บทที่ 378 ช่วงเวลาสงบสุข
บทที่ 378 ช่วงเวลาสงบสุข
เป็นเวลาสามทุ่มกว่า ๆ แล้วที่ทั้งสองออกจากบ้าน
แต่ในเวลานี้แทบไม่มีใครอยู่บนถนน
มีเพียงไฟถนนสลัว ๆ คนเดินถนนไม่กี่คนระหว่างทาง และแผงขายของที่กระจัดกระจาย ซึ่งยังคงยืนกรานจะขายของ
เสิ่นอี้โจวจอดรถที่ทางเข้าศูนย์อาหารและพาเซี่ยชิงหยวนลงจากรถ
เขาดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าที่เธอใส่ พันผ้าพันคอรอบ ๆ เธอให้มั่นใจและในที่สุดก็จับมือเธอซุกเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ตของตัวเอง
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ “นี่เพิ่งไม่กี่เดือนเอง ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้นซะหน่อย”
เสิ่นอี้โจวกอดเธอแน่นขึ้นทันทีที่ได้ยิน “ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็จะกังวลเกี่ยวกับคุณเสมอแหละ ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะมีความคิดเลยเถิดไปไกลอีกก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอับอายและพูดด้วยความโกรธ “ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่”
หลังจากพูดอย่างนั้นเธอก็สังเกตเห็นชายชราคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ชายชราคนนั้นเข็นรถเข็นไปที่ประตูโรงเตี๊ยม
ในรถเข็นนั้นมีเตาซึ่งมีมันเทศกำลังถูกย่างหลายลูก กลิ่นหอมหวานและกลิ่นไหม้ของมันเทศก็โชยมาตลอดเวลา
เซี่ยชิงหยวนพูดอย่างมีความสุข “ข้างหน้านั่น!”
ขณะที่พูดเธอก็อยากจะวิ่งไปทันที
แน่นอนว่าเสิ่นอี้โจวรีบคว้าเธอไว้อย่างรวดเร็ว “ระวังสิ มันเทศไม่หนีไปไหนหรอก”
แม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ แต่ก็ยังคงเร่งฝีเท้าของเขาเองตามเช่นกัน
เมื่อเห็นคนทั้งสองเดินเข้ามา ชายชราก็ถามด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณอยากซื้อมันเทศไหม? ฉันปลูกมันเทศพวกนี้เองเลยนะ มันหวานมากด้วย”
มันเทศที่ชายชราขายมีขนาดยาวเท่าฝ่ามือ
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เสิ่นอี้โจว “คุณอยากกินด้วยไหม?”
เสิ่นอี้โจวยิ้มและส่ายหัว “ผมมองคุณกินอย่างเดียวก็พอ”
ชายชราฉีกกระดาษแผ่นเก่าออกจากด้านข้าง ใช้มันห่อมันเทศแล้วส่งให้เซี่ยชิงหยวน “มันร้อนมากนะ ระวังด้วยแม่หนู”
เซี่ยชิงหยวนรับมัน “ขอบคุณค่ะ”
เสิ่นอี้โจวหยิบเงินสองหยวนออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วยื่นให้ชายชรา “อากาศหนาว คุณลุงกลับบ้านเร็วหน่อยเถอะครับ”
ชายชรารีบโบกมือ “อย่าให้เงินฉันมากขนาดนี้เลย”
ทุกวันนี้อาหารที่ราคาถูกที่สุดในเมืองคือมันเทศ
ครอบครัวไหนที่ยากจนมากจะต้มมันเทศในหม้อขนาดใหญ่ ใช้เป็นอาหารที่กินกันทั้งครอบครัว
นอกจากนี้ยังมีการเอาแปรรูปเป็นมันเทศแห้ง แป้งมันเทศหยาบ และอาหารอีกมากมายที่ทำจากมันเทศ ตามแต่ละบ้านรู้จักวิธีที่จะเก็บรักษามันไว้
แต่แน่นอนว่ายังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีปัญญา แม้แต่จะซื้อมันเทศกินได้
ทว่าเมื่อสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้นเรื่อย ๆ หลาย ๆ คนกลับไม่เต็มใจที่อยากจะกินมันเทศอีกครั้ง หรือไม่ก็นึกรังเกียจมันเทศไปเลย
ชายชราขายมันเทศย่าง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กหรือวัยรุ่นที่ต้องการลองอะไรใหม่ ๆ แต่ธุรกิจก็ไม่ค่อยดีนัก
เสิ่นอี้โจวยัดเงินใส่มือของชายชราแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณลุงรับมันไปเถอะครับ”
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็ประคองเซี่ยชิงหยวน พลางพยักหน้าให้ชายชราแล้วจากไป
ชายชราอดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตาขณะที่มองดูทั้งสองคนจากไป
พวกเขาเป็นคนดีเสียจริง!
