กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามีบทที่ 365 คนปัจจุบันไม่อาจสู้คนเก่าได้

บทที่ 365 คนปัจจุบันไม่อาจสู้คนเก่าได้

บทที่ 365 คนปัจจุบันไม่อาจสู้คนเก่าได้

บทที่ 365 คนปัจจุบันไม่อาจสู้คนเก่าได้

ดวงตาของอาเซียงเบิกกว้างเมื่อได้ยิน และจ้องที่เซี่ยชิงหยวน “จริงเหรอคะพี่เซี่ย?”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “จริงสิ”

ขณะที่เซี่ยชิงหยวนหวังว่าอาเซียงจะพูดอะไรสักอย่าง อาเซียงก็พูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น พี่เฮ่อคงต้องเป็นคนที่จิตใจดีมาก ๆ เลยนะคะ”

หลังจากพูดแล้วหญิงสาวก็มีสีหน้าชื่นชม

เซี่ยชิงหยวน “…”

เธออยากเปิดสมองของอาเซียงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้นจริง ๆ

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะเตือน “เธอคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเลยเหรอ?”

อาเซียงส่ายหัว “ไม่เห็นเป็นปัญหาเลยค่ะ”

เซี่ยชิงหยวนพบว่าอาเซียงพลาดประเด็นสำคัญไป “เธอไม่คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้หญิงคนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นบ้างเหรอ?”

คราวนี้สีหน้าของอาเซียงเปลี่ยนไปในที่สุด

เซี่ยชิงหยวนพูดต่อ “คนที่สามารถทำให้เขายอมเข้าคุกได้ อีกฝ่ายจะต้องมีความสำคัญต่อเขามาก ถึงเขาจะอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว แต่พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาปล่อยวางไปแล้วโดยสิ้นเชิงหรือยัง”

คำพูดของเซี่ยชิงหยวนประสบความสำเร็จในการทำให้สีหน้าของอาเซียงซีดลงทันที

เซี่ยชิงหยวนไม่ได้พูดต่ออีก และรออย่างเงียบ ๆ ให้หญิงสาวคนนี้คิดออก

สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนกังวลไม่ใช่ว่าเฮ่ออวี้เฟิงเคยติดคุก แต่เป็นเขาที่ยังมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในใจอยู่หรือไม่ต่างหาก

ตอนที่ทำงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหมานต๋าเมื่อชาติที่แล้ว เธอมักจะได้ยินคนพูดกันว่าเจ้านายคนปัจจุบันไม่สามารถลืมคนรักเก่าในใจได้

เมื่อคนรักเก่ากลับมาหลังจากมีชีวิตที่ย่ำแย่ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะปลอบคนรักเก่า และตำหนิคนรักคนปัจจุบันของตนที่งี่เง่าไม่เข้าใจ

เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของอาเซียงไม่ผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้านี้ และไม่รู้ว่าหญิงสาวกำลังบอกเซี่ยชิงหยวนหรือบอกตัวเธอเองหรือไม่ “หลังจากผ่านไปหลายปี ผู้หญิงคนนั้นน่าจะแต่งงานไปแล้วนะ”

พอได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่พูดอะไรอีก

ทุกการตัดสินใจที่เลือกคือชะตากรรมที่คน ๆ นั้นต้องยอมรับ สิ่งที่เธอทำได้คือบอกสิ่งที่รู้โดยไม่ปิดบังก็เท่านั้น

ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะตำหนิเธอในอนาคตเอาได้ ในเมื่อรู้ว่ามันคือหลุมไฟทำไมถึงเอาแต่มองผู้คนกระโดดลงไปโดยไม่เตือนล่ะ

เธอจับมืออาเซียงแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปเลย ไปกินมื้อเย็นกัน”

อาเซียงตอบเชื่องช้า “ค่ะพี่สาวเซี่ย”

สภาพอากาศในเมืองกว่างโจวตอนปลายเดือนพฤศจิกายนไม่หนาวเกินไปนัก แต่เมื่อพายุไต้ฝุ่นมา ลมจะเริ่มพัดแรงและอุณหภูมิก็ลดลงหลายองศา

