บทที่ 326 เสี่ยวโจวเอ๋อเข้าใจไหม?
บทที่ 326 เสี่ยวโจวเอ๋อเข้าใจไหม?
เมื่อเสิ่นอี้โจวกลับมาจากการเข้าสังคมในตอนเย็น เซี่ยชิงหยวนก็กำลังนอนอยู่บนเตียง มองสมุดบัญชีที่อยู่ตรงหน้าพลางพึมพำอะไรบางอย่างในปากของเธอ จากนั้นมือข้างหนึ่งก็จับผมยาวแล้วส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ
เสียงของเสิ่นอี้โจวปิดประตูทำให้เซี่ยชิงหยวนตกใจ เสียงในลำคอของเธอหยุดทันที และไม่รู้ว่าควรทำต่อดีไหม
เมื่อเห็นเธอแบบนี้ เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่คิดว่าช่างน่าสนใจ
เขาปลดกระดุมปกเสื้อ ขยับคอเสื้อแล้วเดินเข้าหาภรรยา “เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรที่ทำให้คุณ…อารมณ์ไม่ดีเหรอ?”
เขาแก้ไขคำพูดเพื่อทำให้เซี่ยชิงหยวนเขินอายน้อยลง
เซี่ยชิงหยวนชี้ไปยังบัญชีที่เธอเพิ่งคำนวณเสร็จ และเม้มริมฝีปาก “เงินฉันจะหมดแล้ว”
เสิ่นอี้โจวหยิบมันขึ้นมาแล้วมองดู หน้าอันเคร่งขรึมของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณได้ร้านที่ต้องการแล้วเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่”
จากนั้นเซี่ยชิงหยวนก็ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าลำบากใจ “แต่ค่าเช่าอย่างเดียวก็ทำให้ฉันใช้จ่ายหลายพันแล้วเนี่ย”
เธอพูดด้วยความหงุดหงิด “เดี๋ยวพอฉันรวยเมื่อไหร่ ฉันจะซื้อร้านค้าพวกนี้ทั้งหมดเลย”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “นั่นเป็นความคิดที่ดีนะ หากเงื่อนไขเอื้ออำนวย ก็เป็นไปได้ที่จะสร้างบ้านใกล้ใจกลางเมืองหลวงด้วย”
เซี่ยชิงหยวนยกนิ้วให้เสิ่นอี้โจว “คุณมีเป้าหมายที่ดีมากนะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้มอีกครั้ง “นี่ไม่ใช่วิธีแบบเดียวกับการหาเงินของคุณเหรอ?”
ระบบจัดสรรที่อยู่อาศัยแบบสวัสดิการเดิมที่แทบไม่มีค่าเช่าเลย ตอนนี้เริ่มไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของคนสมัยใหม่ได้ ในช่วงทศวรรษ 1980 ประเทศได้ออกนโยบายเพื่อให้ชาวเมืองสามารถซื้อบ้านได้
เมื่อเทียบกับมณฑลอื่น ๆ ในประเทศจีน ปัญหาที่อยู่อาศัยในมณฑลยูนนานค่อนข้างตึงเครียดน้อยกว่า ตราบใดที่คุณมีแนวคิดในเรื่องนี้ คุณจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่มีค่ามากขึ้นได้
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “เป็นเรื่องดีที่จะซื้อไว้สักสองสามที่แล้วเก็บไว้นะ”
น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ไม่อย่างนั้นเธออาจได้รับโชคลาภจากการอยู่เหนือสายลมฤดูใบไม้ผลินี้ก็ได้
เธอยื่นมือไปทางเสิ่นอี้โจว “แต่ฉันไม่มีเงินน่ะสิ”
ทองคำแท่งที่เธอนำออกมาจากหมู่บ้านซีสุ่ยยังคงถูกเก็บไว้ในธนาคาร ต่อมาเธอกับอาเซียงขายเสื้อผ้าบางส่วนและมีเงินทั้งหมดหนึ่งหมื่นแปดพันหยวน
ล่าสุดเธอเพิ่งเช่าร้านและใช้เงินไปประมาณสี่พันหยวน
ยิ่งไปกว่านั้น การตกแต่งและการซื้อสินค้าหลังจากนั้นก็เป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “ผมมีเงินอยู่กับตัวสองพันหยวน พรุ่งนี้ผมจะให้คุณนะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เซี่ยชิงหยวนก็เบิกตากว้าง “คุณมีเงินมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”
เสิ่นอี้โจวกล่าวว่า “เพราะเรื่องฝูเถียนที่เกิดล่าสุดยังไงล่ะ ผมได้เงินพิเศษจากผลงานที่จ่ายโดยเบื้องบน และมันก็รวมกับเงินเก็บของผมที่ได้มาจากเงินเดือนตามปกติ ก็แค่นั้นแหละ”
