บทที่ 325 เจ้าของร้านที่ดูเหมือนได้พบสมบัติ
บทที่ 325 เจ้าของร้านที่ดูเหมือนได้พบสมบัติ
อู๋ฟ่างจำได้ว่าเซี่ยชิงหยวนเคยพูดก่อนหน้านี้ ว่าเธอต้องการเช่าร้านสองร้านที่เชื่อมต่อกันหรือร้านเดี่ยวที่มีพื้นที่มากกว่า 70 ตารางเมตร ซึ่งเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมันเท่าไหร่
เขาขอให้ป้าอู๋เรียกหาเซี่ยชิงหยวน และคิดว่าเธอจะเช่าเพียงร้านเดียว
พอได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ร้านค้าทั้งสองนี้มีพื้นที่รวมกันมากกว่าเจ็ดสิบตารางเมตรเลยนะครับ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและพูดว่า “ถูกต้อง และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะเช่ามันใช่ไหมล่ะ?”
“ร้านค้าสองร้านนี้อยู่ในทำเลที่ดีและคุ้มค่าเงิน แม้ค่าเช่าจะสูง แต่มันจะสามารถทำเงินกลับมาได้มากกว่าแน่นอน”
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวนแล้ว อู๋ฟ่างก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเธอ
เขาพยักหน้าอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ตกลงครับ ผมจะรีบไปคุยกับเจ้าของร้านให้”
เซี่ยชิงหยวนกับป้าอู๋เดินตามเข้าไป
เดิมทีเจ้าของร้านกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่จะสูญเสียรายได้ แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินจากอู๋ฟ่างว่ามีคนต้องการเช่าร้าน
เมื่อเขาเห็นเซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาอย่างสง่างามตามด้วยป้าอู๋และหลินตงซิ่ว เขาก็คิดว่าเธอต้องเป็นภรรยาของครอบครัวที่ร่ำรวยแน่นอน
เขาถามด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษนะครับ คุณผู้หญิงคือคนที่ต้องการเช่าร้านหรือเปล่าครับ?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า
“ใช่ค่ะ ถ้าราคาเหมาะสม ฉันอยากจะเช่าร้านทั้งสองนี้พร้อมกันเลยค่ะ”
คำพูดใหญ่โตของเซี่ยชิงหยวนทำให้ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง
เช่าพร้อมกันสองร้าน!
เจ้าของร้านมีความสุขมากเมื่อได้ยินแบบนี้
“เรื่องราคาเราคุยกันได้ง่าย ๆ เลยครับ”
ในที่สุดสองสาวที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากมีคนยินดีเช่าร้านนี้ ค่าเช่าที่จ่ายไปก็สามารถขอคืนจากเจ้าของร้านได้
เมื่อได้ยินสองคนเช่าเก่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก เจ้าของร้านก็จ้องมองพวกเขาอย่างตำหนิทันที
ในสัญญาเขียนอย่างชัดเจนแล้วว่าจะต้องจ่ายค่าเช่าทุก ๆ สองเดือน และจะต่ออายุสัญญาเช่าโดยอัตโนมัติหลังจากหนึ่งปี
หากต้องการยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนด ต้องแจ้งให้เจ้าของร้านทราบล่วงหน้าหนึ่งเดือน
แต่คนพวกนี้กลับยกเลิกสัญญาเช่าแบบกะทันหัน แถมยังขอให้คืนค่าเช่าให้ในช่วงใกล้ปีใหม่ ทำแบบนี้แล้วเขาจะไปหาผู้เช่าใหม่ได้ทันจากที่ไหนกัน?
อีกแค่สองเดือนก็จะถึงตรุษจีนแล้วนะ!
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ทำไมเราไม่ไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันล่ะคะ?”
เจ้าของร้านพยักหน้า “เชิญทางนี้ได้เลยครับ”
ทั้งสองเดินไปที่แคชเชียร์โดยรักษาระยะห่างจากคนอื่นสองหรือสามเมตร
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ฉันวางแผนที่จะเริ่มต้นธุรกิจเสื้อผ้า ฉันสามารถเซ็นสัญญาสามปีให้กับคุณได้เลยทันที ส่วนเงื่อนไขคือถ้าคุณต้องการบอกเลิกสัญญาเช่าของฉัน คุณต้องแจ้งมาก่อนล่วงหน้าสองเดือน ไม่อย่างนั้นไม่ใช่แค่คุณจะต้องคืนเงินค่าเช่าให้ฉันแล้ว คุณจะต้องจ่ายเงินค่าผิดสัญญาให้ฉันเพิ่มอีกเป็นมูลค่าเท่ากับค่าเช่าสามเดือนด้วยค่ะ”
ระยะเวลาสามปีเป็นแผนของเซี่ยชิงหยวนสำหรับธุรกิจเสื้อผ้าของเธอ
ในอีกสามปีข้างหน้า นอกจากธุรกิจร้านค้าที่เจริญรุ่งเรืองแล้ว เธอยังต้องใช้เงินที่ได้มาเปิดโรงงานเสื้อผ้าของเธอเองอีกด้วย
ใช่แล้ว เธอจะสร้างโรงงานเสื้อผ้าที่ผสมผสานทั้งการออกแบบ การผลิต และการขายเป็นของตัวเอง
ร้านค้าขนาดใหญ่เพียงแค่ให้เธอมีพื้นที่เพียงพอในการสร้างรายได้ก็เท่านั้น
เมื่อเจ้าของร้านได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น
นี่มันแตกต่างจากสองสะใภ้คนเช่าเก่าที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขาอย่างสิ้นเชิงเลย!
