บทที่ 293 คนดีแม้จะถูกคนรังแกแต่ฟ้าไม่รังแก
บทที่ 293 คนดีแม้จะถูกคนรังแกแต่ฟ้าไม่รังแก
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ถ้าไม่มีเด็กคนนั้น ฉันคงไม่รังเกียจที่จะทำให้จางอวี้เอ๋อได้รับโทษเพิ่มอีกหรอก”
“แต่ถ้าฉันทำ มันก็คงน่าสงสารเกินไปที่เด็กคนนั้นจะไม่มีครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้”
เธอถอนหายใจ “ยิ่งไปกว่านั้นคนเลวจะได้รับกรรมตามสนองเอง ฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นซะหน่อย”
เพราะอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้ ตระกูลหนี่จะไปถึงหน้าประตูบ้านตระกูลจางเพื่อคิดบัญชีแน่นอน
ในตอนแรก หนี่เจิ้งกำลังศึกษาอยู่ในเมือง และครอบครัวของเขายืมเงินจากคนไปทั่วเพื่อใช้เป็นค่าเล่าเรียน
ความหวังของครอบครัวอยู่ที่หนี่เจิ้ง แต่เขากลับหลงใหลจางอวี้เอ๋อ
ในเวลานั้นหนี่เจิ้งลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนห่างไกล และอาศัยอยู่กับญาติห่าง ๆ ซึ่งมันทำให้จางอวี้เอ๋อเข้าใจผิดคิดว่าหนี่เจิ้งเป็นคนเมือง ดังนั้นเธอจึงล่อลวงเขาโดยตั้งใจ
หนี่เจิ้งให้ค่าครองชีพของเขาทั้งหมดแก่เธอรวมไปถึงค่าเล่าเรียน และเขายังหาข้อแก้ตัวทุกรูปแบบเพื่อหลอกให้ครอบครัวของตัวเองส่งเงินให้เพิ่ม
ต่อมาตระกูลหนี่ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และขอให้ญาติ ๆ ไปโรงเรียนเพื่อดูหนี่เจิ้ง ซึ่งสุดท้ายก็ได้รู้ว่าเขาลาออกจากโรงเรียนได้พักใหญ่แล้ว!
ตระกูลหนี่ตกใจมากจนรีบออกจากภูเขาทันเวลาที่จะพบกับจางอวี้เอ๋อ ซึ่งเธอก็รู้แล้วเช่นกันว่าหนี่เจิ้งหลอกลวงตัวเองว่าครอบครัวของเขามีเงิน และเธอต้องการเลิกกับเขา
หนี่เจิ้งปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้ว
ดังนั้นจางอวี้เอ๋อจึงกล่าวว่า ถ้ากล้ากระโดดภูเขาเพื่อพิสูจน์ความรัก เธอจะอยู่กับเขา
ในมณฑลยูนนานมีภูเขามากมาย และมีบ้านเรือนหลายหลังที่สร้างไว้เชิงภูเขา ซึ่งจุดที่พวกเขายืนอยู่นั้นอยู่บนเนินเขาสูงชัน
หนี่เจิ้งตกหลุมรักจางอวี้เอ๋อมากซะจนหน้ามืดตาบอด เขาพูดตกลงแทบจะทันที “ตกลง แต่คุณต้องรักษาคำพูดของคุณด้วย”
จากนั้นเขาก็กระโดดโดยไม่ลังเล
ต่อมาแม้เขาจะได้รับการช่วยชีวิต แต่ขาของเขาหักทั้งสองข้าง
ทุกคนของตระกูลหนี่ยกเว้นหนี่เจิ้งคนเดียว จะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องจบลงง่าย ๆ ถ้าจางอวี้เอ๋อไม่ยอมสละชีวิตเพื่อชดเชยเช่นกัน
ต่อมาหนี่เจิ้งพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขอความเมตตา จนพ่อและแม่ตระกูลหนี่ก็ยอมปล่อยเธอไปโดยมีเงื่อนไข
เงื่อนไขคือจางอวี้เอ๋อต้องให้กำเนิดลูกชายให้กับหนี่เจิ้ง และพวกเขาก็จะไม่เอาความในเรื่องนี้อีกต่อไป
จางอวี้เอ๋อไม่ต้องการ ดังนั้นคู่สามีภรรยาจึงจ่ายเงินให้คนลักพาตัวเธอกลับไปที่บ้านตระกูลหนี่ซึ่งอยู่ในภูเขาลึก พวกเขาไม่ปล่อยเธอไปจนกระทั่งหนี่เจี้ยนคังคลอดออกมา และตระกูลจางก็นำเงินสองร้อยหยวนมาไถ่ตัวจางอวี้เอ๋อ
ในเรื่องนี้จางอวี้เอ๋อเป็นคนผิด และตระกูลจางก็ไม่กล้าเอะอะ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ทนทุกข์ทรมานจากการสูญเสียอันโง่เขลานี้
ไม่กี่ปีต่อมาคู่สามีภรรยาหนี่เสียชีวิตด้วยอาการป่วย และหนี่เจิ้งก็นอนพิการอยู่บนเตียงทั้งวัน ในภายหลังลูกสาวและลูกเขยของตระกูลหนี่จึงพาเด็กมาที่บ้านตระกูลจาง
ส่วนเรื่องราวต่อไปนั้น เซี่ยชิงหยวนไม่รู้อะไรเพิ่มเติม