เซี่ยชิงหยวนมีความสุขมาก “เลขาธิการเสิ่นเก็บเงินนั้นไว้เป็นเงินเก็บของคุณเองเถอะค่ะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “คุณไม่ต้องการมันเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ตอนนี้ไม่จำเป็นหรอก ฉันแค่ถอนหายใจว่าในเพียงไม่กี่วันฉันก็ใช้เงินหมดไปเท่านี้แล้วน่ะ”
แต่ถึงยังไง เงินทั้งหมดนั้นก็คือเงินที่เธอได้มาจากการทำงานหนัก
ฝ่ามือใหญ่ของเสิ่นอี้โจวแตะบริเวญหลังสะโพกของเธอ ขณะที่เขาโน้มตัวเข้าหา เธอก็รู้สึกถึงสัมผัสเบา ๆ
ชุดนอนผ้าไหมที่เธอสวมนั้นเรียบลื่น ทั้งยังให้ความรู้สึกเย็นสบาย ซึ่งช่วยคลายความร้อนผ่าวบนฝ่ามือที่ของเขาได้ดี
ชายหนุ่มลูบปลายจมูกของเธอ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คนรักเงินตัวน้อยของผม”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและปัดมือของเขาออกไป “ฉันมุ่งมั่นที่จะทำเงินให้ได้มากมายต่างหากล่ะ”
เธอลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วไปนั่งคุกเข่าบนเตียง จากนั้นยื่นมือออกไปข้างหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่เกินจริง “ความทะเยอทะยานของฉันออกจะสูงส่ง ฉันจะมัวมายึดติดกับโลกใบเล็กนี้ได้ยังไง?”
เธอหันไปหาเสิ่นอี้โจวอีกครั้ง และใช้นิ้วเชยคางของเขาขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “เอาละ เสี่ยวโจวเอ๋อ เก็บดอกไม้และต้นไม้ของคุณทิ้งไปซะเถอะ อย่ามาทำให้ฉันต้องกังวลกับสิ่งที่ไม่จำเป็นพวกนี้ เข้าใจไหม?”
เสิ่นอี้โจวยืนขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของเธอ และเซี่ยชิงหยวนก็เปลี่ยนจากการมองลงที่เขา เปลี่ยนเป็นเงยหน้ามองแทน
ถึงกระนั้น มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับความดุดันขณะที่เธอพูดคำเหล่านี้
เขาไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับเธอเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นก็พูดด้วยดวงตาที่ชวนค้นหา “ผมเข้าใจแล้วครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พอใจอย่างมาก
เธอตบไหล่เสิ่นอี้โจวแล้วพูดว่า “จากนี้ไปฉันจะหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ส่วนคุณก็รับผิดชอบในเรื่องความสวยงามของตัวเองให้เป็นราวกับดอกไม้ไปนะ”
เสิ่นอี้โจวเลิกคิ้ว “สวย…งามราวกับดอกไม้?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ใช่”
จากนั้นเธอก็มองเสิ่นอี้โจวจากบนสู่ล่าง “คุณต้องสวยกว่าฉันสิ”
ทันทีที่เธอพูดจบ เสิ่นอี้โจวก็คว้าเอวของภรรยาแล้วดึงเข้ามาใกล้ทันที
ร่างกายของเธอชนเข้ากับหน้าอกอันแข็งแกร่งของเขา และถูกโอบกอดไว้ในอ้อมแขน
เซี่ยชิงหยวนไม่รู้ว่าทำไม จึงพยายามอยู่ครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้นมองเขา “หรือคุณคิดว่าตัวเองไม่สวย?”
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนพยายามขัดขืน เสื้อนอนผ้าไหมที่เธอสวมก็ยุ่งเหยิงเผยให้เห็นเนินอกขาวด้านซ้าย
เธอรู้ตัวช้าไป เพราะตอนนี้เสิ่นอี้โจวกำลังมองดูอยู่ หญิงสาวจึงรีบดึงเสื้อขึ้นทันที “คุณกำลังทำอะไรเนี่ย?”
เสิ่นอี้โจวยังคงไม่พูดอะไรและอุ้มเธอขึ้นมา
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนตบไหล่เขา “เสิ่นอี้โจว ปล่อยฉันลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เขาอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำ “ไปอาบน้ำกัน”
เซี่ยชิงหยวนตบหลังของเขา “ฉันอาบแล้ว ฉันสะอาดแล้ว!”