เซี่ยชิงหยวนอยากจะกินมันเทศไว แทบรอไม่ไหวที่จะไปถึงรถก่อนแล้วค่อยกินมัน เธอจึงนั่งบนเก้าอี้ด้านนอกโรงเตี๊ยมและเริ่มกิน
เธอค่อย ๆ แกะเปลือกของมันออก และอดใจไม่ได้ที่จะกัด แต่มันร้อนมากจนกลืนไม่ได้เลยเนี่ยสิ
เสิ่นอี้โจวตกใจมาก เขาวางมือใต้ริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “คายออกมาเร็ว ๆ”
เซี่ยชิงหยวนเอียงศีรษะอย่างไม่เต็มใจที่จะคายออกมา เธอเป่าปากสองสามครั้งและก็รู้สึกว่ามันไม่ร้อนมากอีกต่อไปแล้ว
เธอกลืนมันทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้แล้ว”
มีขี้เถ้าจากเปลือกมันเทศติดอยู่ที่มุมปากของภรรยา เสิ่นอี้โจวยิ้มและเช็ดให้ด้วยความอ่อนโยน
ในขณะนี้หลายคนเดินออกจากประตูโรงเตี๊ยม พวกเขาบางคนเมาและพูดเสียงดัง
เสียงพูดดังนี้ทำให้เซี่ยชิงหยวนมองย้อนกลับไป
เธอพบว่าผู้นำกลุ่มคนที่เดินออกมาคือฉีจิ่นจือ ซึ่งเธอเพิ่งพบเขาเมื่อค่ำนี้เอง
ดูเหมือนว่าฉีจิ่นจือน่าจะเพิ่งดื่มมาเพราะที่แก้มของเขามีรอยแดงจาง ๆ ดวงตาดอกท้อของเขาเต็มไปด้วยน้ำและเป็นประกาย แม้แต่ริมฝีปากของเขาก็แดง
ในขณะเดียวกันฉีจิ่นจือก็เห็นเซี่ยชิงหยวนเช่นกัน
เขายืนนิ่งและยิ้มให้เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจว “ช่างบังเอิญจริง ๆ”
เขายิ้มอย่างสดใสราวกับสุนัขจิ้งจอกตัวผู้
เซี่ยชิงหยวนหันไปมองเสิ่นอี้โจวโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นเธอก็จำสิ่งที่เสิ่นอี้โจวอธิบายให้เธอฟังได้
จากนั้นเธอก็ยิ้มและตอบกลับ “ใช่ ช่างบังเอิญจริง ๆ”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่”
ฉีจิ่นจือพูดกับกลุ่มคนที่อยู่กับเขา “พวกนายกลับไปก่อน”
คนที่เหลือจากไปพร้อมกับไชโย
ฉีจิ่นจือนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ และมองดูมันเทศในมือของเซี่ยชิงหยวน “คุณหิวเหรอ?”
ในขณะที่พูด เขาก็มองไปที่เสิ่นอี้โจวด้วย
เสิ่นอี้โจวลูบหัวเซี่ยชิงหยวน “ตอนมื้อค่ำเธอไม่ค่อยได้กินน่ะ ผมเลยพาเธอออกมากินอะไรหน่อย”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนและยื่นมันเทศอีกอันให้ฉีจิ่นจือ “คุณอยากกินมันเทศไหม?”
