กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามีบทที่ 372 เซี่ยชิงหยวนอาเจียน

บทที่ 372 เซี่ยชิงหยวนอาเจียน

บทที่ 372 เซี่ยชิงหยวนอาเจียน

บทที่ 372 เซี่ยชิงหยวนอาเจียน

เซี่ยจื่ออี้แสดงสีหน้าตื่นตระหนก ซึ่งไม่ค่อยมีให้เห็นนักออกมา “พ่อคะ”

เซี่ยเจิ้งเดินไปยังห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลงตรงกลางโซฟา จากนั้นจึงส่งสายตาเพื่อบอกให้คนที่เหลือนั่งลง

เซี่ยเจิ้งกอดอกพลางกวาดสายตามองคนห้อง ที่บริเวณหว่างคิ้วแสดงให้เห็นถึงความกังวลอย่างยิ่ง

ในที่สุดดวงตาของเขาก็จับจ้องไปยังร่างของเซี่ยจื่ออี้ แต่คำพูดของเขามุ่งตรงไปที่เหยาเป่ยเซิง “พูดมาเถอะ ให้ฉันได้ฟังเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นของเธอหน่อย”

ด้วยสายตาที่จ้องมองมาของเซี่ยเจิ้ง ทำให้เหยาเป่ยเซิงเล่าเรื่องในตอนนั้นออกมาอย่างตะกุกตะกัก

หลังจากเล่าจนจบ ก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมา

เซี่ยเจิ้งขมวดคิ้วแน่น เซี่ยจื่ออี้ใบหน้าซีดเผือด เหยาเป่ยเซิงรู้สึกกระวนกระวายใจ ส่วนเฉินหลี่และฉินซูอวี้แสดงท่าทีเป็นเอกฉันท์ที่หาได้ยากด้วยการทำราวกับว่ากำลังชมละครสนุก ๆ

สีหน้าของเซี่ยเจิ้งไร้อารมณ์ ไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเสียใจหรือยินดี

เขาเล่นการเมืองมานานหลายปี ทำไมจะไม่เข้าใจ?

คำพูดของเหยาเป่ยเซิง เมื่อรวมกับสิ่งที่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับคำกล่าวโทษของฉินซูอวี้และข้อแก้ต่างของเซี่ยจื่ออี้ รวมถึงความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เขาย่อมเข้าใจทุกอย่าง

เขากุมศีรษะลงบนฝ่ามือ หายใจเข้าลึก ก่อนหายใจออก “ฉันเข้าใจแล้ว”

เขาพูดกับเฉินหลี่ว่า “เป็นผมเองที่ไม่ได้สอนลูกสาวให้ดี ทำให้พวกคุณต้องลำบาก”

เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งคำนับให้เฉินหลี่เพื่อแสดงคำขอโทษ

แล้วมองไปยังเหยาเป่ยเซิงอีกครั้ง “ฉันแก่แล้ว พวกเธอเองก็โตแล้ว จัดการแก้ไขปัญหานี้กันเองเถอะ”

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่แม้แต่จะมองเซี่ยจื่ออี้ ก่อนจะหันหลังและเดินขึ้นชั้นบนไป

ก้าวเดินของเขาสะดุด แผ่นหลังโค้งราวกับว่าเขาสูญเสียพลังงานไปกะทันหันและกำลังจะทรุดลงที่ขั้นบันไดต่อไป

เซี่ยจื่ออี้ตะโกนไล่หลัง “พ่อคะ!”

เซี่ยเจิ้งหยุดฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงไปข้างหน้าต่อ

ทว่าสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น หลังจากขึ้นบันไดต่อไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ร่างของเขาก็ทรุดตัวลง แล้วกลิ้งลงมาจากบันได

เซี่ยจื่ออี้ตะโกนทันที “พ่อ!!”

หลังเล่าจบ หลิงหลินก็จิบน้ำแล้วถอนหายใจ “ไม่คิดเลยว่าลุงเซี่ยที่มีเส้นทางการเมืองที่สงบและชัดเจนมาตลอดชีวิต กลับเลี้ยงเซี่ยจื่ออี้ให้ออกมาเป็นคนใจร้ายใจดำแบบนั้นได้”

หญิงสาวลดเสียงลง “ฉันไม่ชอบเธอมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เธอเสแสร้งแกล้งทำเก่งมาก ทั้งยังขี้แย ดูแล้วน่าหงุดหงิด มีเพียงฉินซูอวี้เท่านั้นแหละที่เป็นคนโง่คอยปกป้องเซี่ยจื่ออี้ทุกครั้ง ซึ่งในตอนนี้เธอก็ตกที่นั่งลำบากแล้ว”

เธอมองไปยังท่าทีที่ไม่ได้ดูแปลกใจของเซี่ยชิงหยวน แล้วพูดว่า “พี่ไม่แปลกใจเลยเหรอ?”

ได้ยินดังนั้น เซี่ยชิงหยวนจึงยกยิ้ม “มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเองไม่ใช่เหรอก่อนที่เซี่ยจื่ออี้กับฉินซูอวี้จะมาถึงวันนี้?”

