บทที่ 357 ผมชอบผู้ชาย
บทที่ 357 ผมชอบผู้ชาย
เดิมทีเซี่ยชิงหยวนวางแผนจะใช้กะละมังสระผม
แต่เสิ่นอี้โจวพูดว่า “ผมเติมน้ำไว้เต็มอ่างแล้ว ถ้าคุณยังไม่เข้าไปน้ำจะเย็นเอานะ ลงไปในอ่างเถอะ”
ในหัวของเซี่ยชิงหยวนเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “ถ้าลงไปจะสระผมได้อย่างไร?”
หากน้ำจากการสระผมไหลลงไปในอ่างอาบน้ำ น้ำในอ่างอาบน้ำจะไม่สกปรกหรอกเหรอ?
เสิ่นอี้โจวเข้าใจสิ่งที่ภรรยาต้องการสื่อ “คุณลงไปแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำแล้ววางศีรษะไว้ที่บนขอบอ่างสิ ผมจะสระผมให้คุณเอง”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”
แบบนี้นับว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว ได้ทั้งแช่น้ำและสระผมไปพร้อม ๆ กัน
แต่เธอแค่นอนเปลือยเปล่าในอ่างอาบน้ำเพื่อรอเสิ่นอี้โจวสระผมให้อย่างนั้นน่ะเหรอ?
แบบนี้จะได้เพลิดเพลินกับการอาบน้ำดี ๆ ใช่ไหม?
ชักแปลกพิกลแล้ว
ไม่ใช่ว่าเธอเหนียมอาย แต่แค่วันนี้เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์แบบนั้น
เสิ่นอี้โจวไม่มีทางเลี่ยง เขากวาดฟองสบู่ไปไว้ฝั่งหนึ่ง “ใช้นี่บังไว้สิ”
เซี่ยชิงหยวนพลันสูญเสียศีลธรรมในใจไปอย่างสิ้นเชิงในครั้งนี้ รู้สึกว่าตัวเองแอบมีความคิดชั่วร้ายอยู่เล็กน้อย พลางเอ่ยตอบว่า “ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นจึงหันหลังให้เขาเพื่อถอดเสื้อผ้าออก
เมื่อเธอถอดเสื้อผ้าบนตัวออกเรียบร้อย เสิ่นอี้โจวก็นำกะละมังมาใส่เสื้อผ้าในเวลาอันเหมาะเจาะ
เขาไม่ละสายตาจากสิ่งที่ทำ เทผงซักฟอกลงไปและแช่เสื้อผ้าไว้ในน้ำอุ่น
ในตอนที่เขาจัดการทุกอย่างเสร็จ เซี่ยชิงหยวนก็ทอดกายเบียดตัวอยู่กับฟองสบู่ในอ่างอาบน้ำแล้ว
ศีรษะของเธอวางอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำ เสิ่นอี้โจวกังวลว่าหญิงสาวจะรู้สึกเมื่อยจากการเงยศีรษะ จึงขยับม้านั่งเล็ก ๆ ที่มีความสูงประมาณอ่างอาบน้ำมาวางเพื่อประคองศีรษะเธอไว้
ฝ่ามือใหญ่ของเขาจับศีรษะของภรรยาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ไหลลง นิ้วเรียวยาวเคลื่อนไหวไปมาผ่านเส้นผมด้วยความอ่อนโยนพลางนวดจุดฝังเข็มที่ศีรษะของเธอเป็นครั้งคราว เซี่ยชิงหยวนพลันหลับตาลงด้วยความสบาย
เมื่อเสิ่นอี้โจวเห็นสีหน้าท่าทางที่แสดงออกถึงความเพลิดเพลินของเซี่ยชิงหยวน ความเย็นชาบนใบหน้าของเขาก็จางลง พร้อมกับสีหน้าที่อ่อนโยน
ในขณะที่เขาคิดว่าเซี่ยชิงหยวนผล็อยหลับไปแล้ว หญิงสาวก็พลันเอ่ยขึ้น “ทำไมวันนี้คุณถึงคิดอยากจะสระผมให้ฉันเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวไม่ได้หยุดมือของเขา “เห็นว่าวันนี้คุณเหนื่อย ผมก็เลยมีความคิดนี้น่ะ”
เขาระบายยิ้มบนใบหน้า “บริการเป็นที่น่าพอใจไหม?”
