บทที่ 283 เซี่ยชิงหยวนเป็นคนบ้า
บทที่ 283 เซี่ยชิงหยวนเป็นคนบ้า
เซี่ยชิงหยวนนั่งตัวตรงและมองจางอวี้เอ๋อด้วยรอยยิ้ม
ผู้คุมที่ยืนอยู่ด้านข้างเดินเข้ามาจับจางอวี้เอ๋อกดลง ให้นั่งบนเก้าอี้เหมือนเดิม “เธอคิดจะทำอะไร!”
จางอวี้เอ๋อถูกกดตัวลงอย่างรุนแรง และอยากขัดขืนที่จะนั่งลงไป
เซี่ยชิงหยวนไม่รีบร้อน กอดอกแล้วมองดูอีกฝ่ายอย่างสบาย ๆ
ผู้คุมเริ่มใจร้อนและพูดเสียงเฉียบขาดว่า “เธออยากจะพูดอะไรต่ออีกไหม ถ้าไม่ก็กลับเข้าไปในห้องขังเหมือนเดิมซะ!”
จางอวี้เอ๋อยังมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า และรอยบวมปูดก็ยังไม่ยุบ ตอนนี้ใบหน้าของเธอผอมตอบจนเห็นคางเด่นชัด เธอสั่นไปทั้งตัว
เซี่ยชิงหยวนเผชิญหน้ากับเธอ ยิ้มและพูดเพียงสามคำ “หนี่เจี้ยนคัง”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของจางอวี้ก็เบิกกว้างยิ่งขึ้น
เธอจับชายเสื้อด้วยมือทั้งสองข้าง และพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะความกลัวในใจก่อนจะเลิกขัดขืนและนั่งลง
เธอลดเสียงลง แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดตัวสั่นได้ “เธอคิดจะทำอะไร!”
รอยยิ้มของเซี่ยชิงหยวนลึกขึ้น “เธอคิดว่าไงล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนกวักมือเรียกจางอวี้เอ๋อให้โน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ
ริมฝีปากสีเชอร์รีเบะออก “สิ่งที่ครอบครัวเธอต้องการทำกับครอบครัวของฉัน ฉันจะสนองคืนกับเธอทั้งหมดแบบทบต้นทบดอก”
เซี่ยชิงหยวนหยุดชั่วคราว “ไม่สิ ฉันจะทำให้แย่กว่าเป็นล้านเท่าเพื่อบรรเทาความเกลียดชังในใจของฉัน พวกเธอสองพี่น้องรักกันมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ลองชักชวนพี่สาวของตัวเองสักหน่อยให้หย่ากับพี่รองของฉันล่ะ ถ้าเธอทำแบบนั้น เวลาตำรวจมาถามฉันพรุ่งนี้ ฉันอาจจะหุบปากของฉันไว้ก็ได้ ว่าแต่เธอจะยอมทำข้อตกลงนี้ไหม?”
“แกมันบ้าไปแล้ว!” จางอวี้เอ๋ออุทานด้วยความโกรธ
ให้เธอแลกชีวิตคู่ของจางอวี้เจียวเพื่ออิสรภาพของตัวเอง ทำแบบนี้ในอนาคตเธอกับจางอวี้เจียวก็จะกลายเป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอ?
เซี่ยชิงหยวนสามารถคิดวิธีที่เลวร้ายเช่นนี้ได้ยังไง!
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ผู้คุมอยากจะก้าวไปเพื่อหยุดจางอวี้เอ๋ออีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนยกมือขึ้นเพื่อแสดงออกว่าไม่เป็นไร
เธอหันกายไปด้านข้างแล้วดึงคอเสื้อของจางอวี้เอ๋อ “หรือไม่เธอก็แค่สละชีวิตที่เหลือของตัวเองเพื่อจางอวี้เจียว หากเธออยู่ในคุกอย่างเชื่อฟังและพยายามเปลี่ยนตัวเองจริง ๆ บางทีเมื่อถึงเวลา เธออาจจะถูกปล่อยออกมาเดินข้างนอกก่อนตายก็ได้นะ”
“แต่เธอต้องคิดทบทวนดูให้ดี ๆ นะ ถ้าเรื่องของหนี่เจี้ยนคังถูกเปิดเผย เรื่องราวจะแตกต่างออกไปเชียวแหละ”
“เธอว่าตำรวจจะว่ายังไง ถ้ารู้ว่าเธอเป็นพวกชอบกระทำความผิดซ้ำ ๆ จนเป็นสันดาน?”
