บทที่ 275 ฉันจูบคุณมันผิดตรงไหน?
บทที่ 275 ฉันจูบคุณมันผิดตรงไหน?
จางอวี้เอ๋อรอเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่ผู้คุมจะกลับมา
เขามองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า “ออกมา แค่ห้านาทีเท่านั้น”
จางอวี้เอ๋อดีใจมากและตอบอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณ! ขอบคุณ!” ในเวลานี้ ปกติแล้วจางอวี้เจียวจะงีบหลับอยู่ที่บ้านจนถึงบ่ายสามหรือสี่โมงเย็น
เมื่อชาวบ้านมาขอให้เธอรับโทรศัพท์ เธอก็ตื่นมาด้วยอาการงัวเงียและหงุดหงิด
เธอบอกปัดไปอย่างไม่อดทน “ไม่รับ ไม่รับ!”
เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านตะโกนอยู่นอกหน้าต่าง “น้องสาวของเธอบอกว่ามีเรื่องด่วน ถ้าไม่มารับ ฉันจะวางสายแล้วนะ!”
เมื่อจางอวี้เจียวได้ยินแบบนี้ เธอก็กระเด้งตัวลุกจากเตียงทันที
หัวใจของเธอเต้นเหมือนกลอง และตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ได้
เธอไม่เสียเวลาแม้แต่จะหวีผมด้วยซ้ำ “ไป ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
จางอวี้เจียวใส่รองเท้าแตะของเธอ เปิดประตูแล้ววิ่งออกไป
หวังผิงกำลังดูแลเซี่ยซือถงกับเซี่ยซือเหยียนอยู่ที่ลานบ้าน เมื่อเห็นจางอวี้เจียววิ่งออกมาเร็วมาก เธอก็อดไม่ได้ที่จะตะโกน “ใจเย็น ๆ!”
จางอวี้เจียวแทบหายใจไม่ทันเมื่อไปถึงโทรศัพท์ “ว่าไงอวี้เอ๋อ?”
เสียงร้องของจางอวี้เอ๋อดังมาจากปลายสายทันที “พี่สาว พี่ต้องช่วยฉันนะ!”
จางอวี้เจียวระงับความไม่สบายใจ แล้วพูดอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้น? อธิบายให้ฉันฟังดี ๆ ก่อน!”
จางอวี้เอ๋อพูดพลางร้องไห้ อธิบายเรื่องโดยย่อเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้
ขณะที่พูดเล่าเรื่อง จางอวี้เอ๋อใช้มือป้องปากกับโทรศัพท์ เพราะกลัวว่าผู้คุมที่อยู่ด้านข้างจะได้ยิน
หากผู้คุมรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างเธอกับครอบครัวของเสิ่นอี้โจว ผู้คุมจะไม่มีวันช่วยเธออีกเลย
ดวงตาของจางอวี้เจียวเปลี่ยนเป็นมืดหม่นเมื่อเธอได้ยินเรื่องทั้งหมด
เธออุตส่าห์จินตนาการว่าเธอจะสง่างามแค่ไหนในฐานะพี่สะใภ้ของรองผู้อำนวยการ แต่สิ่งนี้กลับเกิดขึ้นกะทันหัน!
เธอตบหน้าผากตัวเองแล้วดุกลับไป “ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้! ไม่รู้รึไงว่าต้องร้องไห้ยังไง เหอเส้าหยวนบังคับให้เธอต่อสู้กลับจนตัวตายรึไง? ตอนพวกเขาเรียกตำรวจแต่เธอกลับเอาแต่กอดไอ้หัวหน้าคนนั้นไม่ยอมปล่อยมือ!”
“ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน ถ้าจำเป็นคุณก็ต้องเถียงหัวชนฝา ไม่ก็วิ่งเอาหัวโขกกำแพงซะ บังคับให้เซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวออกมาให้ได้!”
