กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามีบทที่ 348 ไม่มีใครเป็นคนโง่

บทที่ 348 ไม่มีใครเป็นคนโง่

บทที่ 348 ไม่มีใครเป็นคนโง่

บทที่ 348 ไม่มีใครเป็นคนโง่

แขกที่ไม่คาดคิดคนนี้คือเฟิงหว่าน แม่ของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในวันนั้น

เธอถือของขวัญอยู่ในมือและเดินตามป้าอู๋มาด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยชิงหยวนยืนขึ้นและชำเลืองมองอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็ราวกับว่าจำอะไรบางอย่างได้ หญิงสาวรีบหันหน้าหนีและบีบน้ำตาออกมาทันที

เมื่อเฟิงหว่านเข้ามา สิ่งที่เธอเห็นคือฉากที่หญิงสาวสวยก้มศีรษะลงและปาดน้ำตา

พอคิดถึงสิ่งที่สามีของเธอพูดกับตัวเองในวันนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจ

เฟิงหว่านยิ้มและพูดว่า “คุณนายเสิ่น”

ขณะที่พูดจบ เด็กหญิงน่ารักคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของเธอ

เด็กหญิงมีผมเปียสีดำแวววาวสองเส้น กล่าวทักทายเซี่ยชิงหยวนด้วยรอยยิ้ม “คุณน้า”

เมื่อเซี่ยชิงหยวนเห็นเด็กหญิง ใจของเธอก็ละลายไปหมดแล้ว

เธอจำชื่อเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ได้ว่าชื่อเถาเหนียนซี ซึ่งแม้แต่ชื่อนี้ก็น่ารักมาก

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบ “เหนียนซีน้อย”

เมื่อเถาเหนียนซีได้ยินเซี่ยชิงหยวนเรียกตน เด็กน้อยก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น ดวงตาของเธอโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยวดวงเล็ก ๆ

เซี่ยชิงหยวนขอให้เฟิงหว่านนั่งลงและป้าอู๋ก็ไปรินชาทันที

เฟิงหว่านพูดว่า “ฉันว่าจะมาบ้านคุณตั้งนานแล้วน่ะค่ะ แต่เด็กคนนี้มีไข้มาหลายวันแล้วนับตั้งแต่เธอกลับมาในวันนั้น พอวันนี้ดีขึ้นแล้วฉันเลยกล้าพาเธอออกมาข้างนอก”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ร่างกายของเด็กคือสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่แล้วค่ะ”

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอเห็นว่าเถาเหนียนซีดูผอมกว่าในวันนั้น

เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะโกรธเซี่ยจื่ออี้อีกครั้ง

เพื่อที่จะทำร้ายเธอ ผู้หญิงคนนั้นถึงขนาดใจอำมหิตทำร้ายเด็กน่ารักเช่นนี้ด้วยซ้ำ

เถาเหนียนซีประพฤติตัวดีมาก เมื่อเธอเห็นผู้ใหญ่คุยกัน เธอก็แยกไปเล่นเองโดยไม่มีเจตนารบกวนพวกเขา

เซี่ยชิงหยวนขอให้ป้าอู๋เรียกหาเสิ่นอี้หลิน “อี้หลินน่าจะอ่านหนังสืออยู่ในห้องหลังจากกลับมาจากโรงเรียน ช่วยไปเรียกให้เขาออกมาเล่นกับเหนียนซีด้วยกันทีนะคะ”

เมื่อเสิ่นอี้หลินออกมา ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเมื่อเห็นเถาเหนียนซี

เขาทักทายเฟิงหว่านอย่างสุภาพมาก จากนั้นจับมือของเถาเหนียนซีแล้วพาออกไปเล่นข้างนอก

มือของเถาเหนียนซีนุ่มและเล็กมาก เสิ่นอี้หลินไม่กล้าใช้แรงเยอะเลย

เขาเอาแต่คิดว่าเมื่อไหร่พี่สะใภ้จะมอบหลานสาวตัวน้อยที่อ่อนโยนแบบนี้ให้เขาได้ดูแลกันนะ?

เมื่อเห็นเด็กสองคนเดินจากไป เฟิงหว่านก็บอกเหตุผลโดยตรงว่าทำไมเธอถึงมาเยี่ยมในวันนี้

เธอแสดงความขอบคุณต่อเซี่ยชิงหยวน และยกย่องความกล้าหาญของเสิ่นอี้หลิน

เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “เรื่องปกติค่ะ เป็นใครก็คงจะทำอย่างเรา อย่าคิดมากเลยค่ะ”

เมื่อเซี่ยชิงหยวนพูดถึงคนอื่น เฟิงหว่านก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเซี่ยจื่ออี้

ในเวลานั้นเธอกำลังพูดคุยกับกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง และจากหางตาของเธอ เธอให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของเด็ก ๆ เป็นครั้งคราว

