บทที่ 291 จดหมายหย่า
บทที่ 291 จดหมายหย่า
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยจิ่งเฉินได้รับโทรศัพท์จากตระกูลจางขอให้เขาไปที่สำนักงานหมู่บ้านเพื่อทำเอกสารร้องขอการหย่าร้าง จากนั้นจึงไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนต่อไป
เซี่ยจิ่งเฉินไม่สามารถตอบสนองต่อข่าวฉับพลันนี้อยู่พักหนึ่ง
ต้าหลินจือผลักเขา “นายยังลังเลอะไรอยู่อีก รีบไปเร็วเข้าสิ”
เซี่ยจิ่งเฉินตอบรับและรีบไปหาเจ้าหน้าที่สำนักงานหมู่บ้านพร้อมกับต้าหลินจือ
เจ้าหน้าที่หมู่บ้านมีอายุเกือบหกสิบปี และเขาเป็นลุงของต้าหลินจือ เมื่อได้ยินว่าเซี่ยจิ่งเฉินกำลังจะหย่าร้าง เขาจึงสวมแว่นอ่านหนังสือ “อะไรนะ นายบอกว่าต้องการหย่าร้างเหรอ?”
ตอนนี้การหย่าร้างเป็นเรื่องที่ไม่ได้ทำยาก แต่สิ่งที่หายากก็คือในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในหมู่บ้านซิ่งฮวามีการหย่าร้างไม่มากนัก
เขาถามว่า “มีเหตุผลอะไรล่ะ?”
เมื่อเห็นฉากนี้ ต้าหลินจือจึงยัดปากกาไว้ในมือของลุงตัวเอง “ลุง แค่เขียนไปว่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่พังทลายระหว่างสามีภรรยาก็พอ อย่าถามถึงเรื่องที่เหลือ นี่เร่งด่วน!”
ทำไมจู่ ๆ ตระกูลจางถึงเห็นด้วยก็ไม่รู้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือหลังจากหมู่บ้านนี้จะมีเรื่องวุ่นวายน้อยลงอีกมาก แน่นอนเขาต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้
ลุงของเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ของเซี่ยจิ่งเฉินและจางอวี้เจียวมาบ้างแล้ว
ตามขั้นตอน เจ้าหน้าที่หมู่บ้านควรเข้าแทรกด้านความคิดและทัศนคติร่วมกับเซี่ยจิ่งเฉินและภรรยาของเขา แต่สุดท้ายหากความสัมพันธ์นี้ไม่สามารถรักษาไว้ได้จริง ๆ พวกเขาจะออกจดหมายแนะนำการหย่าร้าง
หลังจากที่ต้าหลินจือเร่งเร้าเขาเช่นนี้ ลุงของเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและเริ่มเขียน
ทันทีที่เขียนจดหมายแนะนำเขียนเสร็จ ต้าหลินจือก็หยิบมันขึ้นมาเป่าแล้วส่งให้เซี่ยจิ่งเฉิน “น้องเฉิน รีบหน่อยเถอะ ฉันอยากให้นายหนีจากไฟร้อนนี้เร็วที่สุดเลย!”
เซี่ยจิ่งเฉินรับมันแล้วพยักหน้า “ขอบคุณนะ ไว้ฉันจะเชิญนายมาดื่มด้วยกันเมื่อฉันกลับมาแล้วกัน”
พูดแล้วเขาก็รีบวิ่งออกไป
เซี่ยจิ่งเฉินกลับมาบ้านเพื่อขี่จักรยานและพูดคุยกับกงเหลียนซินที่กำลังให้อาหารไก่อยู่ในสนาม
กงเหลียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เธอรีบลดเสียงลง “ใจเย็น ๆ แล้วระวังอย่าให้แม่ได้ยินนะ”
หวังผิงไปโรงพยาบาลเมื่อเช้าวานนี้และกลับมาในช่วงบ่าย เธอยังคงนอนอยู่บนเตียง
หมอบอกว่าอาการปวดศีรษะไม่รุนแรงนัก แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับหัวใจมากกว่า
ในฐานะลูกสะใภ้ เธอทำได้เพียงส่ายหัวและไม่พูดอะไร
ถ้าหวังผิงได้ยิน ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอีกหรือไม่
เซี่ยจิ่งเฉินพยักหน้า “ได้ ผมเข้าใจแล้ว ฝากพี่สะใภ้ดูแลบ้านก่อนนะ”
กงเหลียนซินโบกมือ “ไปเถอะ”
เรื่องที่ใหญ่สุดในตอนนี้คือการหย่าร้าง แต่แล้วทำไมตระกูลจางถึงตกลงอย่างกะทันหันแบบนี้กัน? เซี่ยชิงหยวนต้องเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเซี่ยจิ่งเฉินออกไป เธอก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงไปที่สำนักงานหมู่บ้านและโทรหาเซี่ยชิงหยวน
…
เมื่อเซี่ยจิ่งเฉินไปที่สำนักงานกิจการพลเรือน จางอวี้เจียวและตระกูลจางก็รออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว
จางอวี้เจียวเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยจิ่งเฉินด้วยดวงตาแดงก่ำ สายตาเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและโกรธแค้น
พี่ใหญ่ตระกูลจางชี้ไปที่ด้านในห้องด้วยสีหน้าโมโห “เข้าไปเลย”
เจ้าหน้าที่สำนักงานกิจการพลเรือนที่ดูแลขั้นตอนการหย่าร้างมองที่พวกเขาแล้วถาม “หย่าร้างเพราะความสัมพันธ์ที่พังทลายเหรอ?”
