บทที่ 289 ใครกันแน่ที่อำมหิต?
บทที่ 289 ใครกันแน่ที่อำมหิต?
เมื่อเซี่ยชิงหยวนไปถึงสถานีตำรวจ เธอไม่เห็นใครเลย
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มากับเธออธิบายว่า “บุคคลที่เกี่ยวข้องจะถูกแยกออกจากกันน่ะครับ”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ”
การสอบปากคำของเซี่ยชิงหยวนนั้นง่ายมาก โดยเน้นที่จางอวี้เอ๋อเป็นหลัก
ในประเด็นเหล่านี้เซี่ยชิงหยวนพูดความจริง
สำหรับจางอวี้เอ๋อ เธอเชื่อว่าแค่คำสารภาพของเพื่อนร่วมงานในศาลากลางนั้นเพียงพอแล้วที่อีกฝ่ายจะไม่สามารถพ้นผิดได้
คำถามสุดท้ายที่เธอถูกถามคือ “คุณรู้ไหมว่าจางอวี้เอ๋อเคยคบหากับผู้ชายที่ชื่อหนี่เจิ้งตอนที่เธอเรียนหนังสือ หรือนอกจากหนี่เจิ้งแล้ว ยังมีผู้ชายคนอื่นอีกไหมครับ?”
ในโรงเรียนมัธยม เซี่ยชิงหยวนและจางอวี้เอ๋อเรียนในโรงเรียนเดียวกัน
เมื่อเทียบกับเซี่ยชิงหยวนที่เรียนหนักตลอดทั้งวัน ความคิดของจางอวี้เอ๋อคือการแต่งตัวและคุยกับเพื่อนร่วมชั้นผู้ชายที่ร่ำรวย
ในเวลานั้น ความทะเยอทะยานของจางอวี้เอ๋อไม่ได้ใหญ่โตนัก เธอเพียงต้องการแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองเท่านั้น
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนทำท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า “นี่…ดูเหมือนว่าจะไม่มีนะคะ…ไม่สิ มันนานเกินไปและฉันจำไม่ค่อยได้แล้วน่ะค่ะ”
เธอมองไปที่บันทึกการให้ปากคำ “ถ้าคุณต้องการข้อมูลนี้จริง ๆ ขอให้ฉันได้กลับไปคิดทบทวนความทรงจำก่อนจะดีกว่าค่ะ ถ้าฉันจำได้ ฉันค่อยกลับมาตอบคุณได้ไหมคะ?”
ทัศนคติของเซี่ยชิงหยวนนั้นจริงใจมากและการแสดงออกก็จริงจัง ผู้สอบสวนไม่สงสัยและพยักหน้า “ได้ครับ หากคุณคิดว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับคดีนี้ โปรดติดต่อเราได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
ตอนนี้จางอวี้เอ๋อและเหอเส้าหยวนกำลังให้การขัดแย้งกัน พวกเขาทำได้เพียงมองหาหลักฐานเพื่อยืนยันคำพูดของแต่ละฝ่ายเท่านั้น
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “แน่นอนค่ะ”
เธอออกไปและหลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวประตูห้องข้าง ๆ ก็เปิดออก
คนที่เดินออกมาจากข้างในห้องด้วยอาการตัวสั่นนั่นมันแม่เฒ่าจางไม่ใช่เหรอ?
ย่างก้าวของแม่เฒ่าจางดูเหมือนจะหนักมาก และเรียกได้ว่าลากเท้าเดิน
ใบหน้าของเธอซีดเผือด และแม้แต่ผมก็ยังเป็นสีเทา
เซี่ยชิงหยวนจำได้ว่าแม่เฒ่าจางเคยมาที่บ้านเซี่ยในฐานะแขกมาก่อน เธออายุหกสิบปี ผมส่วนใหญ่มีสีดำและเป็นประกาย
แม่เฒ่าจางยังคุยโม้กับหวังผิงว่าเธอได้เรียนรู้วิธีการดูแลเส้นผมจากคุณยาย ซึ่งรู้มาจากชนกลุ่มน้อยเผ่าไตอีกที เมื่อสระผม หญิงชราจะใส่สมุนไพรหลายชนิด
หวังผิงหงุดหงิดมากเมื่อได้ยินแบบนั้น และเธอก็หันกลับไปบอกเซี่ยโยว่หมิงว่าเธอต้องการทำอะไรแบบนั้นเหมือนกัน
แต่ต่อมาเมื่อถามราคาแล้วจะยังเต็มใจอีกได้ยังไง?