เสิ่นอี้โจว “ไม่เป็นไร อาบด้วยกันอีกรอบก็ได้”
…
ในตอนเช้า เสิ่นอี้โจวทิ้งคำพูดเอาไว้ว่า “คุณยังติดต่ออาจารย์ค่งเพื่อขอให้เขาไปตกแต่งร้านใหม่ตรงถนนหลินไห่ได้นะ เขาคือผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ เขาเป็นคนที่เก่งและมีความรู้มากมายเลย”
เซี่ยชิงหยวนคลุมตัวด้วยผ้าห่มแล้วตอบว่า “อืม!”
เมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็ดึกมาก จนเช้านี้เธอแทบไม่อยากตื่นแล้วด้วยซ้ำ
พอเห็นว่าถึงเวลาไปทำงานแล้ว เสิ่นอี้โจวก็อดใจไม่ได้ที่จะดึงเธอขึ้นจากเตียง และจูบภรรยาแรง ๆ พร้อมพูดว่า “ผมไปทำงานก่อนนะ เจอกันเย็นนี้”
จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องนอนไป
เซี่ยชิงหยวนลุกขึ้นจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงประตูปิด เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งและดึงคอเสื้อลงให้เห็นช่วงด้านล่างคอ
ฮึ่ม! เจ้าคนบ้าเถื่อนนี่เริ่มเอาใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ฝากรอยใต้คอให้เธอซะชัดเชียว!
เมื่อนึกถึงความวุ่นวายในห้องน้ำเมื่อคืนนี้ และลายนิ้วมือจำนวนนับไม่ถ้วนที่กดกับหน้ากระจกที่ขึ้นฝ้าหนา เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงก่ำ
เธอมองดูตัวเองในกระจก ผิวของเธอตอนนี้เป็นสีชมพู และดวงตาเต็มไปด้วยประกาย
ต้องยอมรับว่านี่เป็นผลงานจากยาจีนที่เธอและเสิ่นอี้โจวกินจริง ๆ
เธอตระหนักได้ว่าสภาพร่างกายของตัวเองเริ่มดีขึ้น และรู้สึกว่าทั้งเธอกับเสิ่นอี้โจวพร้อมแล้วทั้งทางร่างกายและจิตใจ
เธอหวังว่าจะตั้งท้องลูกของตัวเองในอนาคตอันใกล้นี้
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ หญิงสาวก็ลงไปชั้นล่างและนึกถึงเรื่องสำคัญที่ต้องถามป้าอู๋ได้ขึ้นมา
“ป้าอู๋คะ ร้านแม่สามีของฉันคงต้องการผู้ช่วย ฉันสงสัยว่าคุณพอจะแนะนำใครสักคนให้ได้ไหมคะ?”
ตอนอยู่ที่เตียนเฉิงเคยมีเจียงเพ่ยหลานอยู่ด้วย แต่ที่นี่หากเธอต้องการหาคนที่เหมาะสมในช่วงเวลาสั้น ๆ เธอคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าคำแนะนำของป้าอู๋แล้ว
อย่างน้อยจนถึงตอนนี้เธอก็พอใจกับทุกสิ่งที่ป้าอู๋ทำมาก
ป้าอู๋คิดสักพักแล้วพูดว่า “คุณนายคะ ฉันมีญาติห่าง ๆ คนหนึ่ง สามีของเธอจากไปนานแล้ว เหลือเพียงเธอและลูกสาวเท่านั้น หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้แต่งงานใหม่และทำงานรับจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั่วไปเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและลูกสาวน่ะค่ะ”
ป้าอู๋กลัวว่าเซี่ยชิงหยวนจะกังวลเรื่องสถานะแม่ม่ายจึงพูดต่อ “แม้เราจะเป็นญาติห่าง ๆ กัน แต่ครอบครัวของเราก็ยังติดต่อกับเธออยู่บ้าง เธอเป็นผู้ช่วยที่ดีในการทำงาน เธอทนงานหนักได้ดีมากและปากปิดสนิทไว้ใจได้ ถ้าคุณนายเห็นว่าเหมาะสม ฉันจะเรียกเธอมาให้ดูตัวก่อนค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มออกมา “ป้าอู๋อย่ากังวลไปเลยค่ะ ตั้งแต่ที่ฉันถาม ฉันก็เชื่อป้าอยู่แล้วค่ะ เอาแบบนี้ไหมคะ พรุ่งนี้ถ้าสะดวกก็ให้เธอไปที่ร้านตรงถนนคนเดิน แล้วฉันจะไปพบเธอที่นั่นค่ะ”