บทที่ 300 วันนี้ทำตัวให้เชื่อฟัง
บทที่ 300 วันนี้ทำตัวให้เชื่อฟัง
เซี่ยชิงหยวนมองทะลุความคิดของแม่สามีเธอได้ในทันที
เธอยิ้มและพูดว่า “แม่คะ ตอนแรกหนูก็ไม่ได้อยากทำผมหรอกค่ะ แต่แม่ลองคิดดูสิคะ ไม่ใช่เพราะว่าอี้โจวกำลังจะไปเป็นข้าราชการใหญ่ในเมืองหลวงของมณฑลที่มีแต่คนระดับสูงอาศัยอยู่หรอกเหรอ ถ้าเราสามคนไม่ดูดีที่สุด มันจะไม่ทำให้อี้โจวลำบากใจเหรอคะ?”
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวนแล้ว หลินตงซิ่วก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ไม่ว่าเธอจะลังเลแค่ไหนก็ตาม
เธอพยักหน้าอย่างแข็งขัน “เอาละ งั้นวันนี้เราสามคนมาทำผมดี ๆ กันนะ!”
เสิ่นอี้หลินถูกจัดให้นั่งบนเก้าอี้ข้างช่างตัดผม เขามองดูแม่ของตัวเองถูกเซี่ยชิงหยวนหลอกด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
เฮ้อ ผู้หญิงหนอผู้หญิง
…
ในเวลานี้ การดัดผมและการย้อมผมได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาวในเมืองใหญ่ แม้แต่ผู้ชายก็มีคนดัดผมจำนวนมากเช่นกัน
เรียกได้ว่าการดัดผมเป็นสัญลักษณ์สำคัญของยุคนี้เลยก็ว่าได้
เมื่อช่างตัดผมกำลังดัดผมของเซี่ยชิงหยวน เธอก็เอาแต่ชมเชย “ผมของคุณสุขภาพดีจริง ๆ คุณต้องมีผมที่ดีแบบนี้ตั้งแต่คุณยังเด็กเลยใช่ไหมคะ?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและส่ายหัว “ตอนฉันยังเด็ก ผมของฉันมีสีเหลืองน่ะค่ะ เพราะแบบนั้นพ่อแม่จึงโกนหัวฉันหลายครั้งเลย”
เมื่อตอนเป็นเด็ก ผมของเธอบางมาก
หวังผิงกังวลว่าในอนาคตผมของเธอก็จะเป็นแบบนี้ เธอจึงให้เซี่ยอวี้หมิง ซึ่งเป็นพ่อสามีโกนผมของเซี่ยชิงหยวนอยู่หลายครั้ง
สิ่งที่เซี่ยชิงหยวนจำได้คือจนกระทั่งเธออายุสามขวบ ศีรษะของเธอยังคงโล้นอยู่
เมื่อจะต้องถูกโกนศีรษะอีกครั้ง เซี่ยชิงหยวนที่เริ่มรู้ความก็ชักไม่เต็มใจ
ชายชราอุ้มเธอขึ้นมาแล้วพูดว่า “ไม่โกนแล้วก็ได้ ปู่จะไม่โกนหัวของหลานอีกต่อไปแล้วตกลงนะ ปู่จะพาหลานไปเล่นก็แล้วกัน”
ต่อมาเมื่อเธอโตขึ้น ผมที่เหี่ยวเฉาและเหลืองก็ค่อย ๆ กลายเป็นสีดำเงางาม
หวังผิงยังหัวเราะเธอ “สารอาหารทั้งหมดที่ลูกกินไปตั้งแต่เด็กน่าจะถูกเอามาใช้กับเส้นผมของลูกตอนนี้แล้วล่ะ”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนก็จางหายไป หญิงสาวเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไรอีก
เมื่อช่างตัดผมชโลมครีมบำรุงให้เซี่ยชิงหยวน เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณอยากจะย้อมผมไปด้วยเลยไหมคะ?”
ช่างตัดผมมองไปที่เซี่ยชิงหยวนในกระจกแล้วพูดว่า “ผิวของคุณขาวมาก ไม่ว่าจะทำผมสีไหนก็น่าจะดูดีหมดเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกสนใจ
เธอเคยคิดที่จะย้อมผมของตัวเองอยู่บ้าง
แต่เธอแค่กลัวว่าการดัดและย้อมจะทำให้ตัวเองยิ่งโดดเด่นขึ้น จึงหยุดคิดเรื่องนี้ไป
หลินตงซิ่วนั่งอยู่ในร้านตัดผมแบบนี้เป็นครั้งแรก หลังของหญิงชราตั้งตรงแล้วพูดว่า “ลูกลองทำสักครั้งก็ดีนะ มันน่าจะดูดีเลยล่ะ”
เซี่ยชิงหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ย้อมสีน้ำตาลแดงแล้วกันค่ะ”
ช่างตัดผมหัวเราะ “ได้เลยค่ะ!”
