บทที่ 369 ฉันอยากทำดีกับพี่เฮ่อ
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ความโศกเศร้าพลันปรากฏบนใบหน้าของคุณแม่เฮ่อ น้ำตาไหลอาบแก้มของหญิงชรา ริมฝีปากสั่นระริกเสียจนแทบจะพูดไม่เป็นคำ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนจึงเอื้อมมือไปจับมือที่สั่นเทาของเธอไว้ “คุณป้าคะ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว”
อาเซียงเองก็เอ่ยเรียกออกมาอย่างห่วงใยและอดสงสารไม่ได้ “คุณป้า”
คุณแม่เฮ่อสงบอารมณ์ลงเล็กน้อยก่อนพูดว่า “นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ในใจก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี”
หญิงชราทุบหน้าอกของตัวเองแล้วพูดต่อว่า “ต่อมาวันหนึ่ง มีคนมาหาป้าที่บ้านแล้วบอกว่าเฟิงจื่อก่อคดี ถูกจับกุมอยู่ในคุก และจะถูกยิงเป้าประหารชีวิต”
“เมื่อตาเฒ่าได้ยินแบบนั้น เขาก็ล้มพับลงไป หมอบอกว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง”
“ป้าไม่มีทางเลือกนอกจากขอให้พ่อแม่ของป้าช่วยดูแลตาเฒ่า ก่อนที่ป้าจะรวบรวมเงินแล้วไปยังเมืองหลวง”
“เมื่อไปถึงที่นั่น ป้าไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวง ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาสำนักสันติบาลเจอ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ก็ปฏิเสธไม่ให้เขาพบเขา”
“แล้วก็เป็นเสี่ยวโจวอีกนั่นแหละที่ช่วยหาที่พักให้ และพึ่งพาความกว้างขวางของเขาเพื่อพาป้าไปพบเฟิงจื่อ”
“ตอนนั้นเองป้าถึงรู้ว่าครอบครัวของเด็กผู้หญิงคนนั้น เพื่อที่จะให้น้องชายของเด็กสาวได้แต่งสะใภ้เข้าบ้าน ก็เลยให้เธอแต่งงานออกเรือน และทุกคนในบ้านไม่ต้องการให้เรียนแล้ว จึงบังคับให้ลาออกจากโรงเรียน”
“บอกว่าแต่งงานก็ฟังดูดีอยู่หรอก แต่จริง ๆ แล้วมันคือการขาย มีที่ไหนกัน เพื่อเงินสองร้อยหยวน ถึงกับยอมให้ลูกสาวตัวเองแต่งงานไปกับพ่อหม้ายที่ภรรยาตายไปแล้วตั้งสามคน”
“เฟิงจื่อเองก็โง่เขลานัก ไม่ยอมบอกพวกเรา ไม่มีเงินก็พักการเรียนไปก่อนเพื่อหาเงิน”
“ด้วยการยืมเงินจากเพื่อนร่วมชั้นมาบ้าง ในที่สุดก็รวบรวมเงินสองร้อยหยวนมาได้อย่างยากลำบาก แต่เด็กสาวคนนั้นถูกครอบครัวของเธอบีบบังคับให้แต่งงานไปแล้ว”
“เดิมทีเรื่องนี้ควรจบลงตรงนี้ แต่ใครจะรู้ว่าผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยกลับทำร้ายเธอทุกวัน ตอนท้องก็ถูกทุบตีจนแท้งไปสองครั้ง”
“แต่ถึงขนาดนั้น พ่อแม่ของเธอก็ไม่สนใจ เด็กสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาหาเฟิงจื่อ”
“แล้วใครจะไปคาดคิดว่าตอนที่เฟิงจื่อไปหาเด็กสาว เขาบังเอิญไปเจอผู้ชายคนนั้นกำลังทำร้ายเธอ ไม่พอใจก็ทุบตี เธอเป็นเด็กสาวที่น่าสงสารนัก เพิ่งคลอดลูกมาได้ไม่กี่วันเองแท้ ๆ!”
