บทที่ 271 ให้เขาเห็นด้วยตาตัวเอง
บทที่ 271 ให้เขาเห็นด้วยตาตัวเอง
กงเหลียนซินเองได้ยินเสียงจึงมองไปเช่นกัน และพบว่าเป็นเซี่ยจิ่งเฉิน
เธอหันมองเซี่ยชิงหยวนทันที พลางส่งสายตาเป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงต่อไป
เซี่ยชิงหยวนตบมือของกงเหลียนซินอย่างมั่นใจแล้วลงจากรถ
เซี่ยจิ่งเฉินถือกระเป๋าสัมภาระใบเล็กและถุงตาข่ายใส่ผลไม้ไว้ในมือ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เพิ่งถามยามตรงประตูใหญ่มาน่ะ เขาบอกว่าเธอยังอยู่ที่บ้าน อี้โจวออกจากโรงพยาบาลมาพักใหญ่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้พี่ไม่มีเวลามาเยี่ยมเลย เพราะงั้นวันนี้พี่ก็เลย…”
เมื่อเห็นว่าเติ้งซูอี้นั่งรถออกไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เซี่ยชิงหยวนก็หันไปมองเซี่ยจิ่งเฉินที่ผอมลงมากกว่าครั้งล่าสุดที่เจอกัน หลังจากนั้นเหมือนเธอจะตัดสินใจบางอย่างได้ จึงคว้ามือพี่ชายด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว “พี่รองมากับฉัน”
พูดจบเธอก็ดึงเขาขึ้นรถ
ทันทีที่เธอนั่งประจำที่ เซี่ยชิงหยวนก็พูดทันที “เสี่ยวหลิวตามรถที่ขับออกไปเมื่อกี้เร็ว”
เสี่ยวหลิวไม่กล้าชักช้าหรือถามอะไรเพิ่มเติม พลันสตาร์ตรถแล้วเหยียบคันเร่งทันที
เซี่ยจิ่งเฉินขึ้นรถมาจึงเพิ่งรู้ว่ากงเหลียนซินก็อยู่ในรถด้วย
เขาเอ่ยด้วยแปลกใจ “พี่สะใภ้ พี่ก็มาหาชิงหยวนด้วยเหรอ?”
ตอนนี้พวกเขากำลังไปจับจางอวี้เอ๋อที่กำลังเล่นชู้กับสามีคนอื่น แต่จางอวี้เอ๋อก็เป็นน้องภรรยาของเซี่ยจิ่งเฉินด้วย กงเหลียนซินตอบอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก “อืม พี่พาไป่เหิงมาเที่ยวเล่นที่นี่น่ะ”
เซี่ยจิ่งเฉินรู้สึกว่าวันนี้กงเหลียนซินเหมือนจะทำตัวหลบเลี่ยงแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
เขาถามเซี่ยชิงหยวน “เธอจะรีบไปไหนเนี่ย?”
พวกเขากำลังแอบตามรถคันข้างหน้าไป ทำตัวคล้ายกับในหนังสายลับทำให้เซี่ยจิ่งเฉินเป็นกังวล
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้คิดจะซ่อนอะไรจากเขา แต่เธออยากให้เขาเห็นทุกอย่างด้วยตาของเขาเอง การได้เห็นกับตาแม้จะน่าตกใจ แต่มันย่อมชัดเจนกว่าคำพูด
เมื่อจางอวี้เจียวขอร้องให้ช่วยในอนาคต เขาจะได้รู้ว่าควรทำแบบไหนถึงจะถูกต้อง
เซี่ยชิงหยวนตอบว่า “เรากำลังติดตามไปจับคนเล่นชู้น่ะ”
“จับคนเล่นชู้?” เซี่ยจิ่งเฉินไม่เคยคิดเลยว่า เซี่ยชิงหยวนจะเป็นพวกชอบยุ่งเรื่องการเล่นชู้ของคนอื่นแบบนี้
เขากล่าวว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ ถ้ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเราก็อย่าไปยุ่งด้วยเลย”
ตอนเขายังเด็ก มีอยู่ครั้งหนึ่งด้วยความไม่รู้ของตัวเอง เขาตามพวกผู้ใหญ่ไปดูการจับชู้
ต่อมาเมื่อเขากลับบ้าน เขาถูกแม่ตำหนิอย่างแรง ทำให้เขาจำได้ไม่ลืม
เซี่ยชิงหยวนพึมพำ “คราวนี้ มันอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเราก็ได้”
เธอมองไปยังกงเหลียนซินที่ขมวดคิ้วแน่น แล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าคนที่แย่งผู้ชายไปคือจางอวี้เอ๋อ”
“อะไรนะ?” เซี่ยจิ่งเฉินพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง “จางอวี้เอ๋อแย่งผู้ชายของคนอื่น!?”