เซี่ยจิ่งเฉินพยักหน้า “ใช่ครับ”
เจ้าหน้าที่มองดูพวกเขาและไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามจางอวี้เจียวว่า “สหาย คุณหย่าโดยสมัครใจรึเปล่า?”
หน้าตาของจางอวี้เจียวดูเหมือนไม่ได้สมัครใจเลย
แน่นอนเธอถูกบังคับ
เมื่อวานนี้พี่ใหญ่ตระกูลจางรับสายของแม่เฒ่าจางด้วยใบหน้าเย็นชาและบังคับให้เธอหย่าบราวนี่ออนไลน์
เธอไม่เห็นด้วยและเถียงหัวชนฝา แต่ในที่สุดพี่ใหญ่ตระกูลจางก็พูดอย่างรุนแรง “แม่บอกว่าลูกคนโตของเซี่ยจิ่งเฉินไม่ใช่ลูกของเขาไม่ใช่รึไง? ถ้าตระกูลเซี่ยรู้เรื่องนี้ เธอเคยคิดถึงผลที่ตามมาบ้างไหมหะ!?”
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที
พี่ใหญ่ตระกูลจางกล่าวต่อ “แม่บอกว่าพรุ่งนี้เธอต้องหย่ากับเซี่ยจิ่งเฉินอย่างเชื่อฟัง เธอได้เห็นจุดจบของน้องสาวตัวเองแล้วนี่ ถ้ายังดื้อรั้นต่อไป งั้นไม่กลัวจะเป็นเหมือนน้องสาวของเธอรึไง?”
จางอวี้เจียวร้องไห้ทั้งคืน
เธออยากไม่ยอมหย่าร้างแบบนี้!
แต่ยังไงซะ เธอกลัวที่จะต้องใช้ชีวิตที่เหลือในคุกมากกว่า
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอก็พยักหน้าในที่สุด
…
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่จางอวี้เจียวเพื่อรอคำตอบ พี่ใหญ่ตระกูลจางก็ไอเบา ๆ จากด้านหลังและโบกมือให้เธอพูด
จางอวี้เจียวกำหมัดแน่นแล้วตอบว่า “ค่ะ!”
ใบหน้าของเธอซีดเซียวและมีร่องรอยของน้ำตา
เจ้าหน้าที่เห็นเช่นนี้แล้วไม่เชื่อ เขายืนขึ้นแล้วพูดกับจางอวี้เจียว “สหาย อย่ากลัวเลย บอกเรามาตามตรงเถอะ คุณสมัครใจหย่ารึเปล่า? หากคุณถูกข่มขู่ เราจะตัดสินใจแทนคุณอย่างแน่นอน”
เจ้าหน้าที่ยังพูดอย่างมีความหมาย พลางมองดูที่เซี่ยจิ่งเฉิน
เซี่ยจิ่งเฉินทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยิน และนั่งตัวตรงโดยไม่มองไปด้านข้าง
ขณะนี้จางอวี้เจียวกำลังดิ้นรนต่อสู้อยู่ภายในใจ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเธอที่จะกลับตัว
ถ้าเธอพยักหน้าและเดินออกไปจากที่นี่ เธอก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเซี่ยจิ่งเฉินอีกต่อไป
เมื่อเห็นจางอวี้เจียวเป็นแบบนี้ พี่ใหญ่ตระกูลจางก็รู้ดีว่าเธอกำลังลังเล เขานั่งอยู่ข้างหลัง ยื่นมือใหญ่ๆ ออกมาและตบไหล่น้องสาว
แต่การตบไหล่ของเขานั้นหนักแน่นมาก เขาจ้องมองใบหน้าข้าง ๆ ของเธออย่างใกล้ชิด “อวี้เจียว พี่ใหญ่อยู่ที่นี่แล้ว หากมีข้อข้องใจใด ๆ เธอก็สามารถพูดออกมาได้เลย”
แม้ว่าน้ำเสียงจะเบา แต่จางอวี้เจียวก็ตัวสั่นเทา เพราะเขากำลังเตือนเธออย่างเห็นได้ชัด
ในความเป็นจริง ข้อดีและข้อเสียทั้งหมดถูกวางไว้ตรงหน้าเธอแล้ว และเธอก็เข้าใจอยู่แล้วว่าตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดคือต้องทำอย่างไร หญิงสาวแค่ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เท่านั้น
ครอบครัวคิดว่าเธอวางแผนที่จะแต่งงานกับเซี่ยจิ่งเฉินเพื่อมีชีวิตที่ดี และอยากได้เงินสองร้อยหยวนเอาไปให้ครอบครัวหนี่ เพื่อขอชดใช้เรื่องที่พวกเขาทำ
