บทที่ 279 ยังไม่ได้เด็ดดาวให้คุณ
บทที่ 279 ยังไม่ได้เด็ดดาวให้คุณ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซี่ยชิงหยวนก็จับมือกงเหลียนซินแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้คะ ฉันรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ ที่พี่ยินดีทำสิ่งนี้เพื่อพี่รองและครอบครัว แต่ยังไงซะ นี่ก็คือสิ่งที่พี่รองต้องเผชิญด้วยตัวเอง”
ไม่ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้หรือไม่เต็มใจช่วย ทุกคนควรรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง
เนื่องจากเซี่ยจิ่งเฉินเลือกที่จะปกปิดความจริงของเรื่องในอดีตและแต่งงานกับจางอวี้เจียว เพราะงั้นเขาจะต้องชดใช้ราคาทั้งหมดด้วยตัวเอง
การเสียชีวิตของคุณปู่ ความผิดหวังในตัวเอง รวมถึงการห่างเหินจากพี่น้อง สิ่งเหล่านี้คือผลตามมาที่เขาควรแบกรับ
ตอนนี้เธอตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยเหลือเขา โดยมีเงื่อนไขว่าเขาต้องมีความมุ่งมั่นและความสามารถ เพียงพอจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยตัวเอง
มีเส้นทางบางสายที่คนอื่นไม่สามารถเดินแทนเขาได้
กงเหลียนซินถอนหายใจ พยักหน้าแล้วพูดว่า “พี่เข้าใจแล้ว เธอและพี่เขยไม่ต้องกังวลนะ”
หากไม่ได้ผล เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเธอก็จะส่งลูก ๆ กลับไปบ้านแม่สักสองสามวัน และเมื่อเรื่องของเซี่ยจิ่งเฉินกับจางอวี้เจียวได้รับการแก้ไขแล้วค่อยไปรับลูกกลับมาอีกครั้ง
ไม่อย่างนั้นมันคงยิ่งวุ่นวาย ถ้าตระกูลจางทำเรื่องน่ารังเกียจต่อหน้าเด็ก ๆ ทั้งหมด
มุมปากของเซี่ยชิงหยวนยกขึ้น “ขอบคุณค่ะพี่สะใภ้”
กงเหลียนซินกล่าวว่า “เราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำขอบคุณหรอก ในอดีตพี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าน้องรองกำลังคิดอะไร และแม่ก็เอาแต่ปกป้องทุกคนอยู่เสมอ ดังนั้นพี่จึงไม่สามารถพูดอะไรได้”
“แต่ตอนนี้เมื่อน้องรองคิดได้แล้ว ในฐานะพี่ชายของเขาและพี่สะใภ้ พวกเรารู้ดีว่าต้องทำอะไรต่อไป”
กงเหลียนซินบีบมือของเซี่ยชิงหยวนแน่น “จากนี้ไปพี่จะไม่ปล่อยให้ใครต้องทนทุกข์อีกต่อไปแล้ว”
ชิงหยวนเองก็จับมือของกงเหลียนซินแน่น ดวงตาของเธอมีน้ำตาคลอ “พี่สะใภ้”
ถัดมาเสิ่นอี้โจวได้รับสายโทรศัพท์ โดยบอกว่าหยางฉุนอี้และหนิงเซี่ยวเฉิงกำลังตามหาเขาอยู่
เขาออกไปข้างนอก และกว่าจะกลับมาก็ถึงเวลานอนแล้ว
เซี่ยชิงหยวนกำลังรอเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น “เป็นเพราะจางอวี้เอ๋อใช่ไหม?”
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ใช่ ผู้อำนวยการหยางบอกว่าการสอบสวนจะเริ่มในอีกสองวัน และไม่นานคำตัดสินก็ออกมาแล้วล่ะ”
เขาหยุดชั่วคราว “คนในครอบครัวของเหอเส้าหยวนกำลังใช้เส้นสาย และเมื่อถึงเวลา พวกเขาน่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้เป็นของจางอวี้เอ๋อ”
เซี่ยชิงหยวนพ่นลมหายใจเบา ๆ “เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาทำผิด คราวนี้เขาจะปฏิเสธมันได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำเหรอ?”
ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนตำแหน่งงานให้กับจางอวี้เอ๋อหรือการเช่าบ้านใหม่ให้เธอ สิ่งเหล่านี้เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถลบล้างได้
ยิ่งไปกว่านั้น จางอวี้เอ๋อไม่ใช่ผู้หญิงที่จัดการได้ง่าย ๆ
ตราบใดที่เธอเก็บหลักฐานว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน เช่น ผ้าพันคอหรือสิ่งอื่น ๆ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเหอเส้าหยวนที่จะแก้ต่างไม่ได้
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “แน่นอนว่าคุณจะต้องไปให้ปากคำ พูดง่ายๆ คือในช่วงสองวันหลังจากนี้คุณจะถูกเรียกตัวไป แต่คุณสามารถพูดอะไรก็ได้ที่ต้องการ และผมจะดูแลทุกอย่างให้เอง”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม และตอบว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เธอเห็นดวงตาที่ชัดเจนแฝงอ่อนโยนของเสิ่นอี้โจว ซึ่งมันทำให้ความกระวนกระวายใจและความไม่สบายใจของเธอค่อย ๆ สงบลง
ชายคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลา ลมหายใจแผ่วเบา และเสน่ห์ของชายแบบผู้ใหญ่ที่สั่งสมมาตามกาลเวลา
เขาทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
เธอโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาแล้วถอนหายใจ “ในชีวิตนี้ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ครอบครัวของฉันอาจจะยังใช้ชีวิตวุ่นวายเหมือนในอดีตก็ได้”
แม้ว่าเธอจะเกิดใหม่ แต่ก็ยังต้องสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปอยู่
ตอนนี้เสิ่นอี้โจวให้ความมั่นใจแก่เธอล่วงหน้าแล้ว
เสิ่นอี้โจวกอดเธอและแนบคางของเขาไว้บนหน้าผากของภรรยา “ชีวิตของผม นอกจากการรักคุณแล้ว เป้าหมายเดียวคือการได้สนับสนุนคุณไงล่ะ”
เขาโน้มตัวและจูบริมฝีปากของเธอเบา ๆ “ดังนั้นได้โปรดใช้ผมเท่าที่คุณต้องการเลย”
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยรักของเขาแล้วยิ้ม
มุมปากของเธอเม้มแน่น รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้
คืนนี้มีเรื่องสะเทือนใจเธอมากเกินไปจริง ๆ
เธอกอดเอวของเขาให้แน่นขึ้น และปลายนิ้วก็แตะกับเสื้อเชิ้ตที่เรียบร้อยของเขา
เธอพูดจากใจ “อี้โจว คุณดีกับฉันมากจริง ๆ”
เสิ่นอี้โจวก้มศีรษะลงคลอเคลียแล้วถูไถปลายจมูกของเขากับเธอ “ไม่ ยังไม่เพียงพอหรอก”
น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความยินดี แต่แล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “ผมต้องทำงานให้หนักมากขึ้น เพราะตอนนี้ผมยังไม่ได้เด็ดดวงจันทร์ให้คุณเลย”
ดังนั้นความรักของเขาที่มอบให้เธอจะไม่มีวันหมดลง
คิ้วและดวงตาของเซี่ยชิงหยวนโค้งขึ้น “คุณอยากจะเด็ดดวงจันทร์ให้ฉันเหรอ? ถ้าอย่างนั้นคุณจะต้องปฏิบัติต่อฉันอย่างดีตลอดชีวิตเลยนะ”
เสิ่นอี้โจวจับคางของเธอ “แน่นอน ผมจะปฏิบัติต่อคุณอย่างดีตลอดชีวิตที่เหลือของผม”
เขาไม่ต้องการเห็นน้ำตาของเธออีกเลย แม้ว่าคนที่สร้างเรื่องจะเป็นสมาชิกในครอบครัวของเธอก็ตาม
เขามอบจูบลงบนริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออก แล้วจึงประทับจูบลงไปอีกครั้งแล้วผละออก ทำอยู่เช่นนี้ซ้ำ ๆ ไปมา
เช่นเดียวกับฝนที่ตกลงมาในฤดูใบไม้ผลิ มันให้ความชุ่มชื้น สงบเย็น และไม่มีที่สิ้นสุด
ตรงช่องเล็ก ๆ ของประตู หัวกลมเล็ก ๆ ทั้งสองโผล่เข้ามาพร้อมกัน แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง
เซี่ยไป่เหิงจับเป้าของเขา “พี่ชาย ผมปวดฉี่มากเลย”
เสิ่นอี้หลินขี้เกียจเกินกว่าจะช่วยอีกฝ่าย
เขาทำท่าให้อีกฝ่ายเงียบ แล้วดึงเซี่ยไป่เหิงขึ้นไปบนเตียง “ชู่วววว ทนไว้ก่อน”
เซี่ยไป่เหิงหน้ามุ่ย “แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว”
ในขณะที่เขาพูด เขาดันเตะขาพลาดไปชนโต๊ะจนเกิดเสียงขึ้น ตอนนี้พวกเขาทั้งสองตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว
เสียงที่เกิดขึ้นทำให้คนทั้งสองในห้องนั่งเล่นตื่นตระหนก เซี่ยชิงหยวนรีบผลักเสิ่นอี้โจวออกทันที
ปากของพวกเขาแดงขึ้นและบวมนิดหน่อย ทั้งคู่หันมองไปที่ช่องเล็ก ๆ ของประตู
เสิ่นอี้โจวกระแอมไอในลำคอและพูดเสียงต่ำ “อี้หลิน?”