สีหน้าของเซี่ยชิงหยวนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “มันยังเป็นแค่การสงสัยน่ะ วันนี้ฉันเลยจะตามไปดู”
ศาลากลาง เซี่ยจิ่งเฉินเคยเห็นเหอเส้าหยวนกับเติ้งซูอี้แล้วหลายครั้ง และเขาจำทั้งสองคนได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขากำลังเดินมาบ้านของเซี่ยชิงหยวน เขาก็บังเอิญเห็นสองคนนั้นด้วย
แต่มันมีความผิดปกติเล็กน้อย เพราะทั้งคู่นั่งรถคนละคันออกไปข้างนอก
ปรากฏว่ามีเรื่องแบบนี้เอง
ถ้าให้พูดก็คือ น้องเขยผู้มีอำนาจมากมายที่จางอวี้เจียวพูดถึงก็คือเหอเส้าหยวน
เมื่อนึกถึงการที่จางอวี้เจียวไม่แยแสเขา และดูถูกทั้งครอบครัวของเขา มาตอนนี้เขาก็เข้าใจทันที
นี่หมายความว่าจางอวี้เอ๋อกำลังปีนกิ่งไม้สูง หนึ่งคนบรรลุเป็นเซียน หมูหมากาไก่รอบตัวก็เลยพลอยได้ดีได้ลอยขึ้นสวรรค์ไปด้วยสินะ?
เขารู้สึกตัวเย็นวาบขึ้นมาทันที ใบหน้าบิดเบี้ยวไม่เป็นทรง
เขาก้มศีรษะลงและกำหมัดแน่น โดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ เธอไม่ได้พูดอะไรอีก จดจ่อกับการเฝ้าดูความเคลื่อนไหวตรงหน้าอย่างจริงจังบราวนี่ออนไลน์
เธอเห็นรถคันข้างหน้าขับไปหยุดหน้าประตูบ้านหลังหนึ่ง
ประตูรถเปิดออก ผู้คนจำนวนมากทั้งชายและหญิงกรูกันออกมาจากบ้านหลังนั้น แทบทุกคนถือท่อนไม้ จอบ และคราด แล้วรีบเข้าไปในรถที่เติ้งซูอี้นั่งอยู่ทันที
เมื่อรถของเติ้งซูอี้สตาร์ทออกไป ก็มีรถเก่าอีกคันขับตามหลังไปสมทบเพิ่มด้วย
แน่นอนว่ารถอีกคันเป็นพวกเดียวกับเติ้งซูอี้ เดาได้จากเครื่องมือการเกษตรที่ยื่นออกมาจากหน้าต่างรถ
เห็นชัดว่าเติ้งซูอี้เรียกให้คนกลุ่มนี้ไปกับเธอ เพื่อบุกเข้าไปจับหญิงชู้ให้ได้คาหนังคาเขา
เซี่ยชิงหยวนสั่ง “เสี่ยวหลิวขับห่างออกมาอีกหน่อย ไม่งั้นพวกเขาจะเจอเรา”
เสี่ยวหลิวเพิ่มระยะห่างระหว่างรถตามคำแนะนำของเซี่ยชิงหยวนทันที
รถขับไปอีกประมาณยี่สิบนาที และหยุดลงที่หน้าบ้านหลังเล็ก ๆ อันเงียบสงบหลังหนึ่ง
เซี่ยชิงหยวนขอให้เสี่ยวหลิวจอดรถตรงหัวมุมถนนไม่ไกลมากนัก พวกเขาจะได้สามารถสังเกตการเคลื่อนไหวของฝั่งตรงข้ามได้ง่าย แต่ก็ปลอดภัยจากการถูกจับได้พอสมควร
เติ้งซูอี้และผู้หญิงวัยใกล้เคียงกันลงมาจากรถ พวกเธอแอบเดินตามเหอเส้าหยวนที่กำลังเดินเข้าไปในบ้านใกล้ ๆ โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าถูกสะกดรอยตามมา
คนของเติ้งซูอี้ที่เหลือยังคงรออยู่บนรถไม่ได้ลงตามไป