จางอวี้เอ๋อหลั่งน้ำตา “หยุดดุฉันก่อนได้ไหม ตอนนี้หาทางช่วยฉันก่อนเถอะ!”
“ฉันได้ยินมาว่าเหอเส้าหยวนกับฉันอาจถูกตัดสินประหารชีวิตด้วย!”
ทั้งสองคนรู้ดีว่าการก่ออาชญากรรมด้วยการเล่นชู้เป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงมาก
จางอวี้เจียวเกาหัวของเธออย่างฉุนเฉียว “จำไว้ว่าต่อจากนี้ไป หากพวกเขาถามคำถามอะไรกับเธอ เธอจะต้องไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ฉันจะโทรหาพี่เขยของเธอแล้วขอให้เขาตามหาเซี่ยชิงหยวนกับเสิ่นอี้โจวให้”
…
กงเหลียนซินและเซี่ยไป่เหิงอาศัยอยู่ในห้องหนังสือ เนื่องจากไม่มีห้องว่างในบ้านแล้ว
เซี่ยชิงหยวนไปหาห้องเช่าให้สำหรับเซี่ยจิ่งเฉิน ซึ่งอยู่ข้างๆ เขตที่พักครอบครัว
เธอไปที่ตลาดและซื้อวัตถุดิบมารอปรุงอาหารในตอนเย็น วางแผนว่าจะทำอาหารมื้อใหญ่ที่อร่อยที่สุด
เมื่อเธอถือข้าวของและกำลังเดินกลับบ้าน เธอก็ดึงดูดสายตาคนนับไม่ถ้วน
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและยิ้มให้ผู้คนราวกับว่าเธอไม่รู้อะไรเลย
เมื่อเธอกลับถึงบ้าน หญิงสาวก็พบว่าเสิ่นอี้โจวกลับมาแล้ว
เขานั่งบนโซฟาโดยหันหลังให้เธอ และกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ในมืออยู่
เซี่ยชิงหยวนวางข้าวของทั้งหมดในห้องครัวและล้างมือ แล้วเดินเข้าหาอย่างเงียบ ๆ แล้วกอดเขาจากด้านหลัง
เธอกระซิบข้างแก้มของผู้เป็นสามีด้วยเสียงแผ่วเบา “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”
เสิ่นอี้โจวลูบแก้มของเธอเบา ๆ ตอนนี้ทั้งสองเหมือนลูกแมวสองตัวกอดกันอย่างอบอุ่นและน่ารัก
เขาถือหนังสือพิมพ์ไว้ในมือหนึ่ง และอีกมือหนึ่งจับแขนเธอไว้แน่น “ผมเพิ่งกลับมาไม่นานเอง”
สาเหตุที่เขาออกไปจากบ้านชั่วคราวก็เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องวุ่นวายของจางอวี้เอ๋อ โดยการไปหลบอยู่ในศาลากลาง
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกผิด “เป็นเพราะฉัน เลยทำให้คุณต้องทำงานล่วงเวลาสินะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็เอียงคอและจูบมุมริมฝีปากของเขาอย่างแรง “ขอบคุณนะ”
เสิ่นอี้โจวยกมุมปากยิ้ม
เขาลูบนิ้วเรียวยาวของภรรยา “ขอบคุณแค่นี้ยังไม่พอหรอกนะ”
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันพลัน
เมื่อเห็นนิ้วเรียวของเขาลูบไล้ตัวเธอ การตัดกันระหว่างผิวสีขาวกับผิวสีข้าวสาลีก็ทำให้เธอนึกถึงภาพสีสันสดใสบางภาพอย่างที่อธิบายไม่ถูก
เธอต้องการดึงมือของเขาออก แต่เสิ่นอี้โจวยังจับเธอไว้แน่น
จากนั้นยังไม่ทันเอ่ยกล่าว เธอก็เอามืออีกข้างสอดเข้าไประหว่างกระดุมเม็ดที่สองที่เสื้อเขา
เสิ่นอี้โจวส่งเสียงอย่างพึงพอใจทันที “อื้ม!”