เสิ่นอี้หลินเปิดประตูด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนแล้วเดินเข้ามา ตามด้วยเซี่ยไป่เหิง
เนื่องจากจะกลับพรุ่งนี้แล้ว เซี่ยไป่เหิงจึงรบเร้าขอนอนกับเสิ่นอี้หลิน และหลินตงซิ่วก็นอนกับกงเหลียนซิน
เมื่อตอนค่ำเซี่ยไป่เหิงดื่มน้ำมากเกินไป เขาจึงตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะอยากเข้าห้องงน้ำ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้
เสิ่นอี้หลินก้มศีรษะลงแล้วเอ่ยทักเสียงอ่อย “พี่ชาย พี่สะใภ้”
มันจบแล้ว! พรุ่งนี้เสิ่นอี้โจวจะตีเขาแน่นอน!
โดยไม่คาดคิด เซี่ยไป่เหิงลืมตาปรือปรอยเพราะง่วงนอน และตะโกนออกมาว่า “อาเขย อาชิงหยวน”
เสิ่นอี้หลินตบหน้าผากตัวเอง และกลอกตามองเพดานโดยไม่พูดอะไร
ลืมไปซะเถอะ เขาไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว…
ในทางกลับกัน เซี่ยชิงหยวนหัวเราะออกมาเสียงดัง
เธอก้มลงแล้วถามว่า “เธออยากเข้าห้องน้ำเหรอ?”
เสิ่นอี้หลินผลักเซี่ยไป่เหิงเบา ๆ
เซี่ยไป่เหิงพยักหน้า “คุณอา ผมอยากฉี่”
เซี่ยชิงหยวนกำลังจะพูด แต่เสิ่นอี้โจวพูดก่อนว่า “อี้หลินพาไป่เหิงไปเข้าห้องน้ำสิ”
เสิ่นอี้หลินรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินประโยคนี้ จึงรีบลากเซี่ยไป่เหิงออกไปทันที
เมื่อมองตามแผ่นหลังของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ทั้งสองคน สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนพลันอ่อนโยนมากขึ้น
“เด็กสองคนนี้น่าสนใจมากจริง ๆ”
เสิ่นอี้โจวกอดเธอจากด้านหลัง “ลูกของเราจะยิ่งน่าสนใจมากกว่านี้อีก”
เขาพูด พลางเป่าลมหายใจร้อนรดต้นคอของเธอ จนเธอรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ
เซี่ยชิงหยวนรีบผละออกจากอ้อมแขนของสามีพลางจ้องเขาเขม็ง “เดี๋ยวพวกเขาก็ออกจากห้องน้ำแล้วนะ!”
เธอเดินไปที่ข้างโซฟาแล้วนั่งลงพลางพูดว่า “มานี่สิ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”
เสิ่นอี้โจวยิ้มบาง “เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่คุณพูดไม่ใช่เรื่องจริงจัง?”
เขาหยอกเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเดินไปหา
เซี่ยชิงหยวนเพิกเฉยต่อคำหยอกล้อของเขา และพูดว่า “ฉันรู้สึกกังวลเกี่ยวกับบางอย่างน่ะ หากตระกูลจางพาคนมา ฉันเกรงว่าพี่ชายของฉันจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้”
ให้เซี่ยจิ่งเฉินแบกรับความรับผิดชอบนี้ด้วยตัวเองมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การป้องกันไม่ให้เขาต้องถูกทุบตีมันก็เป็นอีกเรื่อง
เสิ่นอี้โจวพยักหน้า “ผมมีความคิดดี ๆ อยู่”