มีคำพูดของคนรุ่นหลังว่าไม่กลัวคู่แข่งที่เป็นเทพ กลัวก็แต่มีเพื่อนร่วมกลุ่มเป็นตัวถ่วง

แม้ว่าเซี่ยจื่ออี้จะฉลาด แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมฉินซูอวี้และเหยาเป่ยเซิงจากการกระทำที่โง่เขลาได้

ไม่ช่วยอะไร แถมยังเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

เซี่ยชิงหยวนรวบผมที่ปรกอยู่แถวข้างขมับขึ้น พลางเอ่ย “ตอนนี้คุณเซี่ยเป็นยังไงบ้างเหรอ?”

หลิงหลินกล่าวว่า “เขายังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยค่ะ หมอบอกว่าเป็นเพราะถูกกระตุ้น จึงต้องใช้เวลาพักฟื้นระยะหนึ่ง ตอนที่พวกเราไปที่นั่นก็เห็นเซี่ยจื่ออี้เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเพราะลุงเซี่ยไม่อยากเจอเธอหรือเพราะอะไร”

อาจกล่าวได้ว่าเซี่ยเจิ้งเฝ้าดูเด็ก ๆ พวกนี้เติบโตขึ้นมาทั้งชีวิต เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นกับเซี่ยเจิ้ง เธอและหลิงเยี่ยจึงติดตามผู้อาวุโสในครอบครัวเพื่อไปเยี่ยมเขา

เซี่ยเจิ้งผิดหวังระคนเจ็บปวด และต้องปล่อยมันไป ครั้งนี้ชื่อเสียงของเซี่ยจื่ออี้ถือว่าฉาวโฉ่วโดยสิ้นเชิง

“พี่เพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากอี้โจวเลย” เซี่ยชิงหยวนหยิบขนมขึ้นมากัดคำหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกว่ารสชาติหวานของขนมนั้นทำให้เธอคลื่นไส้ขึ้นมานิดหน่อย

หญิงสาวขมวดคิ้วและจิบชาอย่างรวดเร็ว แล้วบังคับตัวเองให้กลืนขนมคำเล็ก ๆ นี้ลงไป

เธอหันหน้าไปถามป้าอู๋ว่า “ป้าอู๋ค่ะ ขนมเปี๊ยะกรอบปุยเมฆที่เรากินประจำนี่เปลี่ยนคนทำหรือเปล่าคะ?”

ป้าอู๋ออกมาจากครัวแล้วตอบว่า “ไม่น่าจะเปลี่ยนนะคะ ตอนที่ฉันไปที่ร้านเมื่อเช้านี้ยังคุยกับคนที่ร้านอยู่เลย”

ป้าอู๋มองเซี่ยชิงหยวนด้วยความงุนงง “คุณนายคิดว่ารสชาติมีอะไรผิดแปลกไปเหรอคะ?”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า ก่อนจะส่ายหัว “อาจจะเพราะว่าไม่ได้กินมานานแล้วน่ะค่ะ”

เธอยิ้ม “ไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณค่ะป้าอู๋”

ทุกคนไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ จนกระทั่งเซี่ยชิงหยวนบอกว่าร้านค้ายังขาดผู้ช่วย หลิงหลินพลันพูดขึ้นด้วยความเขินอาย “ฉันรู้จักคนคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะตรงกับความต้องการของพี่หรือเปล่าน่ะสิ”

เซี่ยชิงหยวนมองเธอพลางส่งสัญญาณให้พูดต่อ

หลิงหลินกล่าวว่า “คนที่ฉันพูดถึงเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นของฉันค่ะ บ้านเกิดอยู่ที่เมืองใกล้เคียงนี่เอง เดิมทีสองสามีภรรยาก็ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน มีลูกชายคนหนึ่ง แต่แล้วก็พลาดพลั้งตั้งท้องลูกอีกคน ทำให้พวกเขามีเงินไม่พอใช้ จึงลาออกจากงาน แล้วมาหาทำกินที่มณฑลอวิ๋นอยู่”

เธอหยุดพูดครู่หนึ่ง “เธอเคยทำงานในบริษัทมาก่อน เป็นคนงานที่มีทักษะ ไม่ใช่คนชั่วร้ายขี้ขโมยหรือปัดความรับผิดชอบเลยค่ะ อีกทั้งยังคล่องแคล่วว่องไวด้วย

ถ้าเป็นพนักงานในร้านเสื้อผ้า ฉันก็คิดว่าไม่มีใครเหมาะไปกว่านี้แล้ว”

เซี่ยชิงหยวนรู้ดีว่าหลิงหลินไม่ใช่คนที่จะเอ่ยชมใครเสียเท่าไหร่นัก หากคนคนนั้นได้รับคำชมเชยจากเธอก็คงเป็นคนดีทีเดียว