เซี่ยชิงหยวนเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “คุณป้าคะ”
แม่เฒ่าจางดูเหมือนจะยังไม่คืนสติจากบรรยากาศตึงเครียดในห้องเมื่อกี้ พอเธอเห็นเซี่ยชิงหยวน หญิงชราก็สะดุ้งและดวงตาฉายแววด้วยความเกลียดชัง
เมื่อหญิงชรากำลังจะรีบเดินหนีไป เซี่ยชิงหยวนก็เอ่ยเบา ๆ
“คุณป้าตอนนี้เราอยู่ที่สถานีตำรวจนะคะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ แม่เฒ่าจางก็หยุดการเคลื่อนไหวและได้แต่จ้องมองเซี่ยชิงหยวนอย่างเกลียดชัง
เซี่ยชิงหยวนยิ้มแล้วเดินเข้าหาอีกฝ่าย “คุณป้ารู้ไหม เมื่อกี้ตำรวจถามอะไรฉันบ้าง? พวกเขาถามฉันว่ารู้ไหมจางอวี้เอ๋อเคยคบหากับคนที่ชื่อหนี่เจิ้งมาก่อน”
เซี่ยชิงหยวนมองลึกเข้าไปในดวงตาของแม่เฒ่าจางที่เบิกกว้างอย่างกะทันหัน หญิงสาวพอใจมากกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย “บอกฉันทีสิคะคุณป้า ว่าฉันควรตอบไปยังไงดี?”
แม่เฒ่าจางมองดูเซี่ยชิงหยวนเขม็ง ใครจะคิดว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ จะกล้าพูดคำที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั่น!
หญิงชราโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัว
“คุณป้า อย่าโกรธสิค่ะ” เซี่ยชิงหยวนทำท่าทางตบหลังอีกฝ่าย “ถ้าคุณโกรธมากจนตายตอนนี้ คุณจะไม่ทันได้เห็นจางอวี้เอ๋ออยู่ในคุกเอานะ”
พอได้ยินแบบนั้น ดวงตาของแม่เฒ่าจางมืดหม่นจนแทบจะร่วงหล่นทันที
หญิงชราชี้ไปที่เซี่ยชิงหยวน ริมฝีปากของเธอสั่นเทา “แก…แกมันจิตใจอำมหิต!”
เซี่ยชิงหยวนยังคงยิ้มและพูดว่า “ในแง่ของความอำมหิต ฉันจะเทียบกับคุณและลูกสาวของคุณได้ยังไงล่ะ?”
“พวกคุณทำให้ขาทั้งสองข้างของหนี่เจิ้งพิการ ใช้เด็กเป็นเงื่อนไขในการชำระหนี้ของตัวเอง แม้กระทั่งแยกพี่รองของฉันออกจากคนรักของเขาด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ รอจนกระทั่งท้องของจางอวี้เจียวอายุได้เจ็ดเดือนก่อนจึงวิ่งมาที่บ้านของฉันและโวยวายเรียกร้อง…บอกฉันทีสิ แบบนี้เรียกว่าอำมหิตกว่าไหม?”
มือของเธอยังคงลูบหลังของแม่เฒ่าจางและตบเบา ๆ ซ้ำ ๆบราวนี่ออนไลน์
การสัมผัสที่อ่อนโยนเช่นนี้ทำให้แม่เฒ่าจางรู้สึกเย็นเยือกไปทั่วทั้งร่างกาย
หลังจากฟังคำพูดของเซี่ยชิงหยวน ใบหน้าของหญิงชราซีดเผือดแทบจะเหมือนสีกระดาษ
เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของหญิงชรา ซึ่งในสายตาของคนอื่น ๆ ดูราวกับว่าเธอกำลังช่วยหญิงชราอยู่ “ฉันเพิ่งบอกกับตำรวจว่าฉันขอเวลากลับไปคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของจางอวี้เอ๋อและหนี่เจิ้งก่อน อืม…บางทีฉันอาจจะจำมันได้ภายในไม่เกินสองวันก็ได้นะ”
เซี่ยชิงหยวนทำหน้าตาครุ่นคิดอีกครั้ง “ครอบครัวของหนี่เจิ้งดูเหมือนจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหนิวเจี๋ยทางตะวันตกใช่ไหมนะ?”
จากนั้นดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ในฐานะมนุษย์ คุณจะโลภเกินไปไม่ได้ เมื่อถึงเวลาบางสิ่งที่ควรปล่อยมันก็ต้องปล่อยไป จริงไหม?”