“นอกจากนี้ครอบครัวของเหอเส้าหยวนก็จะพยายามหาทางพาเขาให้พ้นผิด เธอคิดว่าเขาจะพูดอะไรเมื่อถูกสอบปากคำพรุ่งนี้ หืม?”
หลังจากพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็คลายมือจากคอเสื้อของจางอวี้เเอ๋อ และจัดคอเสื้อที่ยับของอีกฝ่ายให้เรียบร้อย เสียงของเธอนุ่มนวลราวกับเสียงพี่สาวคนสนิท “ฉันเชื่อว่าเธอรู้ว่าควรเลือกทางไหนจึงจะดีที่สุดนะ”
หลังจากพูดจบ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มและพูดกับผู้คุม “สหายตำรวจคะ ฉันเสร็จแล้ว ขอบคุณมากค่ะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้มองจางอวี้เอ๋อที่กำลังตกตะลึงซ้ำอีก และออกไป
จนกระทั่งประตูเหล็กหนัก ๆ ปิดลง จางอวี้เอ๋อจึงกลับมารู้สึกตัว
“กรี๊ดดด!” จางอวี้เอ๋อกรีดร้องและใช้มือกุมหัวของเธอ
บ้าไปแล้ว!
เซี่ยชิงหยวนเป็นคนบ้า!
เธอเป็นคนบ้าเหมือนกับเสิ่นอี้โจว!
เธอคว้าผู้คุมเรือนจำที่ผอมกว่าอีกคน ก่อนจะชี้ไปยังเซี่ยชิงหยวนที่จากไปแล้ว พลางตะโกนเสียงดัง “เธอเป็นคนวิกลจริต! รีบจับเธอไว้เร็วเข้า!”
ผู้คุมร่างผอมเหลือบมองจางอวี้เอ๋ออย่างไม่อดทน และสะบัดมือเธอออก “ฉันคิดว่าเธอนั่นแหละที่เป็นบ้าไปแล้ว!”
เซี่ยชิงหยวนดูเป็นคนอ่อนโยนและสุภาพมาก สมกับเป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง
ต่างจากจางอวี้เอ๋อที่เป็นนักโทษแล้วยังมีการกระทำที่ไม่ดีบราวนี่ออนไลน์
ทันใดนั้นจางอวี้เอ๋อก็นึกถึงบางสิ่งได้ แล้วพูดกับผู้คุมร่างผอมอย่างรวดเร็ว “ฉันต้องการโทรศัพท์ ให้ฉันโทรศัพท์ที!”
ผู้คุมร่างผอมสับสนกับคำขอของเธออยู่พักหนึ่ง และดึงเธอกลับเข้าไปในห้องขัง “เธอคิดว่านี่คือบ้านของเธอรึไง? คิดจะโทรหาใครก็สามารถทำได้งั้นเหรอห้ะ?”
การโทรศัพท์ครั้งก่อนนั้นทำได้เพราะเธอเป็นญาติของเสิ่นอี้โจว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างภรรยาของเลขาธิการเสิ่นและผู้หญิงคนนี้จะไม่ดีเท่าที่เธออวดอ้าง
ผู้คุมร่างอ้วนที่ส่งเซี่ยชิงหยวนออกไปเมื่อสักครู่นี้กลับเข้ามาและพูดว่า “ให้เธอโทรออกเป็นครั้งสุดท้าย”
ผู้คุมเรือนจำร่างผอมรู้สึกงุนงงจึงถามซ้ำ “ผู้บังคับบัญชาเห็นด้วยเหรอ?”
