บทที่ 370 พลาดเรื่องสนุก ๆ แล้ว
บทที่ 370 พลาดเรื่องสนุก ๆ แล้ว
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของอาเซียงนัก
เธอเอนหลังอย่างเกียจคร้านกับเบาะรองนั่งด้านหลังพลางพยักหน้า “เธอคิดเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้วก็ดี”
คำตอบของเซี่ยชิงหยวนทำให้อาเซียงประหลาดใจเล็กน้อย “พี่เซี่ย พี่ไม่คัดค้านเหรอ?”
“ไม่สิ” หญิงสาวแสดงปฏิกิริยาออกมา “พี่รู้อยู่แล้วเหรอคะ?”
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “ก็พอเดาได้”
อาเซียงพลันเบิกตากว้าง “ถ้าอย่างนั้น นี่ก็เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้าพี่พูดถึงพี่เฮ่อให้ฉันฟังเหรอ?”
บอกว่าเฮ่ออวี้เฟิงอายุค่อนข้างมากแล้ว จะเหมาะสมหรือเปล่า อะไรทำนองนั้น
อาเซียงรู้สึกได้เพียงลมร้อนพุ่งมาที่ลำคอของเธอ
ความลับที่เธอคิดว่าซ่อนไว้อย่างดีนั้น แท้จริงกลับถูกเซี่ยชิงหยวนค้นพบเข้านานแล้ว
หลังจากความประหลาดใจและความอายผ่านไป อาเซียงก็รู้สึกขอบคุณเซี่ยชิงหยวนที่ระมัดระวังในการรักษาความรักที่เพิ่งเริ่มแตกหน่อของตน
เธอมองเซี่ยชิงหยวนอย่างเขิน ๆ “พี่เซี่ยคะ พี่จะสนับสนุนฉันใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มพร้อมพยักหน้า แล้วจับมือของเธอไว้ “ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง ตราบใดที่ไม่ใช่การสังหารคนหรือจุดไฟเผา ฉันจะสนับสนุนเธอทุกอย่าง”
ได้ยินดังนั้นนั้น อาเซียงจึงยิ้มแก้มปริ
เธอโผกอดเซี่ยชิงหยวน “ขอบคุณค่ะพี่เซี่ย!”
เซี่ยชิงหยวนลูบหลังเธอ แล้วพูดว่า “เรื่องบางเรื่อง ให้คนอื่นมาพูดก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เธอต้องลองด้วยตัวเองจึงจะรู้ เรื่องของความรู้สึกก็เหมือนกับคนที่ดื่มน้ำเย็นร้อนรู้เอง*[1] แค่มีความสุขก็เพียงพอแล้ว”
หญิงสาวยังเคยได้ยินคำพูดที่ว่าไม่ชนกำแพง ไม่ยอมหันกลับ
แสงจันทร์นวลผ่อง แม้จะตายเพื่อตัวมันเอง แต่ก็จะประทับอยู่ในใจของคนคนนั้นตลอดไป
เพียงแต่เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ตั้งใจจะพูดคำเหล่านี้กับอาเซียงอีก
เพราะไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยอาเซียง แต่ยังทำให้เธอพะวงกับผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองด้วย
อาเซียงเป็นเหมือนเด็กสาวที่เพิ่งเริ่มมีความรัก นัยน์ตาของเธอเปี่ยมด้วยความสุขในขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างที่ภาพนั้นถอยห่างไปเรื่อย ๆ และเต็มไปด้วยความปรารถนาสำหรับอนาคต
เซี่ยชิงหยวนพลันหาวขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อย
หญิงสาวโอบกอดอาเซียงไว้แน่นในอ้อมแขน ก่อนจะหลับตาลง แล้วผล็อยหลับไป
….
เมื่อทั้งสองมาถึงมณฑลอวิ๋น เสิ่นอี้โจวพร้อมคนขับไปก็มารอรับพวกเธอแล้ว
หลังจากที่ไม่ได้พบกันมาหนึ่งเดือน อาเซียงจึงขวยเขินขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นเสิ่นอี้โจว
หญิงสาวซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเซี่ยชิงหยวน และตะโกนออกมาอย่างอาย ๆ ว่า “พี่เขย”
เสิ่นอี้โจวยกยิ้ม “พี่เซี่ยของเธอจัดเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว รอให้เธอมาอยู่ตลอดเลย”
เซี่ยชิงหยวนได้พูดคุยกับอาเซียงไว้ก่อนแล้วในการกลับมาเมืองกว่างโจวในครั้งนี้ โดยตอนนี้ให้เธออาศัยอยู่ที่มณฑลอวิ๋น รอให้เปิดร้านเสื้อผ้าเพื่อขายเสื้อผ้าพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อน พอใกล้สิ้นปีแล้วจึงกลับไปยังเตียนเฉิง
อาเซียงสางผมของตัวด้วยความเขินอาย “ขอบคุณค่ะพี่เซี่ย ขอบคุณค่ะพี่เขย”
เสิ่นอี้โจวมองไปยังเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง รู้สึกว่าแก้มของเธอตอบลงเล็กน้อย
เขาจับมือภรรยาไว้ “หลายวันนี้มานี้ลำบากทีเดียวใช่ไหม? ผอมไปหมดแล้วเนี่ย”
เซี่ยชิงหยวนหาวออกมาหนึ่งครั้ง “คงเพราะนอนไม่หลับมั้ง”
เห็นได้ชัดว่านอนหลับสบาย ทั้งยังนอนตอนอยู่บนรถไฟทั้งขาไปและกลับ
เสิ่นอี้โจวโอบหญิงสาวเข้ามา “ถ้าอย่างนั้นเรารีบกลับไปอาบน้ำกินข้าว แล้วพักผ่อนเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนขยับไปใกล้เขามากขึ้น และตอบด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ”
ขณะที่รถขับเข้าไปในละแวกบ้าน อาเซียงซึ่งนั่งอยู่ในรถพลันเบิกตากว้างเมื่อเห็นบ้านเรือน รวมถึงทหารที่น่าเกรงขามซึ่งยืนเฝ้าอยู่
เธอหันศีรษะกลับมาในรถแล้วพูดว่า “พี่เซี่ย สถานที่แห่งนี้ยิ่งใหญ่กว่าชุมชนที่เตียนเฉิงมากเลยค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่แล้ว ผู้นำระดับสูงทั้งหมดของมณฑลอวิ๋นอาศัยอยู่ที่นี่น่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น อาเซียงก็อ้าปากกว้างจนแทบจะยัดไข่เป็ดเข้าไปได้
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เซี่ยชิงหยวนหาวอีกครั้ง พลางลูบหลังมือของหญิงสาว “ไม่ต้องกลัว ตอนอยู่ที่เตียนเฉิงทำยังไง อยู่ที่นี่ก็ทำแบบนั้นแหละ”
เมื่อเปรียบเทียบกับเตียนเฉิงแล้ว เซี่ยชิงหยวนได้ทุ่มเทกำลังกายและสติปัญญาในชุมชนแห่งนี้ไปมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในอนาคตเธอจะอยู่ที่นี่นานกว่า
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เสิ่นอี้หลินดีใจมากที่ได้เห็นอาเซียงมาด้วย ปากของเขาเอาแต่เรียก “พี่อาเซียง พี่อาเซียง”
อาเซียงเหลือบมองไปรอบ ๆ บ้านของครอบครัวที่ร่ำรวยในแบบที่สามารถเห็นได้ทางโทรทัศน์เท่านั้น ก่อนเอ่ยอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ อีกครั้งว่า “พี่เซี่ย ให้ฉันไปพักที่ร้านค้าดีกว่าค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “พี่ไม่รู้ว่าที่ร้านตกแต่งเรียบร้อยแล้วหรือยังน่ะสิ เธออยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถอะนะ หลังปีใหม่ค่อยคุยกันอีกที”
เซี่ยชิงหยวนอธิบายบางสั้น ๆ แล้วจึงขึ้นไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำ
เดิมทีเธอแค่อยากอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวข้างล่าง แต่ไม่รู้ว่าเพราะในอ่างอาบน้ำสบายเกินไปหรือเธอเหนื่อยเกินไปกันแน่ ในตอนที่แช่น้ำอยู่นั้นจึงเผลอหลับไปจริง ๆ
และเป็นเสิ่นอี้โจวที่เห็นว่านานแล้วแต่เธอยังไม่ลงมา เขาจึงขึ้นไปชั้นบนพลางเรียกหาเธอ ก่อนจะพบว่าภรรยาเผลอหลับไปในอ่างอาบน้ำ
เขาเอื้อมมือลงไปตรวจดูอุณหภูมิร่างกายของหญิงสาว เมื่อพบว่ายังอุ่นอยู่จึงเบาใจ
เซี่ยชิงหยวนลืมตาขึ้นแล้วพูดพึมพำ “ฉันเผลอหลับไปเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “อืม รีบลุกขึ้นมาเถอะ ไม่อย่างนั้นจะป่วยเอานะ”
หลังเอ่ยจบ เสิ่นอี้โจวก็เปิดฝักบัวเพื่อล้างฟองสบู่ออกจากร่างกายเซี่ยชิงหยวน จากนั้นจึงอุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว ก่อนจะวางหญิงสาวลงบนเตียงที่มีผ้าเช็ดตัววางอยู่ แล้วจึงเช็ดผมของเธอให้แห้ง
เซี่ยชิงหยวนหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง กอดเอวผอมแกร่งของเขาอย่างเกียจคร้าน พลางเอ่ยพึมพำว่า “อี้โจว คุณดีจังเลย”
เสิ่นอี้โจวยกยิ้ม “ถ้าผมไม่ปฏิบัติต่อคุณอย่างดี แล้วผมจะไปปฏิบัติกับใครกัน?”