“ฉันจะให้เวลาคุณอีกแค่สองวันเท่านั้น เพื่อให้จางอวี้เจียวไปหย่าให้เสร็จ”
“แต่จงรู้เอาไว้ด้วย ความอดทนของฉันไม่เคยมีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ฉันไม่ชอบรออะไรที่นานเกินไปนักหรอกนะ”
หลังจากพูดจบเซี่ยชิงหยวนก็ดึงมือออกแล้วเดินจากไป แม่เฒ่าจางชี้ไปทางที่เซี่ยชิงหยวนกำลังเดินจากไปก่อนจะกรีดร้อง “กรี๊ดดดด! กรี๊ดดดด!”
แต่หญิงชราไม่กล้าพูดอะไรอีก
เมื่อกี้นี้อยู่ในห้องสอบปากคำ ตำรวจถามคำถามเธอมากมาย
เธอกลัวว่าจะขัดกับคำสารภาพของคนอื่น ดังนั้นคำตอบหลายข้อของเธอจึงมีแค่ ‘ไม่ชัดเจน’ และ ‘ไม่รู้’
แน่นอนว่าคำตอบของเธอทำให้ตำรวจไม่พอใจอย่างมาก
เมื่อออกมา แผ่นหลังของเธอชุ่มเหงื่อ
เมื่อหญิงชราเผชิญกับความยากลำบากแบบนี้ และคิดถึงหญิงสาวข้างบ้าน เธอก็สงสัยว่าอีกฝ่ายจะเปิดเผยทุกสิ่งที่รู้หรือไม่ และที่สำคัญที่สุดก็คือข้อมูลที่เซี่ยชิงหยวนรู้
ไม่นะ! เธอต้องโทรหาจางอวี้เจียวและบอกให้หย่ากับเซี่ยจิ่งเฉินทันที!
…
ในขณะที่แม่เฒ่าจางตัดสินใจได้เช่นนี้ จางอวี้เจียวก็กำลังลากพี่ชายคนโตของเธอไปที่บ้านตระกูลเซี่ย
ด้วยเหล้าและเนื้อหายากในมือ ความมั่นใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก
แต่โดยไม่คาดคิดเลย ว่าเมื่อไปถึงบ้านตระกูลเซี่ย ประตูกับหน้าต่างถูกปิดและไม่พบใครเลย
จางอวี้เจียวหยิบกุญแจออกมาและต้องการเปิดประตูลานบ้าน แต่พอเธอกำลังจะไขกุญแจ เธอพบว่าแม่กุญแจของบ้านถูกเปลี่ยนใหม่เป็นแม่กุญแจขนาดใหญ่ใหม่เอี่ยม
เกิดอะไรขึ้น?
เปลี่ยนแม่กุญแจแล้วเหรอ?
หรือนี่จะเป็นการตัดความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสกับเธอโดยสิ้นเชิงกัน?
พี่ใหญ่ตระกูลจางมีสีหน้าซีดเซียวทันที
เขายกเท้าใหญ่ขึ้นแล้วเตะอย่างแรงไปที่ประตูลานบ้าน
“ปัง!” มีเสียงดังขึ้นและประตูลานบ้านยังคงปิดอยู่
พี่ใหญ่ตระกูลจางสบถออกมา “ให้ตายเถอะ แบบนี้มันหยามกันเกินไปแล้ว!”
จางอวี้เจียวก็มีสีหน้าแย่มากเช่นกัน และเธอก็กำลังจะร้องไห้ “เมื่อวานฉันไม่อยากกลับบ้านเลย แต่พวกพี่ทุกคนก็ยืนกรานที่จะพาฉันกลับไป! ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ฉันเข้าบ้านนี้ไม่ได้แล้ว! ฉันผ่านประตูไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
พี่ใหญ่ตระกูลจางก็โมโหเช่นกัน “ฉันเคยบอกแล้วไงว่าครอบครัวของเซี่ยจิ่งเฉิน มันไม่ใช่คนดี!”
“นี่! กำลังพูดถึงใครอยู่หะ?” ขณะพี่ใหญ่ตระกูลจางพูดอยู่ ทันใดนั้นเซี่ยจิ่งเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นมา
กางเกงกับแขนเสื้อของเขาถูกพับขึ้น และเขาก็แบกจอบไว้บนบ่าราวกับว่าเพิ่งกลับมาจากการทำงานในทุ่งนา
เมื่อเขาเห็นจางอวี้เจียวและพี่ชายของเธอ เขาก็หรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาทันที