บทที่ 345 ไปพบแพทย์
บทที่ 345 ไปพบแพทย์
คุณนายหยวนถอนหายใจ “ใช่ค่ะ ทั้งสองคนก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ ซูอวี้มีนิสัยเอาแต่ใจและจื่ออี้ก็ดูเรียบร้อยใจเย็น ทุกครั้งที่มีปัญหา จื่ออี้จะเป็นคนที่เกลี้ยกล่อมเธอเสมอ”
จริงเหรอ?
มุมปากของเซี่ยชิงหยวนโค้งขึ้น และคุณนายหยวนพูดต่อ “ทั้งสองมีบุคลิกที่แตกต่างกันมาก และยังมีความแตกต่างในทุกด้าน เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ ที่ทั้งสองคนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีมานานขนาดนี้”
คุณนายหยวนไม่ได้สังเกตท่าทางของเซี่ยชิงหยวนเลยว่ากำลังพยายามหลอกให้เธอพูดออกมาโดยทำให้เหมือนเป็นการพูดคุยทั่วไป “แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความขัดแย้งกันเลยนะ มันเป็นเพียงแค่พวกเธอไม่ค่อยได้มีปัญหากันหรือจะมีก็แค่นาน ๆ ครั้ง ตั้งแต่ทั้งสองคนเติบโตขึ้น นอกเหนือจากเรื่องของเด็กผู้ชายในโรงเรียนมัธยมแล้ว พวกเธอก็ไม่เคยทะเลาะกันมานานขนาดนี้มาก่อนเลยน่ะ”
เมื่อพูดประโยคนี้ คุณนายหยวนก็ทำหน้าตาเหมือนเพิ่งได้สติ
เธอมองไปที่เซี่ยชิงหยวนอย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนดูเฉยเมยและจิบชาบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าแค่ฟังคำพูดของเธออย่างเพลินเพลิดเท่านั้น
หากหัวข้อจบลงกะทันหัน แสดงว่าเป็นการจงใจ
เธอตั้งใจที่จะสร้างมิตรภาพที่ดีกับเซี่ยชิงหยวน และเป็นเรื่องปกติที่เธอก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้
ยิ่งกว่านั้น เธอรู้สึกว่าเซี่ยชิงหยวนไม่ใช่พวกคนที่ชอบซุบซิบนินทาเหล่านั้น ดังนั้นจึงไม่เสียหายที่เธอจะรู้เรื่องนี้
จากนั้นคุณนายหยวนก็พูดต่อ “ฉันได้ยินเรื่องที่ตาเฒ่าหยวนของฉันพูดอยู่เหมือนกันค่ะ ตอนที่พวกเธออยู่มัธยมปลาย ซูอวี้ตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง ในตอนแรกมันก็ดี แต่ตอนหลังเด็กผู้ชายคนนั้นกลับไปตกหลุมรักจื่ออี้ พอซูอวี้รู้เรื่องนี้เธอก็รู้สึกแย่มากและเลิกคุยกับจื่ออี้ทันทีเลย และการทะเลาะกันก็ค่อนข้างรุนแรงด้วย”
“ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอจัดการกันยังไงในภายหลัง แต่ทั้งสองใช้เวลานานมากกว่าจะคืนดีกันอยู่ค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดเลยว่าการคุยกับคุณนายหยวนวันนี้จะได้รู้เรื่องแบบนี้เข้าให้
เซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง!