ต่อมาเซี่ยชิงหยวนก็ลงไปกินข้าวที่ชั้นล่างและรีบกลับห้องไปนอน
หลินตงซิ่วรู้สึกกังวลเล็กน้อยหลังเห็นแบบนี้ “ชิงหยวนไม่สบายรึเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ครับ คงจะเหนื่อยน่ะ”
อาเซียงคีบอาหารเข้าปากพร้อมเอ่ยอย่างไม่เป็นคำนัก “ช่วงหลายวันมานี้ พวกเราวิ่งวุ่นไปหลายที่เลยเหนื่อยมากน่ะค่ะ”
เมื่อกลับถึงโรงแรมในตอนเย็น ขาของเธอทั้งปวดและอ่อนแรง แม้ว่าจะคุ้นเคยกับการทำงานในไร่ในสวนก็ตาม
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ลำบากพวกเธอแล้ว พรุ่งนี้ก็พักอยู่ที่บ้านก่อนเถอะ การปรับปรุงร้านจะเสร็จในวันมะรืน ค่อยไปดูตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
อาเซียงฟังสิ่งที่เขาวางแผนอย่างสบาย ๆ แล้วยกยิ้ม “ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่เขย”
….
เซี่ยชิงหยวนนอนหลับยาวก่อนจะตื่นมาตอนเก้าโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น
เธอลูบที่กลางหว่างคิ้ว รู้สึกราวกับว่าไม่เคยหลับสบายขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเสิ่นอี้โจวออกจากบ้านไปตอนไหน
เธอลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังรู้สึกขี้เกียจอยู่เล็กน้อย จึงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าด้วยน้ำเย็น และในที่สุดก็รู้สึกสดชื่นเต็มตา
เมื่อลงมาที่ชั้นล่างก็พบว่าอาเซียงกำลังเก็บผักกับป้าอู๋อยู่ที่ลานบ้าน
ในตอนนั้นเอง หลิงหลินก็มาหา
หญิงสาวยิ้มดีใจแล้วร้องเรียก “พี่ชิงหยวน!”
หลังเอ่ยเรียก เธอมองไปยังอาเซียงอีกครั้งด้วยความสงสัยใคร่รู้ พร้อมแอบสังเกต “นี่ใครเหรอคะ?”
เซี่ยชิงหยวนตอบว่า “นี่คือน้องสาวพี่จากเตียนเฉิงน่ะ ชื่ออาเซียง”
อาเซียงเอ่ยเรียกเสิ่นอี้โจวว่าพี่เขยอยู่ตลอด อีกทั้งเธอกับเสิ่นอี้โจวเองก็ปฏิบัติต่ออาเซียงในฐานะน้องสาวมานานแล้ว
เธอแนะนำหลิงหลินให้รู้จักกับอาเซียง “นี่หลิงหลิน น้องสาวของหลิงเยี่ยจ้ะ”
หลิงหลินยื่นมือไปทางอาเซียงอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะ”
อาเซียงเคยเห็นหลิงเยี่ยครั้งหนึ่งในละแวกบ้านและค่อนข้างประทับใจ ยกยิ้มให้พลางกล่าวว่า “สวัสดีค่ะ พี่ชายของคุณดูองอาจห้าวหาญมากทีเดียว”
คำพูดของอาเซียงทำให้หลิงหลินรู้สึกขบขัน เธอหัวเราะออกมาเสียงดัง “พี่ชิงหยวน น้องสาวคนนี้ของพี่น่ารักมากเลยค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนส่ายศีรษะ แล้วดึงทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน “วันนี้เธอมาถูกเวลาเลย พี่คิดอยู่พอดีว่าจะให้เธอช่วยเชิญแขกมาที่บ้านเพื่อจิบชายามบ่ายในอีกสองวันข้างหน้าหน่อยน่ะ”
ทั้งสามเดินไปยังห้องนั่งเล่นแล้วนั่งลง หลิงหลินไม่ลังเลและตอบว่า “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา เมื่อถึงเวลานั้นก็แจ้งรายชื่อกับฉันมาก็พอ”
ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วนี่มีเรื่องดีอะไรรึเปล่าคะ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและมองไปที่อาเซียง “พี่คาดว่าร้านบนถนนหลินไห่น่าจะเปิดในสัปดาห์หน้า อาเซียงจะไปช่วยพี่ที่ร้านด้วย นี่ไม่ใช่เพื่อประชาสัมพันธ์ล่วงหน้า แต่ยังเป็นการทำให้อาเซียงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาด้วยน่ะ”
หลิงหลินยิ้ม “ได้เลยค่ะ รับประกันว่างานจะลุล่วงด้วยดีแน่นอน เปิดกิจการวันไหนก็บอกฉันได้เลย แล้วฉันจะพาคนมาอุดหนุนนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “อย่างนั้นก็ขอขอบคุณเธอล่วงหน้าด้วยนะ”
หลังจากที่พูดคุยกันสักพัก หลิงหลินก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน และแสดงท่าทีซุบซิบอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “พี่ชิงหยวน หลายวันก่อนพี่ไม่อยู่ ทำให้พลาดเรื่องสนุก ๆ ไปแล้วค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนพลันเลิกคิ้วขึ้น “เรื่องสนุกอะไรเหรอ?”
*[1] คนที่ดื่มน้ำเย็นร้อนรู้เอง 如 人 饮 水, 冷 暖 自知 หมายถึง ต้องประสบพบเจอก่อน ถึงจะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นเช่นไร
————————————