ผู้คุมเรือนจำอ้วนพยักหน้า “เป็นเลขาธิการที่ขออนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเป็นพิเศษ และภรรยาของเลขาธิการก็พูดว่า บางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะอยากโทรหาครอบครัวของเธอเพื่อสำนึกตัวน่ะ”
เขามองไปที่จางอวี้เอ๋อ “ภรรยาของเลขาธิการเสิ่นบอกให้เธอคว้าโอกาสนี้ไว้ซะ นี่จะเป็นการโทรครั้งสุดท้ายของเธอก่อนที่เรื่องราวจะยิ่งแย่ลง”
จางอวี้เอ๋อพยักหน้าอย่างเร่งรีบ และร่างกายของเธอก็ทรุดลง “ฉันรู้ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
ใคร ๆ ก็ไม่อยากตายกันทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะจางอวี้เจียวควบคุมเซี่ยจิ่งเฉินได้ ในวันนี้เซี่ยชิงหยวนคงจะไม่มาที่นี่เพื่อคุกคามเธอ
นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าเซี่ยจิ่งเฉินที่ไร้ประโยชน์แบบนั้นปล่อยให้ตาย ๆ ไปไม่ดีกว่ารึไง? จะดีกว่าไหมถ้าพี่สาวของเธอหย่ากับเขาไปให้จบ ๆ เพื่อหาผู้ชายใหม่ที่ดีกว่า?
ย้อนกลับไปตอนนั้น กว่าที่เธอจะสามารถกำจัดตระกูลหนี่ออกไปได้ด้วยการสัญญาว่าจะคลอดบุตร แค่นั้นมันก็สุดแสนจะลำบากแล้ว ดังนั้นเธอจะต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นให้คนอื่นล่วงรู้อีกเด็ดขาด!
อีกทั้งเหอเส้าหยวน เขาเห็นแก่ตัวและโหดร้าย…
จางอวี้ไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป เธอพูดว่า “ฉันต้องการโทรศัพท์ ฉันต้องโทรตอนนี้เลย!”
ในเวลานี้ สมาชิกของตระกูลจางน่าจะอยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาแล้ว ต้องหยุดครอบครัวของเธอ และทำให้พวกเขาโน้มน้าวจางอวี้เจียวให้หย่าให้ได้!
…
อีกด้านหนึ่งในหมู่บ้านซิ่งฮวา ทั้งครอบครัวตกใจกับคำพูดของจางอวี้เจียว
หวังผิงหลั่งน้ำตา “อวี้เจียว ใจเย็น ๆ อย่าทำอะไรโง่ ๆ!”
เธอตบหลังเซี่ยจิ่งเฉินอีกครั้ง “เขาเป็นแค่ไอ้สารเลว อย่าถือสาเขาเลย คำพูดว่าจะหย่าร้างเป็นเพียงเพราะเขากำลังโกรธเท่านั้นแหละ มันไม่ใช่คำพูดจากใจจริงหรอก!”
เซี่ยจิ่งเฉินขมวดคิ้วและตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด “แม่…!”
หวังผิงขัดจังหวะเขา “หุบปาก! คู่รักที่ไหนบ้างไม่เคยทะเลาะกัน? สุดท้ายทุกคู่ก็ทะเลาะกันตลอดชีวิตไม่ใช่รึไง? ดูสิ ตอนนี้แกไม่ฟังแม่ของแกด้วยซ้ำ แกไปเรียนรู้การกระทำแบบนี้ และการหย่าร้างมาจากไหน!”
เธอเกือบจะบอกว่านั่นต้องเป็นคำยุยงของเซี่ยชิงหยวน แต่ท้ายที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็เป็นลูกสาวของเธอเอง ในเวลานี้หญิงชราจะพูดความในใจเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองต่อหน้าทุกคนได้ยังไง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ประโยคสุดท้ายที่เซี่ยชิงหยวนพูดทางโทรศัพท์ยังคงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
แต่ยังไงเธอก็ไม่มีทางหันหลังกลับแล้ว
เซี่ยจิ่งเฉินมองไปที่ลูกสาวตัวน้อยของเขา หน้าแดงเธอจากการร้องไห้ เขากำหมัดแน่น และกัดฟันกรอด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ตระกูลจางก็อดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชมยินดี
แม่เฒ่าจางถือโอกาสพูดว่า “เกิดเป็นคนอย่าได้ลืมว่ารากเหง้าของตัวเองมาจากไหน! หลังจากไปทำงานในเมืองเตียนเฉิงก็อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง แล้วจะทิ้งภรรยาของตัวเองได้นะ!”