แน่นอนว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ เธอก็ขยับมือของตัวเองไปทางแนวอกแกร่ง
เธอสัมผัสกล้ามเนื้อเรียบนูนกำลังพอดี ที่ให้ความรู้สึกดีมาก และทันใดนั้นที่นิ้วของเธอก็บีบคลึงแผ่นอก
เซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ข้างหลังเขา โดยที่ร่างกายส่วนบนโน้มลงมา ศีรษะของเธอเอียงไปข้างหน้า ทำให้เห็นสีหน้าที่ไม่อาจอดกลั้นได้ของเขา
ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงตามการกลืนน้ำลาย
ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนจ้องมองไปยังกระดุมบนสุดที่เขาติดอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเธอตอนนี้ค่อนข้างน่าพอใจไม่น้อย
เสิ่นอี้โจวหยุดนิ้วของเธอที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างซุกซน เขากัดฟันแน่น “วันนี้คุณดูอารมณ์ดีจังเลยนะ คุณได้คุยกับพี่รองของคุณแล้วเหรอ?”
มือของเซี่ยชิงหยวนถูกกุมไว้ แต่สัมผัสที่เรียบเนียนนั้นทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเล่นอีก
เสิ่นอี้โจวมีรูปร่างที่ผอมสมส่วน เมื่อแต่งตัวแล้ว เขาก็มีรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบเทียบได้กับนายแบบชายที่เธอเห็นในนิตยสารแฟชั่น
มุมปากของเธอโค้งงอขึ้น “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอารมณ์ดี?”
เสิ่นอี้โจวจ้องไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะกาแฟตรงหน้า
ดวงตาของเขามืดลง “มันหายากที่คุณจะเป็นคนเริ่มก่อน เพราะงั้นคุณน่าจะกำลังอารมณ์ดีไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเธอมีความสุข ก้าวของเธอจะเบาลงเมื่อเดิน และหางเสียงของเธอจะดังขึ้นเมื่อเธอพูด…ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยที่เธอไม่สังเกตเห็นเลย
เซี่ยชิงหยวนพูดอย่างโกรธ ๆ และเกลี่ยเล่นใต้ฝ่ามือของเขาอีกครั้ง “แล้วยังไง ปกติฉันแค่ไม่อยากจะเริ่มก่อน เพราะถ้าฉันเป็นคนเริ่ม คุณอาจจะต้องใช้เวลาทุกวันทั้งวันบนเตียงแน่ ๆ”
เส้นเลือดบนคอของเสิ่นอี้โจวนูนขึ้นทันทีตามการกระทำของเธอ
มือที่เดิมลูบนิ้วของเธอเปลี่ยนเป็นจับข้อมือแทน “ไม่คิดจะหยุดใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนตระหนักอย่างช้า ๆ ว่าแผ่นอกที่เธอสัมผัสก็เปลี่ยนจากอ่อนนุ่มเป็นตั้งแข็ง และขนบริเวณโดยรอบต่างพากันลุกชันทันที
เธอตัวแข็งและไม่ขยับไหว “คุณเป็นผู้ชายของฉัน ฉันสัมผัสมันไม่ได้เหรอ? ฉันสัมผัสมันได้ทุกเมื่อที่ฉันต้องการ และฉันก็สัมผัสมันได้ทุกแบบที่ฉันอยากทำด้วย”
เธอจูบกระเดือกนูนตรงลำคอของเขา “นี่ไงฉันจูบคุณอยู่ ผิดตรงไหน?”
ทำไมเธอต้องยอมให้เสิ่นอี้โจวแกล้งเธอก่อนทุกครั้ง?