เธอเห็นเซี่ยชิงหยวนไปคุยกับเสิ่นอี้หลิน และจากนั้นเห็นชัดเจนว่าเสิ่นอี้หลินพาเด็กสองสามคนเดินออกห่างจากวัวแก่ตัวนั้น

แต่ต่อมาเซี่ยจื่ออี้ก็เดินเข้าไป

เธอเห็นเซี่ยจื่ออี้พูดกับเด็กคนหนึ่ง และเด็กคนนั้นก็วิ่งกลับไปที่วัวโดยมีหญ้ากำหนึ่งอยู่ในมือ

เธอเคยไปต่างมณฑล และเป็นเรื่องปกติมากที่เด็ก ๆ จะให้วัวกินหญ้า ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจอะไรมาก

แต่เมื่อมองอีกครั้ง เธอก็เห็นว่าวัวแก่กำลังบ้าคลั่ง

ตอนนั้นวิญญาณของเธอแทบหลุดออกจากร่างและวิ่งเข้าไปทันที

ทว่าระยะทางนั้นไกลเกินไป และเธอไม่สามารถไปหาเด็กได้ทัน

เมื่อคิดว่าเถาเหนียนซีกำลังจะตายภายใต้เท้าวัว เสิ่นอี้หลินก็วิ่งไปใช้ตัวกำบังลูกสาวของเธอ และจากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็กอดเด็กทั้งสองคนไว้

ท้ายที่สุดฉีจิ่นจือก็หยุดวัวแก่ที่กำลังคลั่งด้วยร่างกายของเขาแทน

เธอกลับไปบอกสามีถึงข้อสงสัยของตัวเอง

สามีของเธอครุ่นคิดอยู่นาน เขาสูบบุหรี่จนที่เขี่ยเต็มไปด้วยก้นบุหรี่ และในที่สุดก็พูดกับเธอด้วยความยากลำบาก “เสี่ยวหว่าน เราไม่มีหลักฐาน”

เขาเต็มไปด้วยคำขอโทษ “ผมเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเอง ผมไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองได้เลยจริง ๆ”

เฟิงหว่านเข้าใจความจริงข้อนี้ดี เธอปลอบโยนสามี “ขอสวรรค์อวยพรให้คุณนายเสิ่นและตระกูลฉีที่ช่วยชีวิตลูกของเราไว้ด้วยเถอะ แต่ถึงแม้เราจะสู้ซึ่งหน้าไม่ได้ เราก็ไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นรังแกเราได้ การที่เซี่ยจื่ออี้คิดทำอะไรบางอย่างแล้วทำร้ายลูกของเราแบบนี้ ฉันจะบอกครอบครัวฝ่ายของฉัน!”

ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ตระกูลเฟิงเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุด และเฟิงหว่านมาจากตระกูลเฟิงนั้น

เมื่อเฟิงหว่านต้องการเอาเรื่อง เธอก็ได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวน

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความตั้งใจของเซี่ยจื่ออี้แล้ว

เธอเป็นคนที่แยกแยะได้ชัดเจนระหว่างบุญคุณและความแค้น เธอไม่ได้โกรธเซี่ยชิงหยวนด้วยเหตุนี้ แต่รู้สึกหวาดกลัวกับความชั่วร้ายของเซี่ยจื่ออี้มากกว่า

เฟิงหว่านมองดูดวงตาที่แดงก่ำของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วเขตที่พักอาศัยในช่วงสองวันที่ผ่านมาด้วยค่ะ”

เธอตบหลังมือของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลยนะคะ ถ้าเราถูกสุนัขกัด เราจะกัดมันกลับก็คงไม่ได้จริงไหม?”

เซี่ยชิงหยวนรู้แล้วว่าตอนนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องแสดงแล้ว

เธอก้มศีรษะลงและสูดจมูก จากนั้นแอบหยิกตัวเอง “ตอนเราอยู่ในเมืองเตียนเฉิง ฉันพบกับคุณฉินเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นเองค่ะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงขุ่นเคืองฉันนักหนา ถึงใส่ร้ายฉันแบบนี้”

“คุณคิดว่าเป็นฉินซูอวี้เหรอคะ?” เฟิงหว่านเลิกคิ้ว

เซี่ยชิงหยวนทำสีหน้างงงวยอย่างเป็นธรรมชาติมาก

เมื่อเห็นว่าเซี่ยชิงหยวนยังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังปัญหา เฟิงหว่านก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ “คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”

เธอถอนหายใจ “เดิมทีฉันเองก็คิดว่าเป็นฉินซูอวี้ที่ปล่อยข่าวลือไร้สาระ แต่วันนี้ฉันได้รู้อย่างอื่นมาค่ะ”

เธอลดเสียงลง “คุณลองคิดดูนะ ฉินซูอวี้เคยไปที่เมืองเตียนเฉิงมาก่อน ดังนั้นเธอน่าจะเคยเจอกับคุณใช่ไหม?”