ในที่สุดช่างตัดผมก็ทำให้ผมของเซี่ยชิงหยวนกลายเป็นสีดำอ่อนลงโดยอิงจากสีน้ำตาลแดง ซึ่งทำให้ทั้งหญิงสาวดูเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากขึ้น
ผมสีน้ำตาลแดงสยายลงพาดจนเกือบจะถึงเอวของเธอ เมื่อรวมกับใบหน้าที่งดงามของเซี่ยชิงหยวนแล้วก็ยิ่งดูสดใสและน่าดึงดูดอย่างมาก
พนักงานและลูกค้าในร้านตัดผมอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับความงามของเซี่ยชิงหยวน
ช่างตัดผมมองที่เซี่ยชิงหยวนและกล่าวชม “มันเหมาะกับคุณมากจริง ๆ ค่ะ ฉันทำงานที่นี่มาหลายปี คุณเป็นลูกค้าที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นเลย”
แม้แต่เสิ่นอี้หลินที่ตัดผมเสร็จได้สักพักแล้ว และกำลังเล่นของเล่นอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้เซี่ยชิงหยวน
เขารู้สึกภาคภูมิใจที่พี่สะใภ้ของตัวเอง สวยมาก!
ส่วนหลินตงซิ่วนั้นทำผมหยิกเหนือหู ดูเรียบร้อยและอ่อนเยาว์กว่าเดิม
เธอมองตัวเองในกระจกและแทบจะจำตัวเองไม่ได้
เซี่ยชิงหยวนยืนข้างหลินตงซิ่ว มองเข้าไปในกระจกแล้วพูดว่า “แม่รูปร่างหน้าตาดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่แค่ก่อนหน้านี้แม่ละเลยที่จะดูแลตัวเองเท่านั้นเอง ไม่แปลกใจเลยที่อี้โจวกับอี้หลินโตขึ้นมาดูดี แท้จริงแล้วได้มาจากแม่นี่เอง” บราวนี่ออนไลน์
หลินตงซิ่วหน้าแดงเมื่อเซี่ยชิงหยวนพูดเอาใจ
เธอมองตัวเองในกระจกอย่างเขินอายแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่แก่แล้ว ลูกสะใภ้ของแม่สิสวยมากเลย”
เสิ่นอี้หลินเองก็แอบยิ้มอยู่ข้าง ๆ พี่สะใภ้เพิ่งชมเขาว่าหน้าตาดีแค่ไหนเชียวนะ
…
เมื่อทั้งสามกลับไป เสิ่นอี้โจวก็อยู่ที่บ้านแล้ว
เขานั่งอยู่บนโซฟาถือโทรศัพท์อยู่ในมือและคุยสายไปด้วย
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เขาก็หันไปมองและลืมคำพูดไปชั่วขณะ
จนกระทั่งปลายสายของโทรศัพท์เรียกหาเขาหลายครั้ง ชายหนุ่มจึงได้สติและกลับไปสนทนาเหมือนเดิม
เซี่ยชิงหยวนกลั้นหัวเราะของตัวเอง และหันหลังกลับเข้าไปในห้องโดยไม่ทักทายเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นอี้โจวก็เดินตามเข้าไปในห้อง
เขากอดเธอจากด้านหลัง อิงแอบที่คอและไหล่ของหญิงสาว “ภรรยาของผมทำไมวันนี้ถึงสวยขนาดนี้ล่ะเนี่ย?”
เซี่ยชิงหยวนจงใจล้อเขา “คุณหมายถึงก่อนหน้านี้ฉันไม่สวยเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวกอดเธอแน่น พลางหันไปมองหาริมฝีปากของคนตรงหน้า
“คุณสวยตลอดเวลานั่นแหละ แต่สวยแบบวันนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันน่าทึ่งจริง ๆ”
และทั้งสองคนก็จูบกันอย่างเร่าร้อนทันพลัน ถ้าตั้งใจฟังให้ดีจะได้ยินเสียงกลืนน้ำลาย
ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็เลี่ยงเขาด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้อย่าเพิ่งมายุ่งกับฉันเลย”
เสิ่นอี้โจวรู้สึกงุนงง “ผมทำไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอ?”
ขณะที่เขาพูด ร่างกายส่วนล่างของเขากลับมีปฏิกิริยาบางอย่าง
เสิ่นอี้โจว “…”
เขาจับเธอไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่เพื่อไม่ให้เธอขยับไปไหน “ทั้งหมดเป็นเพราะคุณสวยมากจนผมอดใจไม่ไหวจริง ๆ”
อันที่จริงเมื่อเขาเข้ามาในห้องตอนแรก เขายังอดกลั้นได้ไม่มีปัญหา แต่พอได้จูบเท่านั้นแหละ เขาก็รู้สึกห้ามใจตัวเองไม่อยู่เลย
เซี่ยชิงหยวนตบมือที่กำลังลูบคลึงทรวงอกของเธอ และพูดว่า “วันนี้ฉันเพิ่งทำผมมาน่ะ ไม่ควรให้เหงื่อออกจะดีที่สุด”
เธอผละออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วพูดต่อ “วันนี้ทำตัวให้เชื่อฟังหน่อยนะ”
———————