บทที่ 367 ขายและโด่งดังไปทั่วโลก
บทที่ 367 ขายและโด่งดังไปทั่วโลก
อาเซียงรีบตอบกลับ “ค่ะ มาแล้วค่ะ” จากนั้นก็เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนดึงอาเซียงเข้ามาแล้วพูดว่า “หัวหน้าฝ่านกำลังอธิบายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เธอมาฟังด้วยกันสิ”
อันที่จริงนี่คือสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนและเหล่าไต้รู้อยู่แล้ว แต่สำหรับอาเซียงมันเป็นการฟังความรู้ใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน
อาเซียงควักเอาสมุดบันทึกขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อจดสิ่งที่เธอได้ยิน รวมถึงบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ และวางแผนที่จะขอคำแนะนำจากเซี่ยชิงหยวนในภายหลัง
เธอเรียนรู้อักษรจีนจากเซี่ยชิงหยวนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังมีบางอักษรที่ซับซ้อนซึ่งเธอจำไม่ได้อยู่ แต่เซี่ยชิงหยวนสอนพินอินให้เธอแล้ว จึงสามารถจดคำที่เธอไม่สามารถเขียนได้ด้วยการจดเป็นพินอินได้
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของอาเซียง เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจ
ไม่ว่าชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร การเรียนให้หนักและทำให้ตัวเองพัฒนาขึ้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
หัวหน้าฝ่านกระตือรือร้นและตรงไปตรงมา บอกพวกเขาถึงข้อดีข้อเสียของเสื้อผ้าแต่ละแบบโดยไม่มีกั๊กเลย นี่ทำให้เซี่ยชิงหยวนและเหล่าไต้รู้สึกสบายใจมากขึ้น
ในตอนท้ายเซี่ยชิงหยวนก็เลือกเสื้อผ้าส่วนบนทั้งหมดสามร้อยตัว และอีกหนึ่งร้อยตัวสำหรับเสื้อผ้าส่วนล่าง
ในยุคนี้เมื่อถึงฤดูหนาว ผู้คนยังมักสวมเสื้อกันหนาวตัวเดียวซ้ำ ๆ ที่ค่อนข้างเรียบง่าย โดยเฉพาะผู้ชายที่สวมเสื้อโค้ตทหารหรือไม่ก็เสื้อโค้ตขนสัตว์แบบมาตรฐานเมื่อออกไปข้างนอก แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ได้ซื้อสไตล์เหล่านั้นที่มีอยู่ทั่วไปตามถนน
ตัวอย่างเช่น เธอจะซื้อเสื้อกันหนาวตัวยาว เสื้อโค้ตขนสัตว์กระดุมสองแถว และเสื้อผ้าฝ้ายหนา เช่นเดียวกับเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าแคชเมียร์และกางเกงขนสัตว์หลากสี
เสื้อผ้าที่เธอเลือกเป็นระดับกลางถึงระดับไฮเอนด์ เพียงแต่ต้องคำนึงว่าเสื้อผ้าที่เธอเลือกไปจะต้องสามารถทนต่อสายตาวิพากษ์วิจารณ์ของลูกค้าได้หรือไม่เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องราคา
ยิ่งไปกว่านั้น การได้รับสินค้าจากโรงงานโดยตรงถูกกว่าการซื้อส่งจากร้านเสื้อผ้าท้องถิ่นในมณฑลอวิ๋นอีกด้วย
สรุปแล้ววันนี้เซี่ยชิงหยวนใช้เงินไปมากกว่าเก้าพันหยวน
ค่าเช่าและค่าตกแต่งร้านต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อที่จะมีเงินมาซื้อสินค้า เซี่ยชิงหยวนจึงนำเงินสองพันหยวนที่เสิ่นอี้โจวมีอยู่กับเงินจากการขายเสื้อผ้ามารวมกัน และเธอก็เอาเงินมาอีกราว ๆ หนึ่งหมื่นเจ็ดพันหยวน
เงินที่เหลือเธอจะเอาไปซื้อสินค้าที่หมานต๋าเท่าที่จำเป็น
เมื่อเฮ่ออวี้เฟิงมาส่งพวกเขาไปที่โรงงานตัดเย็บเฟิงหวง เซี่ยชิงหยวนก็บอกให้เขากลับไปทำธุระของตัวเองได้เลย
