแล้ว เสิ่นอี้โจวก็ขับรถมารับทุกคนและทุกคนก็ยกย่องเขาเป็นสามีที่ดี
…
เมื่อกลับถึงบ้านในตอนค่ำ เสิ่นอี้โจวก็แช่เท้าและนวดเท้าให้เซี่ยชิงหยวนอย่างระมัดระวัง ส่วนหญิงสาวนั้นกำลังนึกถึงยอดขายของวันนี้ ซึ่งมันทำให้เธอยกยิ้มได้
เสิ่นอี้โจวอดไม่ได้ที่จะถามเธอว่า “มีความสุขมากเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “แน่นอน”
เธอทำบัญชีซื้อขายและสินค้าคงคลัง มีหมายเลขติดอยู่บนบรรจุภัณฑ์ของเสื้อผ้าแต่ละสไตล์ และแบบลงทะเบียนตามหมายเลข ทั้งสี เลขรหัสต่าง ๆ ของแต่ละสี ปริมาณการซื้อ การขาย และสินค้าคงคลังล้วนมีการลงทะเบียนไว้อย่างชัดเจน
เพียงแต่วันนี้มันดึกเกินไปแล้ว และพวกเขาไม่มีเวลาตรวจนับสิ่งของ
เธอดูตัวเลขยอดขายคร่าว ๆ และประเมินมูลค่าการซื้อขายแล้ว ซึ่งถึงหลักหลายพันหยวนทีเดียว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมื่อชาติก่อนมีหลายคนพูดว่าเสื้อผ้าในยุคนี้เป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรมหาศาล
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ขอแสดงความยินดีด้วย ผมขออวยพรให้คุณกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในมณฑลอวิ๋นเร็ว ๆ นี้นะเพื่อที่ผมจะได้เกษียณเร็วขึ้น”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่าเลย ฉันยังคงต้องการให้คุณช่วยหนุนหลังฉันต่อไปอีกนานนะ”
ยกตัวอย่างเช่นทุกคนครั้งที่เธอเปิดร้าน เหนือสิ่งอื่นใดไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธอและใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ได้รับอย่างรวดเร็ว ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดถึงอิทธิพลจากหน้าที่การงานของเสิ่นอี้โจว
เซี่ยชิงหยวนขี้เล่นมากขึ้นเรื่อย ๆ จับแก้มของเขาแล้วพูดว่า “คุณแค่ไปทำงานของคุณเรื่อย ๆ ก็พอและรอจนกว่าฉันจะหาเงินได้มาก ๆ หลังจากนั้นไม่ว่าคุณต้องการอะไรฉันจะหาให้ทั้งหมดเลย”
หลังจากพูดอย่างนั้นเธอก็ตบไหล่ของเขา “เข้าใจไหมจ๊ะสามี?”
เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นมองเธอ คิ้วของเขาลึกขึ้น “คุณพึ่งตั้งท้องเองนะ คุณคิดว่าผมไม่กล้าแตะต้องคุณจริง ๆ เหรอ?”