ฉีจิ่นจือพูดพร้อมกับยิ้มตอบ “ขอบคุณ”
หลังจากพูดอย่างนั้น ภายใต้สายตาที่ไม่เต็มใจของเซี่ยชิงหยวน เขาก็หยิบมันเทศมากิน
จริง ๆ แล้วเมื่อช่วงเย็นเขากินข้าวอิ่มแล้วและดื่มเหล้าไปอีก ดังนั้นท้องของเขาจึงไม่สามารถเก็บอะไรได้อีกแล้ว
แต่เมื่อมองดูดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยประกายของเซี่ยชิงหยวน เขาก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ
เซี่ยชิงหยวน “…”
เขาไม่เคยเล่นตามกฎอยู่แล้ว และกระทั่งแย่งกินมันเทศจากหญิงตั้งครรภ์ด้วย!
เธออยากจะร้องไห้จริงๆ
เสิ่นอี้โจวเห็นความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นของภรรยาและลูบศีรษะด้านหลังเธอเบา ๆ เป็นการปลอบที่บ่งบอกว่าเดี๋ยวเขาซื้อเพิ่มให้เธอทีหลัง
ฉีจิ่นจือถือมันเทศไว้ในมือ ฉีกเปลือกมันเทศตรงหน้าเธอ จากนั้นจึงกัดเข้าไป
เซี่ยชิงหยวนจ้องมองอีกฝ่าย จากนั้นก้มศีรษะลงและกินมันเทศในมือของตัวเองต่อ
ฉีจิ่นจือหยุดหยอกล้อเธอ แล้วถามเสิ่นอี้โจว “กี่เดือนแล้วนะ?”
เสิ่นอี้โจวตอบว่า “เลยหนึ่งเดือนมาหลายวันแล้ว”
ฉีจิ่นจือพยักหน้า
“ฤดูร้อนหน้าคงจะได้เห็นเด็กแล้ว”
เมื่อพูดถึงเด็ก เสิ่นอี้โจวมีรอยยิ้มในดวงตาของเขา “ใช่ แต่มันจะลำบากนิดหน่อยในช่วงที่เธอต้องอยู่ไฟ”
ผู้หญิงจีนไม่สามารถสระผมได้ในช่วงอยู่ไฟและพวกเธอไม่สามารถออกไปโดนลมได้อีกต่างหาก ดังนั้นจึงเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างยากไม่น้อย
ฉีจิ่นจือพูดเห็นด้วย “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนและรอจนกว่าเธอจะออกจากการอยู่ไฟนั่นแหละ”
เซี่ยชิงหยวนกำลังกินมันเทศ ฟังการสนทนาระหว่างชายทั้งสอง และความรู้สึกแปลก ๆ ในใจของเธอก็กลับมาอีกครั้ง
หญิงสาวมองที่เสิ่นอี้โจวแล้วหันไปมองฉีจิ่นจือ เธอรู้สึกว่าดวงตาของพวกเขาดูปราศจากอารมณ์เชิงชู้ชาย พวกเขาไม่มีความคิดอื่นเลย
ดูเหมือนว่าเธอจะคิดมากไปเองจริง ๆ และพวกเขาสองคนอาจจะแค่คุยกันเฉย ๆ
จากนี้ไปเธอจะไม่เป็นศัตรูกับฉีจิ่นจืออีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นพ่อทูนหัวลูกของเธอเช่นกัน
บนถนนในฤดูหนาวมีคนสามคนนั่งอยู่ข้างโรงเตี๊ยมที่ยังเปิดอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกินมันเทศในมืออย่างจริงจังและผู้ชายสองคนก็พูดคุยด้วยเสียงเบา
ลมหนาวพัดมาในทิศทางของทางแยกเป็นครั้งคราว และชายทั้งสองก็จะยืดร่างกายของตนขึ้นก่อนใช้ไหล่ปกป้องหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกลางจากลม
ช่วงเวลานี้ทุกอย่างสงบสุขจริง ๆ