ในตอนท้ายหัวหน้าฝ่านสั่งให้รถของโรงงานไปส่งเสื้อผ้าให้ที่ร้านของเฮ่ออวี้เฟิง ซึ่งช่วยให้เซี่ยชิงหยวนไม่ต้องเรียกรถคันอื่นให้ยุ่งยาก
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้มาที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว แต่เหล่าไต้คุ้นเคยเป็นอย่างดี พวกเขาทั้งสามกินมื้อกลางวันและตรงไปที่โรงงานตัดเย็บหมานต๋า
การไปเยือนโรงงานตัดเย็บหมานต๋าคราวนี้ก็ยังคงเป็นเหล่าหม่าที่มาต้อนรับ
เซี่ยชิงหยวนมองไปรอบ ๆ และไม่เห็นเฝิงฟาง
เหลาหม่ายังจำความขัดแย้งครั้งล่าสุดได้และพูดว่า “ผู้จัดการถานย้ายเฝิงฟางไปที่แผนกสายการผลิตเพื่อให้เรียนรู้งานอีกครั้งน่ะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดเลยว่าถานม่าน ซึ่งเคยอดทนกับเฝิงฟางมากในชีวิตที่แล้วกลับโอนย้ายเฝิงฟางไปอยู่ในแผนกสายการผลิตในชีวิตนี้
เธอเม้มริมฝีปากและพยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ
จากนั้นเหล่าหม่าก็พาทั้งสามคนไปดูสินค้า และเหล่าไต้ก็เลือกสินค้าคุณภาพที่ดีที่สุด
เสื้อผ้าของหมานต๋านั้นเหนือกว่าของโรงงานตัดเย็บเฟิงหวงในแง่ของสไตล์และแฟชั่นแปลกใหม่ แต่ฝีมือการผลิตและคุณภาพของเนื้อผ้านั้นด้อยกว่าเล็กน้อย
ถึงกระนั้นเสื้อผ้าของหมานต๋าก็เอาชนะโรงงานเสื้อผ้าอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน
ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนเลือกเสื้อทั้งหมดสองร้อยตัว และกางเกงหนึ่งร้อยตัวจากหมานต๋า ซึ่งรวมมูลค่ากว่าหกพันหยวน
นอกจากนี้หมานต๋ายังมีถุงน่องแบบบางคุณภาพสูงจำนวนมาก ซึ่งมีราคาต่อคู่ไม่สูงนัก เซี่ยชิงหยวนหยิบถุงน่องอีกห้าร้อยคู่ และวางแผนที่จะแจกในช่วงโปรโมต
เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนใช้จ่ายไปมาก เหล่าหม่าจึงพูดว่า “ในโรงงานก็มีถุงน่องแบบกางเกงด้วยนะ ซึ่งล้วนมาจากต่างประเทศ เพียงแต่ว่าคนประเทศเราไม่ชอบใส่กันเท่าไหร่”
ในแง่หนึ่งก็คือไม่เป็นที่นิยมและไม่โด่งดังด้วย ทั้งยังเป็นเรื่องจริงที่ผู้คนเขินอายมากเกินจะใส่มัน
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เอามันออกมาให้ฉันดูทีค่ะ”
หลังจากได้ยินประโยคนี้ เหล่าหม่าก็สั่งให้ลูกน้องนำกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่ซึ่งมีถุงน่องบรรจุอยู่ออกมา
เซี่ยชิงหยวนสุ่มหยิบอันหนึ่งออกมา เปิดห่อหยิบถุงน่องออก ลองดึงให้มันยืดดูและสังเกตอย่างระมัดระวัง
นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าไต้สังเกตถุงน่องแบบกางเกงด้วยตนเอง เขาอดไม่ได้ที่จะก้มหัวเข้าไปใกล้แล้วพูดว่า “เป็นยังไงบ้าง คิดว่าใส่สบายไหม?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “คุณภาพดีและให้ความรู้สึกที่ดีเลยค่ะ”
เธอมองที่เหล่าหม่า “แต่ฉันคงไม่ได้เอาไปมากแน่นอนค่ะ เพราะปกติแล้วของแบบนี้มักจะใช้กับกระโปรง”
เหล่าหม่าพยักหน้าทันที “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
เขาเกาหัวด้วยความเขินอาย “ของพวกนี้เราก็ลองดูแล้วเหมือนกัน แต่ผลที่ได้ไม่ค่อยดีนัก หากคุณต้องการผมจะขายให้ในราคาที่ถูกลง ไม่อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นส่วนลดก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนไม่สุภาพอีกต่อไป จึงเลือกสีดำ สีเนื้อ และสีเทา เป็นจำนวนแปดสิบตัว