เซี่ยชิงหยวนยกมุมปาก “พอใจสิ”
ด้วยบริการอันแสนสบายจากเสิ่นอี้โจว ร่างกายของเธอจึงผ่อนคลาย และอารมณ์ของเซี่ยชิงหยวนก็ไม่ได้ตึงเครียดมากนัก จึงเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่วันนี้ได้พบเฉินหลี่ที่โรงพยาบาล
สำหรับเรื่องครอบครัว ในตอนนี้นั้นยุ่งวุ่นวาย รอให้เธอจัดการเรื่องนี้แล้วค่อยขอความเห็นจากเสิ่นอี้โจวดีกว่า
สุดท้าย เธอก็พูดว่า “จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่าฉินซูอวี้ค่อนข้างน่าสงสารนะ”
แน่นอนว่าเบื้องหลังผู้ที่น่าสังเวชย่อมมีการกระทำอันน่ารังเกียจ เธอเข้าใจในความจริงข้อนี้
ท่าทีของเสิ่นอี้โจวไม่เปลี่ยนแปลง เขาพูดว่า ”การเติบโตขึ้นมาในครอบครัวแบบนี้ เธอเองก็คงโศกเศร้าเช่นกัน แต่จะเลือกเป็นคนแบบไหน นั่นเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องตัดสินใจ”
ผลกระทบซึ่งเกิดจากครอบครัวที่ให้กำเนิดส่งผลต่อคนคนหนึ่งนั้นใหญ่มากพอที่จะครอบคลุมไปทุกด้าน บางคนนั้นเกิดจากโคลนตม แต่ไม่เปื้อนสกปรก ในขณะที่บางคนต้องอยู่ใต้เงามืดไปชั่วชีวิต
แต่การทำร้ายใครสักคนตามใจตัวเองแบบนี้ เขาไม่คิดว่านี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ครอบครัวที่ไม่ได้ดีจะสั่งสอนอย่างแน่นอน
ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่ เวลากระทำสิ่งใดย่อมสามารถแยกแยะได้ และรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เพียงแต่บางคนอาจทำตามใจของตน
เช่นเดียวกับเซี่ยจื่ออี้ที่อยู่ภายใต้การสั่งสอนของคนมีคุณธรรมอย่างเซี่ยเจิ้ง ก็ยังกระทำเรื่องแบบนั้นออกมาไม่ใช่เหรอ?
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ที่คุณพูดมาก็ถูก”
ในขณะที่พูด เสิ่นอี้โจวสระผมให้เธอเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มล้างออกด้วยน้ำสะอาด
เมื่อเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนหายไปในที่สุด เสิ่นอี้โจวก็พูดว่า “จริง ๆ แล้ว ผมเคยคิดอยู่เหมือนกันว่าการที่เข้าสู่เส้นทางการเมืองนั้นถูกต้องหรือไม่”
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้น พลันอดรนทนไม่ไหวเสียจนนั่งไม่ติดที่พร้อมเอ่ยถาม “ทำไมจู่ ๆ คุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”
ดวงตาของเสิ่นอี้โจวเผยให้เห็นร่องรอยของความโศกเศร้า ”เพราะผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองลากคุณเข้ามาในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจนี้น่ะสิ ถ้าผมลาออกจากงานแล้วกลับไปยังหมู่บ้านซีสุ่ย ก็อาจเป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะ”
ผู้คนที่นั่นเรียบง่ายสัตย์ซื่อ ไม่เหมือนกับบรรยากาศอึมครึมที่เต็มไปด้วยพิษร้ายแบบในเมืองใหญ่ อีกทั้งผู้คนที่นั่นยังใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมากกว่า
เมืองเตียนเฉิงนั้นเป็นแหล่งเครือข่ายความสัมพันธ์ มณฑลอวิ๋นก็เป็นแหล่งเครือข่ายแห่งความสัมพันธ์เช่นกัน แม้แต่ละแวกบ้านก็ยังมีสังคมเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ข้างในมีแต่พวกปากหวานก้นเปรี้ยว เธอโกงฉัน ฉันโกงเธอ ต้มตุ๋นกันไปมา ไม่ได้เรียบง่ายไปกว่าวงข้าราชการผู้ชายเสียเท่าไหร่นัก