เซี่ยซิงหยวนพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

เฟิงหว่านพูดต่อ “แต่จากเมืองเตียนเฉิง คุณมาที่นี่ก็ได้พักใหญ่แล้ว หากเธอไม่พอใจคุณจริง ๆ เธอคงปล่อยข่าวลือไปนานแล้วสิ ดังนั้นเรื่องนี้มันเป็นคนอื่นที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก”

“หือ?” เซี่ยชิงหยวนทำตาเบิกกว้าง

เฟิงหว่านคิดกับตัวเองว่าเซี่ยชิงหยวนซึ่งเป็นคนไร้เดียงสาและมีจิตใจดีแบบนี้ การที่เซี่ยจื่ออี้วางแผนใส่ร้ายมันน่าจะมาจากความอิจฉาแน่นอน

เธอตบมือเซี่ยชิงหยวนเบา ๆ และพูดต่อ “ฉันได้ยินมาว่าฉินซูอวี้กับเซี่ยจื่ออี้ทะเลาะกันเรื่องผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ชายคนนั้นกลับมาแล้ว และอยู่ในแผนกเดียวกับเซี่ยจื่ออี้ด้วยค่ะ”

“นอกจากนี้ เดิมทีตระกูลฉีตั้งใจจะสู่ขอจื่ออี้ให้เป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูกชายคนเล็กของท่านฉีและฉินซูอวี้กลับดูเหมือนมีใจกันมากกว่า”

“ตั้งแต่ยังเด็ก เซี่ยจื่ออี้เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดมาโดยตลอด และได้รับการยกย่องจากคนอื่น ๆ คุณคิดว่าเธอจะยอมเป็นผู้แพ้แบบนี้ได้ไหมล่ะคะ?”

คราวนี้เซี่ยชิงหยวนมองดูเฟิงหว่านด้วยความชื่นชม

เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองของเซี่ยชิงหยวนเช่นนี้ เฟิงหว่านก็อดรู้สึกตื่นเต้นในใจไม่ได้ที่จะชักดาบออกมาช่วย “ลองคิดดูสิว่าจริง ๆ แล้วผู้หญิงสองคนนั้นมีความรู้สึกที่แน่นแฟ้นต่อกันจริง ๆ เหรอ?”

“ฉินซูอวี้เป็นคนอารมณ์ร้ายและไม่ค่อยฉลาดนัก ซึ่งแย่กว่าแม่ของเธอมาก ฉินซูอวี้นั่นแหละเป็นเป้าหมาย และเซี่ยจื่ออี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ส่วนคุณคือเหยื่ออีกคน”

ริมฝีปากของเซี่ยชิงหยวนอ้าออกราวกับว่ามันยากที่จะแยกแยะเรื่องราวทั้งหมดได้

แต่ในใจของเธอมีความสุขมาก

ผู้หญิงที่สามารถเป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่ในเขตที่พักอาศัยนี้ได้จะเป็นคนโง่ได้ยังไงกัน?

สิ่งที่เฟิงหว่านสามารถอนุมานได้ คนอื่น ๆ ก็สามารถคิดได้เช่นเดียวกัน

สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนต้องการคือผลลัพธ์นี้แหละ

แน่นอนว่ามันอาจจะมีคนอื่นที่อนุมานไปได้ในแบบอื่นบ้าง ซึ่งมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาเลย

ไม่ใช่ว่าเซี่ยจื่ออี้ชอบยืมมือคนอื่นฆ่าคนและเพลิดเพลินกับผลประโยชน์งั้นเหรอ?

เธอจะทำให้เซี่ยจื่ออี้ได้ลิ้มรสในวิธีการเดียวกันนี้ ให้ได้สำนึกว่าคนฉลาดไม่ได้มีแค่ตัวเองฝ่ายเดียว!

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

Score 10
Status: Completed
หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ประสบอุบัติตุจนเสียชีวิต และเธอก็ได้ย้อนไปตอนที่เธออายุ 21 ปี ...ลับมาครั้งนี้เธอจะไม่ยอมหย่ากับเสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธออีกเด็ดขาด! เรื่องย่อ หลังจากหย่าร้างกับอดีตสามีมาสิบปี เชี่ยชิงหยวนก็ได้ช่วยเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้จนประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ปีแล้วปีเล่าผ่านไป เสิ่นอี้โจวดีตสามีของเธอก็มักจะมายี่ยมหลุมศพของเธอประจำ เธอในร่างวิญญาณออกปากไล่เขาทุกครั้งต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ยิน เขาจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร ว่าเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้าง แต่แล้วเธอก็ได้ย้อนกลับมาใน ในวันที่เธออายุ 21 ปี แลยังไม่ได้หย่าขาดกับเสิ่นอี้โจว ในเมื่อเธอได้โอกาสอีกครั้งนี้ เธอจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ครั้งนี้เธอจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเสิ่นอื้โจวได้จงได้

Options

not work with dark mode
Reset