โชคดีที่ทั้งสองนำเสื้อผ้าที่หนาพอมาด้วย เมื่อใส่เสื้อกันหนาวแล้ว พวกเธอก็ไปทานข้าวที่โรงน้ำชาสไตล์กวางตุ้ง มีโจ๊กร้อน ๆ และเนื้อทอดหอม ๆ เป็นอาหารที่เหมาะแก่การรับประทานในสภาพอากาศแบบนี้จริง ๆ

เพียงแต่ว่าอาเซียงซึ่งเห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้นี้เธอหิวแค่ไหน กลับกินได้น้อยกว่าปกติมาก

กระทั่งตอนเข้านอน เธอที่นอนอยู่เตียงข้าง ๆ ก็พลิกตัวไปมาหลายครั้ง

เซี่ยชิงหยวนนอนพัก หลับตาและไม่ถามอะไรมากเกินไป

ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วอาเซียงจะตัดสินใจยังไง มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถควบคุมได้

เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น รอยคล้ำใต้ตาของอาเซียงก็เห็นได้ชัดเจนอย่างมาก

หญิงสาวและเซี่ยชิงหยวนไม่ได้เอาเครื่องสำอางใด ๆ มาด้วย พวกเธอแค่นำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมาเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น และถึงแม้อาเซียงจะใช้มันทาเป็นชั้นหนา ๆ แต่ก็แทบปกปิดไม่ได้เลย

เซี่ยชิงหยวนพูดขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลายลง “เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับใช่ไหม?”

เมื่ออาเซียงไม่ได้รู้สึกเขินอายมากแล้ว เธอจึงพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

หลังจากที่ทั้งสองทานข้าวเช้าแล้ว เหล่าไต้ก็มาหา

ผิวของเขาสีเข้มขึ้นและผอมลงกว่าครั้งล่าสุดที่พบกัน

เมื่อเขาเห็นเซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มกว้างให้ทันที “ช่วงนี้ฉันยุ่งจริง ๆ แต่ฉันก็ได้สินค้ามาหลายแบบที่เธอน่าจะถูกใจเลยนะ”

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ลำบากคุณแล้วจริง ๆ…”

จากนั้นพวกเขาก็ตกลงกันทันทีว่าจะไปยังสถานที่ที่เหล่าไต้พูดถึงเพื่อดูสินค้า

เฮ่ออวี้เฟิงพูดขึ้นว่า “วันแรกนี้ผมจะไปกับพวกคุณ”

เขานำรถสามล้อไฟฟ้าออกมาเพื่อจะส่งทั้งสามไปที่นั่น

เซี่ยชิงหยวนไม่ลังเล และพูดว่า “ขอบคุณ” จากนั้นจึงเข้าไปในรถก่อน

ในทางกลับกัน อาเซียงนั้นเงียบกว่าเมื่อก่อน แม้แต่เหล่าไต้ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “อาเซียงเป็นอะไรรึเปล่า? ดูไม่มีแรงเลย?”

อาเซียงเหลือบมองเฮ่ออวี้เฟิงโดยไม่รู้ตัวแล้วรีบก้มศีรษะลง “ไม่มีอะไรค่ะ”

เซี่ยชิงหยวนตบหลังมือของหญิงสาวเพื่อให้ผ่อนคลาย แล้วพูดกับเหล่าไต้ “เมื่อคืนนี้เธอรู้สึกไม่สบายและนอนไม่หลับเท่าไหร่น่ะ”

เหล่าไต้พยักหน้า “อ้อ” จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุย โดยสนทนากับเซี่ยชิงหยวนเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำเมื่อเร็ว ๆ นี้

หลัก ๆ เลยคือเขาเดินทางไปทั่วเมืองกว่างโจวเพื่อทำความรู้จักกับผู้ค้าส่งรายอื่น และดูผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

เซี่ยชิงหยวนแบ่งประสาทหลายอย่างพร้อมกัน ในขณะที่คุยกับเหล่าไต้เธอก็ให้ความสนใจกับท่าทางของอาเซียงและเฮ่ออวี้เฟิงไปด้วย

แม้ว่าอาเซียงจะเอาแต่มองดูฉากถนนข้างรถ แต่เธอก็แอบเหลือบมองเฮ่ออวี้เฟิงจากหางตาอย่างลับ ๆ

ส่วนเฮ่ออวี้เฟิงก็ขับรถอย่างจริงจังราวกับว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา

สีหน้าผิดหวังฉายไปทั่วใบหน้าของอาเซียง เธอถอนหายใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็คุยกับเซี่ยชิงหยวนและเหล่าไต้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เซี่ยชิงหยวนวางมือลงบนไหล่ของอาเซียงอย่างสงบราวกับส่งสัญญาณให้รู้ว่ามีเธออยู่ จากนั้นพูดคุยกับเหล่าไต้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน

เกี่ยวกับการกระทำของเซี่ยชิงหยวนนั้นทำให้อาเซียงถึงกับจ้องมอง

เซี่ยชิงหยวนหันศีรษะพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและปลอบโยนบนใบหน้าที่สดใส

อาเซียงรู้สึกอบอุ่นในใจขึ้นมา และกุมมือของเซี่ยชิงหยวน

ขณะเดียวกัน เหล่าไต้ก็พูดเข้าประเด็น “ฉันไปถามคนมามากมายเลย จนเลือกโรงงานสองสามแห่งที่มีชื่อเสียงที่ดี ทั้งยังไปที่นั่นด้วยตนเอง และในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกสามแห่งที่เราจะไปดูกันหลังจากนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นที่ที่เธอรู้จักอยู่แล้วคือหมานต๋า”

เซี่ยชิงหยวนไม่แปลกใจเลยที่หมานต๋าเป็นหนึ่งในผู้ได้รับเลือก

จากความทรงจำเมื่อชีวิตที่แล้ว หลายปีต่อจากนี้หมานต๋าจะค่อย ๆ ปรากฏตัวในวงการเสื้อผ้าระดับไฮเอนด์

เพียงแต่มีปัญหากับการจัดการภายในของโรงงานในขณะนั้น ทั้งยังมีของเสียและต้นทุนจำนวนมากในการหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งทำให้หมานต๋าไม่สามารถทำกำไรได้เป็นเวลานาน

ต่อมาเธอได้เจาะลึกลงไปในทุกแผนกของโรงงานและค้นพบปัญหา หลังจากรายงานแล้วก็ทำให้เกิดการโต้กลับครั้งใหญ่ ต่อมาถานม่านก็เอาชนะความคิดเห็นทั้งหมดและทำงานอย่างแข็งขันร่วมกับเซี่ยชิงหยวนเพื่อค้นหาวิธีแก้ไขปัญหา

การปฏิรูปนั้นเองที่ทำให้หมานต๋าดำเนินธุรกิจไปถูกทิศทาง และยังทำให้เซี่ยชิงหยวนโดดเด่นในหมานต๋า

เซี่ยชิงหยวนสงสัยว่าหมานต๋าที่ไม่มีเธอเป็นส่วนร่วมในชาตินี้จะยังสามารถขึ้นไปสู่จุดสูงสุดเท่ากับชาติก่อนได้หรือไม่?

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “เราเคยไปหมานต๋ามาก่อนแล้ว ดังนั้นเราควรไปดูอีกสองตัวลือกที่ยังไม่เคยไปก่อนนะ”

เหล่าไต้ยิ้มและพูดว่า “ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

อีกสองโรงงานที่เหล่าไต้พูดถึงนั้นที่ตั้งก็อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่

ที่แรกมีชื่อว่าโรงงานตัดเย็บซื่อซิ่ง ตั้งแต่ทางเข้าโรงงานยันอาคารโรงงานดูน่าประทับใจกว่าหมานต๋ามาก

เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองป้าย ‘โรงงานตัดเย็บซื่อซิ่ง’ พลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า

“เหล่าไต้ เราไม่จำเป็นต้องพิจารณาที่นี่กันหรอกค่ะ”

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Score 10
Status: Completed
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี ...ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! เรื่องย่อ หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

Options

not work with dark mode
Reset