เธอยิ้มและเห็นด้วย “อาจเป็นครั้งแรกที่คุณฉินชอบใครสักคนจริง ๆ ก็ได้ค่ะ แต่เด็กผู้ชายคนนั้นกลับไปชอบเพื่อนสนิทของเธอแทน เธอคงรู้สึกเหมือนถูกทรยศ”
คุณนายหยวนเบ้ปากแล้วยิ้ม “ขนาดฉันที่เป็นหญิงชราแล้วยังไม่อาจหยั่งรู้ได้ถึงความคิดของเด็กสาวเหล่านั้นเลยนะคะเนี่ย”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่ค่ะ ตราบใดที่เด็กชายคนนั้นไม่ปรากฏตัวอีก พวกเธอก็ไม่น่าจะทะเลาะกันอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ”
ทันทีที่เซี่ยชิงหยวนพูดแบบนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณนายหยวนก็หยุดชั่วคราว
เธอเอ่ยอย่างกังวล “คุณอย่าพูดออกไปนะคะ เด็กชายคนนั้นถูกย้ายไปยังหน่วยของจื่ออี้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองน่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มแล้วพูดอย่างใจเย็น “โอ้ แล้วคุณฉินรู้ด้วยไหมคะ?”
คุณนายหยวนขมวดคิ้ว “ฉันเกรงว่าเธอจะยังไม่รู้นะคะ”
เธอรู้สึกลำบากใจว่าควรบอกหยวนหงหลี่เพื่อให้เขาเตรียมตัวล่วงหน้าหรือไม่
ไม่เช่นนั้นก็คงเหมือนเหตุการณ์ครั้งก่อน ๆ หยวนหงหลี่และผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบ
ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิด เซี่ยชิงหยวนก็ตบหลังมือเพื่อปลอบใจ “คุณไม่ต้องกังวลมากเกินไปหรอกค่ะ เมื่อก่อนพวกเขายังเด็กและใสซื่อ แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ต่อให้พวกเขามีปัญหาร้ายแรงในใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งต่าง ๆ เหมือนเมื่อก่อนได้ นอกจากนี้เลขาธิการหยวนคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วด้วย”
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวน คุณนายหยวนก็คลายความรู้สึกวิตกกังวล
และข้อเท็จจริงก็เหมือนกับที่เซี่ยชิงหยวนกล่าว หยวนหงหลี่เชื่อว่าหลังจากตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉินซูอวี้กับเซี่ยจื่ออี้ไม่น่าจะทะเลาะกันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วเพราะผู้ชายคนเดียวจากอดีตตอนเด็ก
แต่นั่นคือสิ่งที่เซี่ยชิงหยวนต้องการ!
ถ้าเซี่ยจื่ออี้บอกฉินซูอวี้เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่วงหน้ามันก็คงไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่ถ้าฉินซูอวี้เป็นคนสุดท้ายที่รู้ มันเป็นเรื่องยากที่เซี่ยจื่ออี้กับฉินซูอวี้จะไม่ทะเลาะกัน
ความเข้าใจของเซี่ยชิงหยวน ตามนิสัยของเซี่ยจื่ออี้ เธอคงจะไม่บอกฉินซูอวี้อย่างแน่นอน
หรือแม้เซี่ยจื่ออี้จะบอก เธอก็จะรอจนกว่าผู้ชายคนนั้นตกหลุมรักเธออีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพาเขาออกมาเดินด้วยกันอย่างเปิดเผย
ตอนนี้มีความขัดแย้งระหว่างทั้งสองแล้ว หากในเวลานี้ได้รับยาแรง ๆ อีกสักหน่อย สถานการณ์ก็จะยิ่งดิ่งลงเท่านั้น
ในเวลานั้นความผิดกก็จะอยู่ที่เซี่ยจื่ออี้ที่ชอบเอาแต่ใจเกินไป
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที
…
ทว่าก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะได้ข่าวว่าทั้งสองทะเลาะกัน เธอก็ได้ยินข่าวลือที่รุนแรงเกี่ยวกับตัวเองแล้ว
เธอกลับบ้านและเอนกายบนโซฟา ฟังสิ่งที่ป้าอู๋รู้มาจากขี้ปากของพวกคนละแวกบ้าน
“มีข่าวลือว่าภรรยากับสามีแต่งงานกันมาสองปีแล้วยังไม่มีลูก ดังนั้นคนเป็นภรรยาจะต้องมีปัญหาเรื่องท้องยากแน่นอน แถมยังบอกอีกว่าภรรยาก็เป็นแค่แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ ไม่ว่าจะหาเงินได้มากเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์ถ้าไม่มีลูกอยู่ข้าง ๆ …”
พอพูดถึงท่อนสุดท้าย ป้าอู๋ก็กระอักกระอ่วนนิดหน่อยที่จะพูดออกมา “มีคนบอกด้วยว่าสาเหตุที่ภรรยาไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้เพราะเธอเคยประพฤติตัวไม่ดีในอดีต และเคยมีเรื่องเน่าเฟะมาแล้วค่ะ…”
ในตอนท้ายของประโยค ป้าอู๋พูดเสียงเบาลง ก้มหน้าลงแทบจะซุกหัวลงที่อกตัวเอง
เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับเซี่ยชิงหยวน เธอคิดว่าเซี่ยชิงหยวนจะต้องโกรธมาก แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้านายของเธอจะสงบได้ขนาดนี้
เธอเงยหน้าขึ้นมองดูเซี่ยชิงหยวน และพบว่าเจ้านายของเธอยังคงรักษาท่าทางเช่นเดิมด้วยสีหน้าเกียจคร้าน ยกเว้น…ดวงตาที่ค่อย ๆ เย็นชามากขึ้น
เซี่ยชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความโกรธ เธอพลางเดาะลิ้น “เซี่ยจื่ออี้คนนี้คงอดใจไม่ไหวแล้วจริง ๆ สินะ”
ป้าอู๋พบว่าดูเหมือนเธอจะได้ยินความลับอันยิ่งใหญ่บางอย่างเข้า
เซี่ยชิงหยวนยิ้มออกมา “ป้าอู๋ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ป้าอู๋ตกตะลึงและพูดว่า “คุณนายคะ พวกเขากำลังสร้างข่าวลือที่ไม่มีมูลแบบนี้ เราต้องบอกคุณผู้ชายไหมคะ?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัว “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เขาเองก็น่าจะได้ยินเรื่องนี้แล้วเหมือนกัน”
ข่าวลือที่เซี่ยจื่ออี้สร้างขึ้นคงจะไม่ได้แพร่กระจายแค่บริเวณที่พักอาศัยแน่
ป้าอู๋อดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับเซี่ยชิงหยวน ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ผู้ชายให้ความสำคัญมากที่สุดคือความภักดีของผู้หญิง และความสามารถของเธอในการสืบเชื้อสายครอบครัวให้เขา
เซี่ยชิงหยวนเคยเจอกับเรื่องเช่นนี้หลายครั้งแล้วในอดีต เธอค่อนข้างคุ้นเคยกับมันดี
ทว่ามันคงดูไม่ปกติสำหรับเธอที่จะไม่ต่อสู้กลับไปบ้าง หญิงสาวโบกมือให้ป้าอู๋ “ป้าอู๋คะ มีบางอย่างที่ฉันต้องรบกวนป้าหน่อยค่ะ”
ป้าอู๋โน้มตัวเข้าหา และเซี่ยชิงหยวนพูดที่ข้างหูของอีกฝ่าย
เมื่อดวงตาของป้าอู๋เบิกกว้าง เซี่ยชิงหยวนก็พยักหน้าให้ “แค่ทำอย่างนี้ก็พอค่ะ”
ไฟแห่งการต่อสู้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของป้าอู๋ และในที่สุดเธอก็พยักหน้า “คุณนายไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันจะทำมันให้ดีที่สุดเลยค่ะ!”
เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับมาในตอนเย็น เขาก็ไปที่ห้องนอนเพื่อพบเซี่ยชิงหยวน
พอเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังมองที่ภาพวาดการตกแต่งร้านด้วยสีหน้านิ่งสงบ หัวใจของเขาก็ผ่อนคลายลงไป
เขาเดินเข้ามากอดภรรยาจากด้านหลัง “วันนี้คุณทำอะไรบ้างน่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนเอนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า “ยุ่งอยู่กับเรื่องของร้านตรอกเก่าน่ะ แล้วก็เอาอาหารไปให้ฉีจิ่นจือตอนเที่ยง”
เธอหยุดชั่วคราว “ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลฉันเจอกับเซี่ยจื่ออี้ด้วยนะ และฉันก็พูดกับเธออย่างไม่อ้อมค้อมเลย”
เสิ่นอี้โจวเข้าใจทันทีว่าข่าวลือที่เริ่มแพร่กระจายในบ่ายวันนี้อาจเกี่ยวข้องกับเซี่ยจื่ออี้
เขาจับไหล่ของเซี่ยชิงหยวน พลันให้เธอหันหน้าเข้าหาเขาแล้วถามอย่างระมัดระวัง “คุณได้ยินข่าวลืออะไรไหม?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ได้ยินแล้ว”
เสิ่นอี้โจวถอนหายใจในใจ “มันเป็นความผิดของผมเอง”
สมองของเซี่ยชิงหยวนประมวลผลไม่ทัน “หะ?”
เสิ่นอี้โจวพูดว่า “ถ้าผมยอดเยี่ยมกว่านี้ บางทีคุณอาจจะท้องไปนานแล้ว”
เขาพูดอีกครั้งอย่างจริงจังมาก “ชิงหยวน ผมไปโรงพยาบาลแผนกบุรุษวิทยาดีไหม?”
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนเบิกกว้างทันที “คุณเป็นแบบนี้แล้วยังอยากไปแผนกบุรุษวิทยาอีกเหรอ? คุณอยากให้ฉันเหนื่อยจนตายรึไง?”
เขาใช่คนที่ ‘อ่อนแอ’ ในเรื่องนั้นที่ไหนกันล่ะ?
เสิ่นอี้โจวพยักหน้าอย่างจริงจัง “บางทีคุณภาพอาจไม่สูงพอ”
เซี่ยชิงหยวนอยากจะวิ่งหนีทันทีที่ได้ยิน
เธอตบไหล่เสิ่นอี้โจว “คุณมีความสามารถมากแล้ว คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเองสิ”
ในชีวิตก่อนหน้านี้ พวกเขาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลและเสิ่นอี้โจวก็แข็งแรงดี
เสิ่นอี้โจวคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “จากนี้ไปคุณช่วยตุ๋นตัวเดียวอันเดียวทุกวันทีนะ จากนั้นในช่วงตกไข่เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำงานหนักทุกวัน”
เขาหยุดชั่วคราว “สำหรับสิ่งที่คนภายนอกลือกัน ผมจะจัดการมันเอง”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าปัญหาภายใต้การสนทนากำลังดำเนินไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ
เธออดไม่ได้ที่จะคว้าหูของเสิ่นอี้โจว “คุณกำลังคิดอะไรอยู่? คุณคิดจะบอกคนอื่นว่าคุณไม่สามารถมีลูกได้เองใช่ไหม? แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งฉันกลับท้องขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง คนอื่นจะไม่หาว่าท้องกับคนอื่นหรอกเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวมองดูเธอ “คุณไม่ทำอยู่แล้วใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนคว้าหูอีกข้างของเขาแรงขึ้น “ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าฉันทำหรือไม่ทำ แต่ทำไมเราถึงต้องถูกคนอื่นชักจูงด้วยล่ะ?”
เสิ่นอี้โจวทั้งสับสนและกังวล เขาเพิกเฉยต่อคำถามของเซี่ยชิงหยวน และไม่ได้ตอบคำถามของเธอโดยตรง
เขาพูดว่า “อันที่จริง เรื่องหลักที่ผมกังวลคือกลัวว่าคุณจะเสียใจ และผมต้องการใช้วิธีที่ง่ายที่สุดในการหยุดปากของพวกเขา แต่ถ้าหากคุณต้องการกำจัดความกังวลพวกนี้ ผมก็มีวิธีเสนอนะ”
เซี่ยชิงหยวนมองเขาอย่างตื่นเต้น “ต้องทำยังไงบ้าง?”