บทที่ 333 หมายความว่ายังไง
บทที่ 333 หมายความว่ายังไง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกะทันหันจนไม่มีใครคาดคิด
คนที่เหลืออยู่ห่างไกลและทำได้เพียงเฝ้าดูฉินซูอวี้ตกลงไปในนาข้าวเท่านั้น
มีคนสองสามคนจากกลุ่มของฉีหยวนซานที่เดินอยู่ข้างหน้า เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงอุทานและหันกลับมา พวกเขาก็เห็นฉินซูอวี้นอนหงายหลังในนาข้าวแล้ว
เสิ่นอี้หลินมองย้อนกลับไป และตกใจมากจนไม่กล้าขยับตัว
เขาไปชนใครเข้าหรือเปล่า?
เด็กชายกลัวมากจนมองเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยชิงหยวนรีบเก็บสีหน้าประหลาดใจ และยื่นมือไปทางเสิ่นอี้หลิน “มาหาพี่สะใภ้นี่มา”
เสิ่นอี้โจวขมวดคิ้วและพยักหน้าไปทางน้องชาย
ความกังวลและความกลัวส่วนใหญ่ของเสิ่นอี้หลินหายไปทันที เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วโถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวมองหน้ากัน และเสิ่นอี้โจวก็พูดว่า “ผมจะไปช่วยคนก่อนนะ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “อื้ม”
นอกเหนือจากบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว เธอและเสิ่นอี้โจวยังอยู่ใกล้ที่สุดด้วย
เมื่อกี้พวกเขากำลังพูดคุยและมองไปที่เสิ่นอี้หลิน แต่เมื่อเซี่ยจื่ออี้กับฉินซูอวี้บังเอิญผ่านมา ทั้งสองกลับมองไปทางอื่นพอดี
คลาดสายตาเพียงไม่กี่วินาที ก็มีเรื่องเกิดขึ้นซะแล้ว
แต่ทั้งคู่เชื่อใจเสิ่นอี้หลิน เขาไม่ใช่เด็กที่ประมาท
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็มืดลง
หรือว่าอีกฝ่ายมีความคิดที่ชั่วร้ายจนลามไปถึงเด็ก?
เมื่อฉินซูอวี้ตระหนักได้ถึงสถานการณ์ที่เกิด เธอก็นอนหงายอยู่ในดินนาข้าวแล้ว
เสื้อผ้าของเธอเปียกและเต็มไปด้วยดินโคลน
หญิงสาวพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นยืน แต่เมื่อลุกขึ้นได้แล้วก็พบว่าทั้งเท้าของเธอจมอยู่ในโคลนหนึบ จนไม่สามารถขยับได้
ฉินซูอวี้เกือบร้องไห้!
เซี่ยจื่ออี้ยืนอยู่บนคันนาด้วยสีหน้ากังวล พลางเอื้อมมือออกไปหาฉินซูอวี้เพื่อจะช่วยดึงออกมา “ซูอวี้ รอก่อนนะ ฉันจะดึงเธอขึ้นมาเอง”
เซี่ยชิงหยวนมองอย่างเย็นชาไปยังเซี่ยจื่ออี้ที่กำลังทำหน้าตากังวลอย่างหนัก แต่เธอก็ไม่ได้คิดที่จะช่วยเหลือฉินซูอวี้มากนัก
ในเวลานี้เสิ่นอี้โจวก้าวไปด้านข้างของเซี่ยจื่ออี้แล้ว ตามมาด้วยฉู่ซิงอวี่และคนอื่น ๆ ก็มาทางนี้เช่นกัน
เสิ่นอี้โจวโบกมือให้เซี่ยจื่ออี้หลีกทาง “ผมทำเอง”
ขณะที่พูดอย่างนั้น เขาก็โยนฟางแห้งที่ชาวบ้านตัดทิ้งไว้แถวนั้นลงไปในนา เหยียบมันแล้วยื่นมือไปทางฉินซูอวี้
ฉู่ซิงอวี่ยังเลียนแบบเสิ่นอี้โจว และเหยียบบนฟางแห้งเพื่อดึงฉินซูอวี้