หญิงสาวไม่อ้อมค้อม “อย่างที่เธอรู้ พี่เพิ่งเปิดร้านนี้ และไม่รู้ว่าในอนาคตธุรกิจจะเป็นยังไง สำหรับตอนนี้จะได้รับค่าจ้างเจ็ดสิบหยวนต่อเดือน ทำงานเฉพาะกะกลางวันเท่านั้น และมีอาหารกลางวันให้ ในอนาคตพอธุรกิจเริ่มมั่นคงก็จะแบ่งค่าฝากขายให้ตามจำนวนที่ขายได้ ถ้าเธอตกลงก็ให้หล่อนมาพบพี่ในอีกสองวันข้างหน้านะ”

เมื่อหลิงหลินได้ยิน เธอก็รีบยกยิ้มพร้อมเอ่ย “ได้ค่ะ ฉันกลับไปแล้วจะบอกเธอให้ เธอต้องตกลงแน่นอนค่ะ”

ทุกวันนี้ การได้รับเงินเดือนเจ็ดสิบหยวนต่อเดือน แล้วยังมีอาหารกลางวันให้ในมณฑลอวิ๋นแห่งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจหาได้แม้จะจุดตะเกียงหาก็ตาม

ต้องทราบก่อนว่าแม้แต่รัฐวิสาหกิจหลายแห่งก็ยังไม่ได้รับเงินเดือนสูงขนาดนี้เลย

เซี่ยชิงหยวนขยิบตาให้อาเซียงอีกครั้งพร้อมยิ้มให้

อาเซียงรู้ว่าเซี่ยชิงหยวนกำลังปลอบโยนเธอ

เซี่ยชิงหยวนบอกเธอว่าเมื่อร้านเปิด เธอจะได้รับเงินเดือนเก้าสิบหยวนต่อเดือน

จริง ๆ แล้ว แม้ว่าเธอจะได้รับค่าตอบแทนน้อยกว่าคนใหม่ เธอก็ยังยินดีที่จะทำ

อย่างที่พ่อของเธอพูดไว้ เซี่ยชิงหยวนดีต่อครอบครัวของพวกเธอมาก ทั้งยังพยายามฝึกฝนให้ตัวเธออย่างเต็มที่ แม้จะต้องทำงานให้หญิงสาวไปตลอดชีวิต เธอก็เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น

ในท้ายสุด หลังจากส่งหลิงหลินแล้ว เซี่ยชิงหยวนก็เอนหลังบนโซฟาอย่างอ่อนเพลียอีกครั้ง

ป้าอู๋เหลือบมองเซี่ยชิงหยวน ก่อนดวงตาจะพลันมองไปยังหน้าท้องที่แบนราบของเจ้านาย เธอเปิดปากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

บางทีคุณนายอาจจะเหนื่อยจากการออกนอกบ้านครั้งนี้ก็ได้

อาเซียงบอกเธอเมื่อเช้านี้ว่าพวกเขาตะลอนไปมาหลายที่ พบปะผู้คนมากมาย ทั้งยังต้องรบรากับคนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเหลือจะทน

….

บ่ายวันรุ่งขึ้น หลิงหลินพาใครบางคนมาตามที่สัญญาไว้

นอกจากหญิงสาวสองคนที่หลิงหลินช่วยนัดหมายมาให้แล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณนายกวนซึ่งค่อนข้างจะสนิทกับเฟิงหว่าน และคุณนายหยวนก็มาด้วย

เซี่ยชิงหยวนทักทายพวกเธอด้วยไมตรี และหลังจากที่อาเซียงฝึกฝนอยู่ในห้องมาทั้งวัน ก็มั่นใจพอที่จะมาพูดคุยด้วยหลายประโยคแล้ว

ถัดจากผู้ใหญ่ไปก็มีเด็กสองคนที่ยังไม่ถึงวัยเข้าเรียนชั้นอนุบาล

ป้าอู๋นำของเล่นมาให้เด็ก ๆ และนั่งอยู่บนผ้าห่มผืนหนาเพื่อเล่นกับพวกเขา

คุณนายหยวนมองดูเด็กน้อยทั้งสองแล้วอดหัวเราะไม่ได้ “น่าเสียดายที่คนในบ้านของฉันยังเรียนหนังสืออยู่ ไม่อย่างนั้นฉันคงจะได้รีบอุ้มหลานแล้วนะเนี่ย”

ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็หัวเราะออกมา

หลังจากเสียงหัวเราะผ่านพ้นไป บทสนทนาก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นหัวข้ออื่นอย่างรวดเร็ว

ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนต่างจำเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ได้อยู่

ด้วยการปกป้องอย่างไม่ได้ตั้งใจนี้ ทำให้เซี่ยชิงหยวนรู้สึกอบอุ่นไม่น้อย

เธอหยิบเกี๊ยวกุ้งนึ่งสีใสขึ้นมาตรงหน้าแล้วนำเข้าปาก ทว่าทันทีที่กัดเข้าไป รสชาติสดหวานของกุ้งและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารทะเลพลันตีขึ้นเข้าในปากเธออย่างจัง

เซี่ยชิงหยวนไม่ยอมอดกลั้นในครั้งนี้ เธออาเจียนออกมาเสียงดัง “แหวะ~”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Score 10
Status: Completed
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี ...ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! เรื่องย่อ หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

Options

not work with dark mode
Reset