“เฟิงจื่อต่อสู้กับชายคนนั้นเพื่อปกป้องเธอ และในตอนที่เขาพลั้งมือ ชายคนนั้นก็สิ้นลมแล้ว”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คุณแม่เฮ่อก็เช็ดจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้า ก่อนกล่าวเสริมว่า “ครอบครัวของชายคนนั้นสร้างเรื่องใหญ่โตเพราะต้องการให้เฟิงจื่อใช้ชีวิตแลกชีวิต หรือไม่ก็ต้องจ่ายเงินให้พวกเขาห้าร้อยหยวน”
“ครอบครัวเรามีเงินไม่ถึงร้อยหยวนด้วยซ้ำ แล้วจะเอาห้าร้อยหยวนมาจากไหน?”
“ส่วนเด็กสาวก็มีนิสัยเฉียบขาด เธอทิ้งจดหมายไว้ว่าเป็นคนฆ่าชายคนนั้น แล้วแขวนคอตายจากไป”
“จากนั้นเสี่ยวโจวจึงช่วยใช้เส้นสายให้ ผลตัดสินออกมาว่าได้รับโทษจำคุกสี่ปี ก่อนที่เรื่องนี้จะสิ้นสุดลงในที่สุด”
คุณแม่เฮ่อปาดน้ำตาออกจากใบหน้า “ตอนที่เขาอยู่ในคุก ป้าก็ดูแลตาเฒ่าไป ร้องไห้ไป พอตาเฒ่าจากไป ป้าก็ร้องไห้หนักเสียจนตาบอด น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นว่าหน้าตาของเฟิงจื่อตอนออกจากคุกมาเป็นยังไงบ้าง”
เซี่ยชิงหยวนและอาเซียงเงียบไปนานหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ทั้งสองไม่คาดคิดว่าเฮ่ออวี้เฟิงจะมีอดีตเช่นนี้
ในตอนนั้นเอง เฮ่ออวี้เฟิงก็ออกมาจากห้องครัวพร้อมจานกับข้าว และพูดว่า “อาหารเย็นพร้อมแล้ว”
เมื่อเห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าทั้งสาม เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติฉายแวบขึ้นมา แล้วพูดว่า “แม่ของผมอยู่คนเดียวคงเบื่อ ก็เลยหาคนคุยด้วย คิดเสียว่าที่พวกคุณได้ฟังไปเป็นเรื่องตลกนะ อย่าไปจริงจังเลย”
เซี่ยชิงหยวนกระแอมตอบรับ ก่อนจะหยิกอาเซียงที่ดูยังไม่ได้สติ แล้วลุกขึ้นยืน “ฉันช่วยค่ะ”
หลังพูดจบ เธอก็ขยิบตาให้อาเซียง ส่งสัญญาณให้เอาเซียงไปดูแลคุณแม่เฮ่อในการล้างมือและกินข้าว
คุณแม่เฮ่อร้องไห้ไปไม่น้อย แต่ในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากเช่นกัน เมื่อถึงเวลากินข้าว ด้วยคำพูดของเฮ่ออวี้เฟิง ทำให้หญิงชรากินข้าวได้มากกว่าปกติครึ่งชาม
หลังอาหารเย็น อาเซียงเป็นฝ่ายเสนอตัวช่วยเฮ่ออวี้เฟิงล้างจานชามอย่างกระตือรือร้น ขณะที่เซี่ยชิงหยวนอยู่พูดคุยกับคุณแม่เฮ่อ
อาเซียงวางจานในอ่างล้างจานในห้องครัว ตั้งใจจะล้างมัน แต่เฮ่ออวี้เฟิงหยุดเธอเอาไว้
เขาเลิกคิ้วแล้วมองดูจานชามในอ่างล้างจานแล้วพูดว่า “ออกไปนั่งคุยข้างนอกเถอะครับ ไม่ต้องทำหรอก”
จากนั้นเขาก็ดึงแขนเสื้อขึ้นถึงระดับข้อศอก ตักน้ำร้อนจากหม้อมาหนึ่งกระบวย หยิบขี้เถ้าจากหญ้าหนึ่งกำมือ แล้วเริ่มล้างจาน
แม้จะพบเขามาหลายครั้ง หากแต่ในเวลาที่เฮ่ออวี้เฟิงไม่พูด อาเซียงก็ยังกลัวเขาอยู่เล็กน้อย
เธอยืนนิ่ง แล้วมองดูชามสะอาดทีละใบ ๆ ใต้ฝ่ามือใหญ่ของเขา ความคิดของเธอล่องลอยไป
เธอคิดว่าหากเขาได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้น เขาต้องเป็นสามีที่ดีมากแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อาเซียงตระหนักได้ว่าใบหน้าของเธอพลันแดงระเรื่อขึ้นตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้
เธอเอื้อมมือไปแตะก็รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าว