ยิ่งไปกว่านั้น ทัศนคติของเซี่ยชิงหยวนในการเซ็นสัญญาเช่าสามปีถือเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ
ทำธุรกิจมีทั้งกำไรและขาดทุน ถ้าค้าขายไม่ดีเซี่ยชิงหยวนจะไม่เสียเงินเปล่าเหรอ?
แต่ถึงอย่างนั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องกังวล
“เอาละ นั่นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนครับ” เขาพยักหน้าซ้ำ ๆ และพูดว่า “ในแง่ของค่าเช่า ร้านเดียวคือสองพันห้าร้อยหยวน และห้าพันหยวนสำหรับสองร้านครับ”
หลังจากได้ยินราคานี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เถ้าแก่คะ พวกเราไม่ต้องเจรจาให้ยืดยาวดีกว่า สี่พันห้าร้อยหยวนสำหรับสองร้าน และจ่ายค่าเช่าทุก ๆ หกเดือนตกลงไหมคะ?”
ต้องบอกว่าเงื่อนไขของเซี่ยชิงหยวนนั้นค่อนข้างน่าสนใจ ในครึ่งปีเก็บเงินก้อนเดียวได้ตั้งเยอะ ย่อมดีกว่าต้องให้เขามาเก็บค่าเช่าทุกสองเดือนบ่อย ๆ แต่ค่าเช่าที่จะได้นั้นก็น้อยกว่าห้าร้อยหยวนต่อปีเช่นกัน เขาจึงไม่แน่ใจอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อเห็นว่าเจ้าของร้านไม่พูดอะไร เซี่ยชิงหยวนก็กล่าวต่อ “ตอนนี้มันใกล้จะถึงช่วงหยุดปีใหม่แล้ว คงมีคนไม่กี่คนที่ต้องการจะมาเช่าร้านต่อ หากคุณไม่สามารถหาคนเช่าได้ในช่วงนี้ ผลขาดทุนรวมของทั้งสองร้านซึ่งน่าจะเป็นเวลาประมาณสองเดือนก็คงจะถึงหลายร้อยหยวนเลยนะคะ”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของเซี่ยชิงหยวน เจ้าของร้านก็เงยหน้าขึ้นและดูเหมือนจะตัดสินใจได้ “ตกลง! เพราะคุณจริงใจมากขนาดนี้ ดังนั้นผมจะให้คุณเช่า!”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณค่ะเถ้าแก่”
เจ้าของร้านถอนหายใจ “ผมชื่นชมคุณจริง ๆ คุณทั้งสวยและต่อรองเก่งมากเลย”
คำพูดของเขาไม่ใช่การดูถูกหรืออะไร แต่เพียงเพื่อแสดงว่าเขามองเธอผิดไปจริง ๆ
ท้ายที่สุดแล้วผู้หญิงที่ทั้งสวยและฉลาดนั้นหายาก
เซี่ยชิงหยวนยกยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันขอให้เราร่วมมือกันอย่างมีความสุขนะคะ”
ทั้งคู่เป็นคนทำอะไรรวดเร็ว และพูดคุยเรื่องการเซ็นสัญญาทันที
เจ้าของร้านนึกถึงสองสาวคนเช่าเก่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ค่าเช่าที่คุณจ่ายมาก่อนหน้าจะคำนวณตามจำนวนวันในเดือนนี้ และส่วนเกินผมจะคืนให้พวกคุณ แต่ผมจะคำนวณหลังจากที่พวกคุณทำความสะอาดร้านเสร็จแล้วเท่านั้น จากนั้นค่อยคืนตามเวลาของ ณ วันนั้น พวกคุณมีปัญหาอะไรอีกไหม?”