นับตั้งแต่ช่วงเวลานั้นในเมืองเตียนเฉิง ฉินซูอวี้และเสิ่นอี้โจวไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย
ฉินซูอวี้รู้สึกประหลาดใจระคนอับอาย กับการที่เสิ่นอี้โจวมาช่วยดึงเธอในเวลานี้ โดยไม่นึกสงสัยว่าทำไมเธอถึงตกน้ำ
สถานการณ์ปัจจุบันไม่อำนวยให้เธอคิดมากนัก หญิงสาวไม่ลังเลที่จะเอื้อมมือไปหาเสิ่นอี้โจวและฉู่ซิงอวี่
ชายทั้งสองจับมือของฉินซูอวี้ และช่วยกันดึงเธอออกจากโคลน
เฉินหลี่ก็รีบวิ่งมาเช่นกัน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินซูอวี้มองดูสภาพที่น่าอายของเธอแล้วตะโกน “แม่…”
ใบหน้าของเฉินหลี่แย่มาก เธอประคองฉินซูอวี้ไว้ในอ้อมแขน มองดูคนอื่น ๆ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ตั้งคำถาม “ทำไมซูอวี้ถึงตกลงไปในนาแบบนี้?”
“ป้าหลี่คะ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของหนูเองค่ะ” เซี่ยจื่ออี้พูดขึ้น
เธอทำหน้าตาเหมือนคนทำผิด แต่กลับเหลือบมองไปทางเซี่ยชิงหยวนและพูดต่อ “เมื่อกี้หนูถูกชนจนเสียการทรงตัว ดังนั้นซูอวี้จึงตกลงไปในนาน่ะค่ะ”
ฉินซูอวี้เหลือบมองเซี่ยจื่ออี้อย่างเกลียดชัง จากนั้นฝังศีรษะให้อยู่ในอ้อมแขนของเฉินหลี่ พยายามกระตุกแขนเสื้อแม่ให้พาเธอออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ในความคิดของเธอ ไม่ว่าใครจะชนเซี่ยจื่ออี้ แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนที่ทำให้เธอตกลงไปในนาโดยตรง
หากเธอยังคงอยู่ที่นี่ต่อไปท่ามกลางความสนใจของทุกคน มันคงน่าอึดอัดเหมือนกับการถูกย่างบนกองไฟ
ทุกคนรอบ ๆ เห็นสายตาของเซี่ยจื่ออี้
พวกเขามองตามเซี่ยจื่ออี้ และสบตาไปที่เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้หลินที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ
เซี่ยชิงหยวนดูสงบมาก ในขณะที่เสิ่นอี้หลินดูหวาดกลัว ดังนั้นพวกเขาจึงเดาได้
แต่เฉินหลี่ไม่ได้คิดถึงปัญหาของฉินซูอวี้
เธอมุ่งความสนใจไปที่การทวงหาความยุติธรรมให้กับลูกสาวเท่านั้น “คุณนายเสิ่น คุณมีอะไรจะอธิบายไหม?”
คิ้วของเธอเลิกขึ้น และใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ มันเป็นการแสดงอย่างชัดเจนว่าเธอต้องการให้เซี่ยชิงหยวนรับผิดชอบ
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเสิ่นอี้หลินแข็งค้างไป
เธอตบปลอบเสิ่นอี้หลินเบา ๆ แล้วพูดว่า “คุณเซี่ยบอกอย่างชัดเจนแล้วนี่คะว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคือคนที่ทำให้คุณฉินตกลงไปในนา”
เฉินหลี่ไม่คาดคิดเลยว่าเซี่ยชิงหยวนจะพูดเฉพาะส่วนที่เซี่ยจื่ออี้พูดออกมาเท่านั้น!
ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน
คุณนายเสิ่นคิดจะหลบกระสุนแบบนี้เลยเหรอ?