หญิงสาวยุ่งอยู่กับการกุมบริเวณกลางอก ก่อนจะวิ่งออกจากห้องครัวไป
เซี่ยชิงหยวนพูดคุยกับคุณแม่เฮ่อในห้อง และเธอก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ในห้องครัวด้วยบางครั้งคราว เมื่อสังเกตเห็นอาเซียงวิ่งหน้าแดงออกมา เธอลอบถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังให้ด้วยกังวลว่าอาเซียงจะอายตายเสียก่อน
อาเซียงกลับมานั่งคุยกับพวกเธอที่ห้องโถง แม้ว่าหูของหญิงสาวจะฟัง แต่ใจกลับหลุดลอยไปชัดเจน
เซี่ยชิงหยวนหยิบกระเป๋าใบหนึ่งที่เธอนำมาด้วยแล้วพูดว่า “คุณป้าคะ เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ฉันไปซื้อสินค้าเข้าร้าน ฉันได้เลือกเสื้อผ้าสองชุดสำหรับคุณป้าและพี่เฮ่อมาด้วย ถ้าพอมีเวลาว่างก็ลองใส่ดูนะคะว่าพอดีตัวรึเปล่า”
เซี่ยชิงหยวนได้ถามเกี่ยวกับรูปร่างของคุณแม่เฮ่อกับพนักงานที่ร้านของเฮ่ออวี้เฟิงไว้ก่อนแล้ว อีกทั้งเธอเองก็คุ้นเคยกับธุรกิจเสื้อผ้า ทำให้ขนาดเสื้อผ้าที่เลือกมานั้นถือว่าพอดีทีเดียว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณแม่เฮ่อจึงกล่าวขอบคุณพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนที่ออกมาส่งพวกเธอ คุณแม่เฮ่อยังคงจับมือของเซี่ยชิงหยวนเอาไว้อย่างไม่อยากปล่อย “ทั้งหนูและเสี่ยวโจวต่างเป็นคนดี ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวโจว เฟิงจื่อของป้าคงตายไปแล้ว ถ้าหนูกับอาเซียงมาครั้งหน้า ก็พักอยู่ที่บ้านนี่เถอะ มีห้องว่างอยู่ข้าง ๆ นี่ด้วย ที่นั่นไม่มีใครอยู่หรอก”
หญิงชราตบหลังมือของเซี่ยชิงหยวน “ครั้งต่อไปไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้แล้วนะ มาเถอะ ไม่งั้นป้าโกรธแน่”
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “ทราบแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณป้า”
เฮ่ออวี้เฟิงเก็บข้าวของแล้วออกมา เขาเตรียมสามล้อแล้วพูดกับเซี่ยชิงหยวนและอาเซียงว่า “ผมไปส่งพวกคุณกลับโรงแรมให้นะ”
เขายังอธิบายให้แม่ของเขาฟังด้วยว่า “แม่ครับ หลังจากที่ผมไปส่งพวกเธอแล้วผมจะกลับไปที่ร้าน อยู่บ้านดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ”
คุณแม่เฮ่อซึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูยกยิ้มพร้อมโบกมือ “เอาละ เอาละ ไปเถอะ”
ระหว่างทางกลับ ทั้งเซี่ยชิงหยวนและอาเซียงไม่ได้พูดถึงสิ่งที่คุณแม่เฮ่อบอกพวกเธออีกเลย ส่วนเฮ่ออวี้เฟิงเองก็ทำราวกับว่าเขาไม่สนใจ ท่าทีของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
เซี่ยชิงหยวนเฝ้ามองใบหน้าของอาเซียงอย่างเงียบ ๆ และพบว่าดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายสดใส ราวกับว่าเธอมีบางอย่างที่อยากจะเสาะแสวงหา
เธอแอบเดาความคิดของอาเซียงในใจโดยไม่ได้เปิดเผยอะไรออกมา
จนกระทั่งทั้งสองขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางกลับ ในตอนที่รถไฟออกจากสถานี อาเซียงมองออกไปนอกหน้าต่างที่ภาพของเฮ่ออวี้เฟิงห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ พลางเอ่ย “พี่เซี่ย ฉันอยากทำดีกับพี่เฮ่อ”