ตอนที่เธออยู่ในหมู่บ้านซีสุ่ยและสถาบันธรณีวิทยา เธอยังเป็นผู้นำอยู่เลย
เสียงของเสิ่นอี้โจวแหบแห้งอย่างสิ้นเชิง “ก็ได้ งั้นผมจะสนองความต้องการของคุณให้”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนและโอบเอวของเซี่ยชิงหยวนด้วยแขนเพียงข้างเดียว
เซี่ยชิงหยวนตกใจกับการกระทำที่กะทันหันนี้
เธอมักจะลืมความแข็งแรงที่เขาสามารถปลดปล่อยออกมาได้เสมอ เพียงเพราะว่าเมื่อครู่นี้มือของเขาไม่ว่างอยู่
แต่ตอนนี้ก็สายเกินไปที่จะเสียใจแล้ว
ฝ่ามือใหญ่ของเขายังคงแนบอยู่ที่หลังส่วนล่างของเธอ และอุณหภูมิที่ร้อนอ้าวก็ทะลุผ่านเสื้อผ้า ทำเอาผิวหนังบริเวณนั้นของหญิงสาวร้อนแทบไหม้
เธอแนบชิดกับเขาเกือบทั้งร่าง การหายใจของทั้งสองประสานกัน และสมองเริ่มขาดออกซิเจน
เสิ่นอี้โจวจับท้ายทอยของเธอไว้ “อย่าร้องไห้ทีหลังก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงเอ่ย เขาก็จูบเธออย่างแรง
เขารองรับน้ำหนักตัวของเธอ พาหญิงสาวลงนอนบนโซฟา จูบด้วยแรงอารมณ์ มันทั้งหนักหน่วงและดุดัน จนเธอแทบจะหมดลมหายใจ
เซี่ยชิงหยวนนอนอยู่บนโซฟา โดยจำได้ว่าทั้งสองยังอยู่ในห้องนั่งเล่น
เธอเอื้อมมือออกไปผลักเขา ทำให้เธอมีเวลาวินาทีหรือสองวินาที “อย่า…อย่าทำที่นี่”
เสิ่นอี้โจวมองที่เธอ แต่ใบหน้าที่มักจะเย็นชาของชายผู้นี้ตอนนี้มีแต่ความใคร่เท่านั้น “ผมก็นึกว่าคุณไม่กลัวอะไรแล้วซะอีก”
มือใหญ่ของเขาสอดเข้าไปในเสื้อผ้าด้านหลังเธอ คลำหาสายชุดชั้นในแล้วใช้นิ้วปลดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถลกเสื้อผ้าของเธอขึ้นไว้ที่ลำคอลำคล้ายถูกล่ามโซ่
ในครั้งนี้เซี่ยชิงหยวนตื่นตระหนกแล้วจริง ๆ
เธอจับมือเขา “เดี๋ยวพี่สะใภ้กับคนอื่นก็จะออกมาแล้วนะ”
ถ้าคนอื่นเข้ามาเห็นเธอและเสิ่นอี้โจวที่กำลังกอดรัดอยู่บนโซฟาแบบนี้ เธอคงไม่มีหน้าไปมองใครตรง ๆ อีกแล้ว
เสิ่นอี้โจวเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง นี่เป็นเวลา 16:12 น.
เขาฝังศีรษะของตัวเองไว้ในความนุ่มนิ่มที่ไร้สิ่งขวางกั้น “ไม่เป็นไร ยังมีเวลาอีกมากกว่าหนึ่งชั่วโมง”
หลังจากพูดแล้วเขาก็อุ้มเซี่ยชิงหยวนไปที่ห้องนอน
ขายาวเตะเปิดประตูแล้วปิดมัน ตามด้วยเสียงเสื้อผ้าที่ถูกถอดร่วงหล่น
เซี่ยชิงหยวนหน้าแดง แล้วถูกเสิ่นอี้โจวผลักลงบนเตียง “รีบหน่อย”
เสิ่นอี้โจว “ได้ครับ”
สิบนาทีต่อมา เซี่ยชิงหยวนก็ทนไม่ไหวจริง ๆ จนต้องร้องเสียงหลงออกมา
“ฉันไม่ได้หมายถึง…รีบแบบนี้”
———————