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เอาแบบนี้ นายมาคุกเข่าขอโทษลูกสาวของฉัน และสาบานว่าจะไม่พูดถึงการหย่าร้างอีก นอกจากนี้ให้น้องเขยของนายจัดการกับเรื่องลูกสาวคนเล็กของฉัน อวี้เอ๋อ ด้วย”
“เมื่อเธอออกมาจากเรือนจำก็จัดหางานดี ๆ ให้เธอ และหาคู่ในเมืองที่ดีที่สุดให้เธอซะ ถ้าได้ตามทั้งหมดนี้ครอบครัวของเราจะไม่ติดตามเอาเรื่องอะไรอีก”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยโยว่หมิงและเซี่ยจิ่งเยว่ก็หน้าแดงด้วยความโกรธจัด
ไร้ยางอาย!
ดวงตาของเซี่ยจิ่งเฉินลุกโชนด้วยความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้ และกำหมัดแน่น
เขาจ้องไปที่แม่เฒ่าจางแล้วพูดเสียงเฉียบขาดว่า “ไม่มีทาง!”
พี่ใหญ่ตระกูลจางตบโต๊ะ ชี้ไปที่เซี่ยจิ่งเฉินแล้วตะโกนว่า “นายหมายความว่ายังไงห้ะ!?”
พี่น้องตระกูลจางก็จับท่อนไม้ไว้แน่นเช่นกัน พวกเขาจ้องมองอย่างก้าวร้าว
หวังผิงเห็นอย่างนี้ เธอก็อยากจะประนีประนอมทันที
แต่เซี่ยจิ่งเฉินรั้งเธอไว้ และพูดทุกคำอย่างชัดเจน “ฉันบอกว่า ไม่ มี ทาง!”
ถ้ามันมุ่งเป้าไปที่เขาเป็นการส่วนตัวเท่านั้นก็ไม่เป็นไร
แต่คนเหล่านี้ถึงขนาดต้องการลากเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้โจวลงโคลนตมไปด้วย ซึ่งมันทำให้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป
พี่ใหญ่ตระกูลจางตกใจกับการแสดงออกของเซี่ยจิ่งเฉิน แต่เมื่อได้สติ เขาก็เดินเข้ามาจับคอเสื้อของเซี่ยจิ่งเฉิน คิ้วหนาดำทั้งสองขมวดแน่น “ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ แล้วไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับแล้วล่ะมั้ง!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เหวี่ยงหมัดต่อยไปที่หน้าเซี่ยจิ่งเฉิน
เซี่ยจิ่งเฉินโยกตัวไปด้านข้าง หลบการโจมตีของเขาก่อนจะใช้โอกาสคว้าข้อมือของอีกฝ่ายแล้วดึงเขามาข้างหน้า ทำให้เขาล้มลงกับพื้น
พี่ใหญ่ตระกูลจางต่อยอย่างสุดแรง ดังนั้นเมื่อถูกเหวี่ยงจึงไม่มีเวลาตั้งตัว และล้มลงโดยตรง
“โครม!” เขากระแทกพื้นอย่างแรง
แม่เฒ่าจางตะโกนด้วยความตกใจ “แกกล้าทำร้ายลูกฉัน!”
พี่น้องจางก็ลุกขึ้นเช่นกัน ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับท่อนไม้ในมือ
ปฏิกิริยาแรกของกงเหลียนซินและหวังผิงคือการกอดเด็กทั้งสอง ในขณะที่เซี่ยโยว่หมิงและเซี่ยจิ่งเยว่รีบก้าวไปข้างหน้าทันที
“ไอ้พวกเวร! พวกแกคิดจะรุมพี่น้องของฉันเหรอห้ะ!!”
ขณะที่กำลังจะเกิดการตะลุมบอนกันก็มีเสียงตะโกนดังมาจากประตู
จากนั้นทุกคนก็เห็นเพื่อนของเซี่ยจิ่งเฉิน กำลังวิ่งเข้ามาทีละคน
พวกเขามีกันเจ็ดหรือแปดคนได้ พอเข้ามาหมดแล้ว ก็ปิดประตูทันที