เซี่ยชิงหยวนจะเจ็บปวดเพราะเขา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
ดีที่เธอไม่ใช่สาวน้อย ผู้ซึ่งยอมหวานอมขมกลืนเหมือนแต่ก่อน ได้กลายเป็นหญิงสาวที่เรียนรู้จะขบถแล้ว
ถึงกระนั้น เขาก็ยังสัมผัสได้ว่าเธอไม่ได้ชอบแบบนี้
ด้วยถ้อยคำเหล่านั้น เซี่ยชิงหยวนพลันเงียบไปราวสองวินาทีโดยไม่ได้พูดอะไร
ทันใดนั้น เธอก็ลุกขึ้นจากอ่าง หันหน้าเข้าหาสามี ก่อนจะเอาแขนมาคล้องคออีกฝ่าย
หยดน้ำจากแขนของหญิงสาวหยดลงไปบนคอเสื้อของเขาจนเป็นรอยเปียกชื้น และเพราะแช่น้ำอุ่น ผิวของเธอจึงเปลี่ยนเป็นสีอมชมพูเย้ายวนใจ
เธอจ้องมองเขา ใบหน้าหล่อเหลาที่ฉายชัดถึงความประหลาดใจสะท้อนอยู่ในม่านตาของเธอ “ผู้คนล้วนบอกว่าเป็นสามีภรรยากัน ความสำเร็จต้องร่วมสร้าง ไม่ใช่ว่าในเวลาที่คุณก้าวไปข้างหน้า ฉันเองก็ก้าวไปด้วยหรอกเหรอ? ก้าวไปด้วยกันสิ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่เส้นทางนี้ก็ต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้หรือเรื่องอื่นอยู่ดี ในเมื่อมีชีวิตใหม่แล้วก็ย่อมไม่ได้ถูกลิขิตให้ใช้ชีวิตแบบเดิม แค่คุณปกป้องและสนับสนุนฉันอย่างไม่มีเงื่อนไขก็เพียงพอแล้วล่ะ”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไร เสิ่นอี้โจวไม่เคยพูดว่า ‘ไม่’ เลยสักครั้งเดียว เขาคอยสนับสนุนเธออยู่เคียงข้างอย่างเงียบ ๆ ทั้งยังจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรต้องรู้สึกผิดต่อกัน
เสิ่นอี้โจวมองดูภรรยา ดวงตาของเขาแดงก่ำเล็กน้อย
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่อุ้มช้อนตัวเธอไว้ในอ้อมแขนโดยไม่สนใจคราบน้ำบนร่างกายของหญิงสาวเลย
“ขอบคุณนะ”
ขอบคุณที่เต็มใจที่จะอยู่เคียงข้างกันหลังจากประสบพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ มาไม่น้อย
ทั้งสองกอดกันแบบนั้นอยู่สักพัก ก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะนึกได้ว่าเธอไม่ได้สวมอะไรเลยในตอนนี้
บนหน้าอกเสื้อของเสิ่นอี้โจวเปียกชื้นไปด้วยน้ำจากบนตัวหญิงสาว ความอุ่นร้อนจากเขาแผ่ซ่านมาถึงเธอจนทำให้ไม่รู้สึกหนาวเย็นไปชั่วขณะ
ท่วงท่าในตอนนี้ สำหรับเธอแล้วไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก
เธอยื่นมือผลักเขาออกไป “ปล่อยฉันค่ะ ฉันจะอาบน้ำ”
เสิ่นอี้โจวให้ความร่วมมืออย่างดี และวางเธอลง
ทว่าเมื่อมองลงไปยังด้านหน้าที่เปียกโชกของตนอีกครั้ง ดวงตาหงส์พลันหรี่ลง “ภรรยา ตัวผมเปียกแล้วนะ”
เซี่ยชิงหยวนถอยหลัง ก่อนจะซ่อนร่างกายของเธอไว้ใต้น้ำ มีเพียงศีรษะที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำเท่านั้น “การที่คุณเปียกนั้นเกี่ยวอะไรกับฉันกัน?”
เสิ่นอี้โจวยกมุมปากขึ้น “คุณต้องรับผิดชอบ”
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างนอกเลยค่ะ”
เสิ่นอี้โจวไม่ยอมถอย “ปกติแล้วเวลาที่คุณเปียก ผมไม่เคยใจร้ายเหมือนคุณเลยนะ”
ความเขินอายร้อนฉ่าปรากฏบนแก้มของเซี่ยชิงหยวนทันที และเธอก็โกรธมากจนยกขาขึ้นเตะเขา “คนนิสัยไม่ดี!”
จริงจังได้ไม่เกินสามวินาที!
โดยที่เธอไม่รู้ ใครกันจะคาดคิดว่าข้อเท้าขาวผ่องของเธอกลับถูกเสิ่นอี้โจวจับไว้ ก่อนจะถูกดึงอย่างแรง จนเซี่ยชิงหยวนถูกเขาดึงเข้ามาใกล้
ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ขึ้น “ภรรยา น้ำตั้งเต็มอ่าง คงจะเป็นการสิ้นเปลืองไปเสียหน่อยถ้าคุณจะอาบคนเดียว เราต้องประหยัดน้ำนะ”
เซี่ยชิงหยวน “!!!”
สายน้ำสาดกระเซ็นพร้อมเสียงดังโครม ขับขานถ้อยคำแห่งรักที่อัดอั้นสุดรำพัน
…
เรื่องข่าวลือจบลงแบบค้าง ๆ คา ๆ
ฉินโย่วเหลียงกับและเฉินหลี่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงเพราะเรื่องนี้ ฉินซูอวี้ใช้เวลาตลอดทั้งวันเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอกไม่ยอมกลับบ้าน แม้แต่เซี่ยจื่ออี้และเซี่ยเจิ้ง คู่พ่อและลูกสาวก็ดูเหมือนจะเก็บกดความรู้สึกไว้ในใจ ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมเริ่มพูดออกมา
หลังจากฉีจิ่นจือออกจากโรงพยาบาล เขาก็พักฟื้นอยู่ที่บ้านเป็นเวลาสองวัน ก่อนจะบอกกล่าวฉีหยวนซานถึงเรื่องยกเลิกการหมั้นของเขากับตระกูลเซี่ย
อันที่จริง หากพูดตามหลักแล้วมันไม่ใช่การยกเลิก ท้ายที่สุดแล้วก็มีแค่สองครอบครัวเท่านั้นที่เพียงแสดงความตั้งใจนี้ในเวลานั้น อีกทั้งยังไม่เคยมาเหยียบหน้าประตูบ้านกันด้วยซ้ำ เพราะงั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหมั้นหมายเลย
เมื่อฉีจิ่นจือพูดจบ ฉีหยวนซานก็เขวี้ยงที่เขี่ยบุหรี่มาทางเขาทันที
ฉีจิ่นจือลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะเสมองไปทางพ่อของตน “คุณมีผมเป็นลูกชายเพียงคนเดียว คงอยากจะตีให้ตายเลยใช่ไหม?”
ด้วยประโยคเดียว ฉีหยวนซานก็พลันเก็บถ้อยคำดุด่าที่กำลังจะโพล่งออกมากลับไป
ฉีหยวนซานพูดว่า “ลูกสาวของตระกูลเซี่ยแกก็ไม่ชอบ แล้วแกชอบแบบไหนกัน? หรือว่ามีใจให้กับลูกสาวตระกูลฉินจริง ๆ งั้นเหรอ?”
นับตั้งแต่เรื่องระหว่างฉินซูอวี้กับเซี่ยจื่ออี้ถูกแพร่กระจายออกไป ความนิยมของฉินซูอวี้ก็ย่ำแย่ กลับกันเซี่ยจื่ออี้สามารถซื้อใจคนคืนด้วยความประทับใจในอดีตและทักษะการแสดงของเธอได้
ถึงกระนั้น สายตาที่ทุกคนมองเซี่ยจื่ออี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แต่ในความคิดของฉีหยวนซาน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความอิจฉาริษยาระหว่างหญิงสาว
พอได้ยินดังนั้น ฉีจิ่นจือพลันหัวเราะเย้ยหยัน “ก็คงจะมีแค่คุณที่คิดว่าผู้หญิงอย่างเซี่ยจื่ออี้เป็นผู้หญิงที่ดีนั่นแหละ”
เห็น ๆ กันอยู่ว่าเหมือนงูพิษ และเก่งในการพรางตัวเป็นพิเศษ พรางตัวเก่งกาจเสียจริง
ฉีหยวนซานขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นฉินซูอวี้ล่ะ?”
ฉีจิ่นจือเริ่มหมดความอดทน “ไม่ชอบครับ”
ฉีหยวนซานรู้สึกกังวล “ปีนี้แกอายุยี่สิบสี่แล้วนะ อายุไม่น้อยแล้ว”
ฉีจิ่นจือถอนหายใจ เพื่อให้ฉีหยวนซานหยุดวุ่นวายกับเรื่องนี้ จึงไม่สนใจแรงกระตุ้นจากเขาแม้แต่น้อย “ผมชอบผู้ชาย พอจะหาให้ได้ไหมล่ะ?”
ฉีหยวนซาน “!!!”