คู่พ่อลูกฉีหยวนซานและฉีจิ่นจือมีท่าทีคล้ายกัน พวกเขาเฝ้าดูเซี่ยชิงหยวนด้วยความสนใจ
เฉินหลี่สำลักด้วยความโกรธกับคำพูดของเซี่ยชิงหยวน
เธอหายใจเข้าแล้วพูดว่า “คุณพูดตัดหัวตัดหางเรื่องราวแบบนี้ได้ยังไงคะ? จื่ออี้พูดอย่างชัดเจนว่าเธอถูกใครบางคนชน และนั่นทำให้เธอชนซูอวี้โดยบังเอิญ ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับจื่ออี้อยู่แล้ว!”
ในมุมมองของเฉินหลี่ เซี่ยจื่ออี้คือคนที่อ่อนโยนและใจดี มีน้ำใจมากกว่าฉินซูอวี้ลูกสาวแท้ ๆ ของเธอด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าเธอไม่สงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เซี่ยจื่ออี้พูดเลยสักนิด
และเธอก็เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าเซี่ยจื่ออี้กับลูกสาวของเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจงใจทำร้ายกันเองแบบนี้
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มอย่างใจเย็น
เธอพูดเหน็บแนม “คุณนายฉินคะ ในเมื่อคุณเพิ่งพูดว่าคุณเซี่ยชนเข้ากับคุณฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ หากเป็นกรณีแบบนี้แล้วสามารถบอกได้ว่าคุณเซี่ยไม่ได้ตั้งใจทำ แล้วทำไมคนที่ชนคุณเซี่ยโดยไม่ตั้งใจต้องถูกตำหนิด้วย? ในเมื่อทุกคนต่างก็ไม่ได้ตั้งใจกันทั้งนั้น การที่คุณนายฉินตำหนิเด็กแทนที่จะตำหนิผู้ใหญ่แบบนี้มันยุติธรรมเหรอคะ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน ทุกคนก็มองดูเฉินหลี่โดยไม่รู้ตัว
พวกเขาทั้งหมดเป็นแค่ผู้รับชม อย่างมากที่สุดหากเรื่องราวบานปลายเกินไปพวกเขาจะทำหน้าที่เป็นคนไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายเอง ทว่าการกระทำของเฉินหลี่นั้นดูจงใจพุ่งเป้าอย่างชัดเจนเกินไปจริง ๆ ซึ่งมันอยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน
เสิ่นอี้โจวก็พูดขึ้นเช่นกัน “น้องชายของผมยืนอยู่ข้างทาง กำลังเก็บดอกไม้และบังเอิญชนเข้ากับคุณเซี่ย ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น น้องชายของผมยังเด็กและไม่รู้ประสีประสา ในฐานะพี่ชายผมจะชดใช้แทนเขาให้เองครับ”
แม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ แต่ก็ไม่มีสีหน้าขอโทษเลย
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็หรี่ตาลง
เสิ่นอี้หลินไม่ใช่เด็กร่างใหญ่หรือแข็งแรงมากนัก เด็กคนนี้จะมีแรงมากจนถึงขนาดกระแทกใครสักคนลงนาข้าวได้เลยเหรอ?
จากนั้นพวกเขานึกถึงชุดที่เซี่ยจื่ออี้กับฉินซูอวี้ใส่ในวันนี้ ดวงตาของพวกเขาจ้องมองไปยังร่างกายของพวกเธออยู่พักหนึ่ง และพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลก
เฉินหลี่ไม่ได้โง่ขนาดนั้น เธอค่อย ๆ รู้สึกตัวหลังจากได้ยินคำพูดของเสิ่นอี้โจว
แต่การที่เธอสงสัยเซี่ยจื่ออี้ นั่นเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับ
ยิ่งไปกว่านั้น เธอนึกถึงเหตุผลไม่ออกได้ว่าทำไมเซี่ยจื่ออี้ถึงทำแบบนี้
เซี่ยจื่ออี้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของเฉินหลี่และหลั่งน้ำตาก่อนที่จะพูดอะไร
เธอมองไปยังเสิ่นอี้โจวเหมือนว่าคับข้องใจอย่างยิ่งและพูดว่า “เลขาธิการเสิ่น คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ!”
————————————