นอกจากนี้ เธอยังจับคู่ถุงน่องแบบกางเกงทั้งแปดสิบตัวนี้ตามเสื้อผ้าที่เธอซื้อไปด้วย
ค่าถุงน่องแบบกางเกงไม่ได้คิดราคาแพงมากเท่าไหร่ แปดสิบตัวรวมเป็นสี่สิบหยวน และเซี่ยชิงหยวนก็เลือกสองตัวให้กับตัวเอง
เมื่อทั้งสามออกมาจากหมานต๋ามันก็เริ่มมืดแล้ว เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “เหล่าไต้ ไปกินอาหารเย็นด้วยกันก่อนสิ ฉันมีอะไรอยากจะคุยกับคุณด้วยน่ะ”
เหล่าไต้พยักหน้า “งั้นเราไปกินข้าวใกล้ ๆ โรงแรมของเธอกันเถอะ”
การไปที่โรงงานตัดเย็บเฟิงหวงในตอนเช้าและได้พบกับหัวหน้าฝ่าน มันทำให้เหล่าไต้มีไอเดียมากมายเช่นกัน
…
เหล่าไต้เดินนำเข้าไปในร้านอาหารกวางตุ้งที่เก่าแก่ สั่งซุปเหลาฮั่วและสั่งอาหารอีกสามจาน
ตอนเที่ยงพวกเขาแค่กินอาหารง่าย ๆ แถวโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า พอหมดวันทุกคนก็หิวมากจึงไม่มีใครพูดอะไร ต้องอิ่มท้องก่อนแล้วค่อยพูดถึงเรื่องที่อยากคุย
เหล่าไต้คาบไม้จิ้มฟันไว้ในปากแล้วพูดว่า “ฉันมีความคิดว่าหลังจากนี้ฉันจะไปหาแหล่งซื้อวัสดุคุณภาพเยี่ยมเอง แล้วจะไปขอให้พวกเขาทำการผลิตให้น่ะ”
แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการสั่งผลิตเสื้อผ้าก็ตาม แต่การไปหาของมาเองจะทำให้ต้นทุนลดลงและยังมีกำไรตรงกลางอีกเยอะ ก็แค่ขยันทำงานมากขึ้นเท่านั้น
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “บังเอิญว่าฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ”
อันที่จริง สิ่งที่เธอต้องการยิ่งใหญ่กว่านั้น เธออยากทำการผลิตแบบครบวงจรโดยเริ่มจากการผลิตผ้าด้วยตัวเองเลย บังเอิญว่ามณฑลยูนนานมีพืชที่ให้เส้นใยผ้าจำนวนมากและราคาถูก วิธีนี้จะช่วยประหยัดค่าขนส่งได้มาก
เธอเชื่อว่าหากมณฑลยูนนานไม่ได้อยู่ห่างไกล ภูมิประเทศที่สูงชัน และการคมนาคมขนส่งที่ไม่สะดวก ผู้ค้าส่งก็จะซื้อสินค้าจากมณฑลนี้มากขึ้น
แต่แล้วเธอก็คิดว่าแม้จะซื้อเครื่องจักรกลับไปที่มณฑลยูนนาน แต่เธอก็ยังขาดบุคลากรด้านเทคนิคและไม่สามารถควบคุมคุณภาพการผลิตผ้าได้
ดังนั้นเลิกคิดเรื่องนี้ไปก่อน
เมื่อเหล่าไต้ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นและพูดว่า “ฉันจะใช้ประโยชน์จากเวลาว่างก่อนจะถึงปีใหม่นี้ไปที่มณฑลเจียงซูและเจ้อเจียง เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผ้าและค่าขนส่งนะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ต้องรบกวนคุณด้วยแล้วค่ะ”
เหล่าไต้ลูบคางของเขา “จริง ๆ แล้ว ฉันมีข้อเสนอแนะอยู่นะ เธอสามารถย้ายที่ตั้งไปเมืองเซินเจิ้นได้ไหม หรือจะมาที่เมืองกว่างโจวก็ได้ ที่นี่มีคนร่ำรวยมากกว่าในมณฑลยูนนาน และมีโอกาสทางธุรกิจมากกว่า หากอยู่ในธุรกิจเสื้อผ้ามันคงจะสมบูรณ์แบบเลยล่ะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและส่ายหัว “ไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ว่าที่นี่จะดีแค่ไหน ครอบครัวของฉันก็ไม่มีใครอยากมาด้วยน่ะสิ”
เธอมองเหล่าไต้อย่างมั่นใจและมุ่งมั่น “ถ้าฉันจะทำ สิ่งที่ฉันอยากทำจริง ๆ คือการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าที่โด่งดังและขายไปทั่วโลกมากกว่า”