อันที่จริงมีเพียงตัวจางอวี้เจียวเองเท่านั้นที่รู้ว่าเธอชอบเขามาก ครอบครัวของเธอไม่ได้ร่ำรวยตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กแล้ว และเธอก็ลาออกจากโรงเรียนก่อนที่จะเรียนจบชั้นประถมศึกษาด้วยซ้ำ
เซี่ยจิ่งเฉินเรียนจนถึงมัธยมปลาย
ชีวิตวัยรุ่นของเธอได้ยินชื่อของเซี่ยจิ่งเฉินอยู่โดยตลอด
เขาหล่อเหลา หัวขบถหน่อย ๆ แต่ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษเช่นเดียวกับเจ้าชายในชุดเกราะเงาวับและขี่ม้าขี้โมโหในนิยาย
เธอยังเคยมองเขาจากระยะไกล และจะรออยู่ริมถนนเมื่อเขาเดินผ่าน เพียงหวังว่าเขาจะมองเธอ
เธอเคยแกล้งล้มใกล้ ๆ แล้วเขาก็ช่วยเธอลุกขึ้น แต่ก็รีบปล่อยเธอไป
ก่อนที่เธอจะกล่าวขอบคุณ เขาก็จากไปแล้วพร้อมกับคนอื่น ๆ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็หยั่งรากลึกในใจเธอเสมอ
เมื่อเธอรวบรวมความกล้าที่จะสารภาพกับเขา เธอกลับเห็นเขาจับมือของถานจิงเซียนบนเส้นทางข้างป่า
ความอ่อนโยนในดวงตาของเขาเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอและถานจิงเซียนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่เธอด้อยกว่าถานจิงเซียนในทุกด้าน
แม้แต่คนเดียวที่เธอชอบก็ถูกถานจิงเซียนแย่งชิงไป
เธอพยายามทุกวิถีทางเพื่อเป็นเพื่อนสนิทกับถานจิงเซียน ถามผู้คนเกี่ยวกับความชอบของเซี่ยจิ่งเฉิน และแม้กระทั่งคอยดูแลพวกเขาเมื่อออกเดตกัน
เธอสวมเสื้อผ้าที่ดีที่สุดในตู้เสื้อผ้า และแอบเอาน้ำมันใส่ผมของพี่สะใภ้มาถูผมของตัวเอง…
แต่ถึงอย่างนั้น เซี่ยจิ่งเฉินก็ไม่เคยมองเธอเลย
จนกระทั่งงานเลี้ยงรับปริญญามัธยมปลาย เธอจึงขอร้องถานจิงเซียนให้พาตัวเองไปที่นั่นด้วย
สถานที่นั้นอยู่ในป่าเชิงเขา พร้อมด้วยกองไฟและเหล้าที่ใครบางคนแอบนำมาจากบ้าน
เธอเรียนรู้จากการสนทนาระหว่างเซี่ยจิ่งเฉินกับเพื่อนของเขาว่า เซี่ยจิ่งเฉินวางแผนที่จะสารภาพรักในคืนนั้น บอกกระทั่งพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และพวกเขาจะแต่งงานกันทันทีที่สำเร็จการศึกษา
ความหึงหวงทำให้จางอวี้เจียวบ้าคลั่ง เธอใส่ยาที่นำมาไว้ในแก้วของถานจิงเซียนและเรียกเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบถานจิงเซียนมาเป็นเวลานานแล้วมา
ในท้ายที่สุด เธอก็จงใจพาเซี่ยจิ่งเฉินไปเห็นภาพบาดตาของถานจิงเซียน เพื่อที่เขาจะได้เห็นผู้หญิงที่เขารักกำลังพัวพันอยู่กับคนอื่น
แต่เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเซี่ยจิ่งเฉินไม่ได้โกรธอย่างที่คิด เขาแค่จากไปอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
เธอต้องการที่จะตามให้ทัน แต่ถูกคนจากหมู่บ้านเดียวกันขัดขวาง
หญิงสาวรู้สึกหดหู่ใจ ดังนั้นจึงไม่สามารถต้านทานการถูกชักชวนให้ดื่มจากคนอื่น ๆ ได้ และดื่มกับพวกเขา
หลังจากดื่มเหล้าไปสองสามแก้ว เธอก็ภาพตัดและตื่นขึ้นมาด้วยสภาพเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง
และไม่มีร่องรอยของคนเหล่านั้นแล้ว
เธอเดินสะดุดออกไป และพบว่าเซี่ยจิ่งเฉินเมาเหล้าอยู่ริมแม่น้ำ