สองสาวไม่กล้าออกความเห็น จึงรีบพูดทันทีว่า “วันนี้เราจะเก็บกวาดของกันทันที คุณสามารถตัดยอดเช่าวันนี้ได้เลยค่ะ”
เจ้าของร้านไม่เห็นด้วยในทันทีและมองไปรอบ ๆ ก่อนพูดว่า “นอกจากขนเสื้อผ้าออกไปแล้วยังมีขยะและสิ่งอื่น ๆ ที่พวกคุณยังต้องทำความสะอาดให้ด้วย ผมจะคืนเงินให้หลังจากที่พวกคุณทำความสะอาดจนเสร็จทั้งหมดแล้วเท่านั้น ตอนผมให้พวกคุณเช่าร้านเป็นยังไง พวกคุณก็ควรคืนร้านให้ผมในสภาพเดิมไม่ใช่เหรอ?”
“ดังนั้นถ้ารวมทำความสะอาดทั้งหมดแล้ว พรุ่งนี้มันก็น่าจะมีเวลามากพอนะ?”
เมื่อเจ้าของร้านพูดถึงเรื่องนี้ สองสาวก็แสดงสีหน้าไม่เต็มใจ
แต่ถ้าพวกเธอไม่ทำความสะอาด พวกเธอก็ไม่สามารถได้รับเงินคืนได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืน ไม่รู้ว่าเขาเป็นสามีของฝั่งไหน แต่เขาดูร้อนใจนิดหน่อย “ถ้าไม่ทันพรุ่งนี้ก็ช่างมัน ที่สำคัญคือเราจะทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุดแล้วก็ไป”
หลังจากที่ชายคนนั้นพูดแบบนี้ สาวทั้งสองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกนอกจากตอบตกลง
จากนั้นเจ้าของร้านจึงพูดกับเซี่ยชิงหยวน “ไว้เรามาเซ็นสัญญากันอีกสามวันนับจากนี้กันเถอะครับ ผมจะทำความสะอาดร้านแล้วค่อยส่งร้านต่อให้กับคุณนะ”
เซี่ยชิงหยวนเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ จากด้านข้าง รู้สึกว่านิสัยการจัดการของเจ้าของร้านค่อนข้างเข้าตาเธอทีเดียว
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ หญิงสาวก็ยิ้มแล้วตอบ “ตกลงค่ะ”
วันนี้เธอไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วยมากนักเมื่อออกมาข้างนอก จึงพูดว่า “วันนี้ฉันรีบออกมาและไม่ได้เอาเงินมาด้วย เมื่อเราเซ็นสัญญากันในอีกสามวันหลังจากนี้ เงินค่อยจ่ายตอนนั้นได้ไหมคะ?”
เจ้าของร้านรู้ดีเช่นกันว่าเงินจำนวนมากเช่นนี้คงต้องใช้เวลารวบรวมสักพัก เขาจึงพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ งั้นเอาแบบนี้ไหม เรามาเซ็นสัญญากันวันนี้ไปก่อนเลยแล้วเรื่องเงินคุณค่อยจ่ายในวันรับมอบร้าน ซึ่งจะมีเขียนไว้ในสัญญาด้วยแบบนั้นไหมครับ?”
ในตอนท้ายของประโยค เขารู้สึกเขินอายนิดหน่อย
“ได้เลยค่ะ” เซี่ยชิงหยวนเห็นด้วยโดยไม่ลังเล
เจ้าของร้านกังวลว่าเธอจะเปลี่ยนใจ ทั้งยังกังวลว่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนใจเซี่ยชิงหยวนภายในสามวันหลังจากนี้ด้วย
แต่เมื่อเขาเสนอแนะแบบนี้ เธอก็กระตือรือร้นที่จะทำอย่างนั้นโดยปริยายเช่นกัน
อันที่จริงสิ่งนี้ปลอดภัยสำหรับเธอกว่าด้วยซ้ำ
เจ้าของร้านยกย่องเซี่ยชิงหยวนอีกครั้งว่าเป็นคนคุยง่าย ส่วนอู๋ฟ่างก็มองและส่ายหัวอย่างลับ ๆ
เซี่ยชิงหยวนกำลังรอให้เจ้าของร้านพูดแบบนี้ชัด ๆ
หากเจ้าของร้านไม่ได้ทุ่มสมองให้กับสองสะใภ้คนเช่าเก่านี้มากนัก เขาคงไม่ถูกเซี่ยชิงหยวนหลอกได้ง่าย ๆ เช่นนี้
แต่เขาไม่พูดอะไรและก้าวไปข้างหน้าเพื่อยื่นปากกาสำหรับการเซ็นสัญญาให้กับเจ้าของร้านที่ดูเหมือนได้พบสมบัติแล้ว
เซี่ยชิงหยวนยืนเคียงข้างด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
อู๋ฟ่างบังเอิญสบตาเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ และทันใดนั้นหัวใจก็เต้นรัว ชายหนุ่มจึงรีบก้มศีรษะลงเพราะกลัวว่าเซี่ยชิงหยวนจะมองเห็นสิ่งที่เขาเพิ่งคิดไป