สาเหตุที่เซี่ยชิงหยวนรู้เรื่องนี้เพราะเธอได้ยินเซี่ยจิ่งเฉินกับจางอวี้เจียวทะเลาะกันครั้งใหญ่เนื่องจากเหตุการณ์นี้โดยบังเอิญ เธอได้ยินเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ของหนี่เจิ้ง และวิธีที่ตระกูลจางวางแผนใส่เซี่ยจิ่งเฉิน
คุณปู่สอนเธอก่อนหน้านี้ว่า คนดีแม้จะถูกคนรังแกแต่ฟ้าไม่รังแก และเธอก็คิดว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ
…
เซี่ยชิงหยวนออกมาจากสถานีตำรวจ และบังเอิญเห็นรถจอดอยู่ข้างถนน
เสิ่นอี้โจวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีดำกำลังพิงประตูรถ เขาล้วงมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วมองนาฬิกาในมือ ดูสง่างามมาก
ไม่เพียงแต่หญิงสาวอายุน้อยเท่านั้น แต่แม้แต่หญิงสูงอายุที่ผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองเขาซ้ำสอง
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
ราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เสิ่นอี้โจวก็มองมาทางเธอ
ดวงตาของพวกเขาสบกันท่ามกลางอากาศที่ร้อนแห้งของเมืองเตียนเฉิง และมันดูเหมือนเวลาหยุดลงชั่ววินาทีหนึ่ง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของเซี่ยชิงหยวนสบายใจทันทีที่เห็นเสิ่นอี้โจวราวกับว่าเขาเป็นท่าเรือของเธอ เป็นดินแดนกว้างใหญ่ที่เธอสามารถขึ้นฝั่งพักได้ตลอดเวลา
เสิ่นอี้โจวยืนตัวตรงแล้วเดินเข้าหา
เซี่ยชิงหยวนเดินลงบันไดทีละขั้นจนกระทั่งเธอไปถึงขั้นสุดท้าย และเอื้อมมือไปหาเขา
เสิ่นอี้โจวเข้าใจและจับมือของภรรยา
เซี่ยชิงหยวนกระโดดลงมาด้วยการประคองของเสิ่นอี้โจว เธอถามเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณมารับฉันเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ใช้เวลากับภรรยาของผมเลยน่ะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินสิ่งนี้ เธอก็รู้ว่าเขากำลังหยอกล้อ ชายหนุ่มคงกังวลว่าอารมณ์ของเธอจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ของจางอวี้เอ๋อ ดังนั้นเขาจึงมารับเป็นพิเศษ
ความอึดอัดใจสุดท้ายในหัวใจของเธอถูกขจัดออกไป รอยยิ้มกว้างขึ้น และเธอก็พูดอย่างร่าเริง “น้อย ๆ หน่อยเถอะ”
เสิ่นอี้โจวดึงเธอเข้าหาเขา “ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณออกไปขับรถเล่นหน่อย”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้เธอ “งานไม่สำคัญเท่ากับภรรยาของผมหรอกนะ”
เซี่ยชิงหยวนเข้าไปในรถ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “วันนี้คุณใส่น้ำผึ้งเข้าไปในปากหรือเปล่า?”
เสิ่นอี้โจวขึ้นรถที่ฝั่งคนขับแล้วพูดว่า “ผมใส่น้ำผึ้งเข้าไปในปากหรือไม่ คุณต้องลองจูบดูถึงจะรู้ จริงไหม?”
หลังจากพูดจบโดยไม่รอให้เธอโต้ตอบ เขาก็ประทับจูบบนริมฝีปากหญิงสาวอย่างรวดเร็ว แล้วผละออก
เซี่ยชิงหยวนตกใจมากจนกลั้นหายใจ และปลายหูของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
ดวงตาของเธอกวาดมองออกไปด้านนอกอย่างตื่นตระหนกกลัวว่าคนที่อยู่นอกหน้าต่างรถอาจเห็นพวกเขา
เสิ่นอี้โจวโน้มตัวเข้าหาเธออีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนยกมือเพื่อปิดริมฝีปากของตัวเองทันที “นี่เรากำลังอยู่ข้างนอกนะ!”
เสิ่นอี้โจวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ “ผมแค่อยากจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้คุณเอง”
จากนั้นเสิ่นอี้โจวก็ดึงเข็มขัดนิรภัยฝั่งประตูรถของเซี่ยชิงหยวนแล้วคาดให้เธอเรียบร้อย
เมื่อเห็นท่าทางล้อเล่นของเขา เซี่ยชิงหยวนก็จ้องเขาเขม็ง “คุณนี่ชอบแกล้งฉันจริง ๆ!”
เสิ่นอี้โจวเพียงยิ้มกริ่ม และสตาร์ทรถ “นั่งให้ดีนะ เราจะไปกันแล้ว!”
———————