กงเหลียนซินมองเซี่ยชิงหยวนแล้วถามว่า “ชิงหยวนแล้วพวกเราล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนพูดอย่างใจเย็น “รอเดี๋ยวก่อน”
ดูเหมือนว่าเติ้งซูอี้และหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของเธอจะยังไม่ลงมือ พวกเขาน่าจะกำลังรอให้เหอเส้าหยวนกับจางอวี้เอ๋อเข้าด้ายเข้าเข็มกันก่อนจึงจะบุกเข้าไป
เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจจะไปร่วมฟังคำพูดหยาบคายของคนเหล่านี้ ดังนั้นเธอควรรอดูอยูห่าง ๆ จากข้างนอกดีกว่า
เติ้งซูอี้กับพี่สาวคนโตของตระกูลเติ้งแอบเดินตามเหอเส้าหยวนเข้าไปในสนามหญ้าของบ้านหลังเล็ก ๆ นั่นจากทางเข้าหลัก โชคดีสนามมีต้นไม้อยู่พอสมควร จึงพอสามารถใช้บังสายตาผู้คนได้
บ้านละแวกนี้น่าจะเพิ่งสร้างขึ้นใหม่ และพื้นที่ก็อยู่ห่างไกลจากเมืองเตียนเฉิง จึงมีคนอาศัยอยู่ไม่มากนัก
เหอเส้าหยวนเดินไปที่ห้องชั้นในสุด แล้วเคาะประตูสามครั้งก่อน จากนั้นจึงเคาะอีกหนึ่งครั้ง
สักพักประตูก็เปิดออกจากด้านใน
ผู้หญิงคนหนึ่งยื่นมือออกมาจากใจห้อง แล้วใช้ท่อนแขนโอบรอบคอเหอเส้าหยวน พลางส่งรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ยั่วยวน
เธอดึงเขาเข้าไปข้างใน เมื่อประตูปิดลงก็มีเสียงหัวเราะดังลอดออกมา
เติ้งซูอี้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ความหวังสุดท้ายในใจเธอก็พังทลายลงทันที
แม้เมื่อก่อนจะเคยสงสัยขนาดไหน แต่มันก็ไม่มีอะไรทำให้เดือดดาลใจไปมากกว่าการได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว
เหอเส้าหยวนทรยศต่อเธอและครอบครัวของเธอจริง ๆ!
ร่างกายของเธอสั่นด้วยแรงโกรธและเกลียดชัง
เธออยากจะรีบเข้าไปเสียตอนนี้ แล้วฉีกทึ้งร่างสุนัขทั้งตัวเมียตัวผู้ที่อยู่ในห้องให้ขาดเป็นชิ้น ๆ!
พี่สาวคนโตของตระกูลเติ้งเองก็โกรธมากเช่นกัน ตาขอเธอแดงก่ำ กัดฟันกรอดและสบถว่า “ไอ้เหอเส้าหยวน ไอ้คนไร้ยางอาย!”
เธอดึงเติ้งซูอี้ที่กำลังจะคลุ้มคลั่งไว้ “อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ รอให้ทั้งสองคนถอดเสื้อผ้าออกก่อน แล้วเราค่อยพาคนบุกเข้าไป ถึงเวลานั้นพวกเขาจะต้องพังพินาศแน่!”
พวกที่กล้ารังแกตระกูลเติ้ง เกรงว่าพวกเขาคงเขียนคำว่า ‘ตาย’ ไม่เป็นใช่ไหม?
เติ้งซูอี้ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา พลางเธอพูดอย่างขมขื่น
“พี่สาวไม่ต้องห่วง ฉันเข้าใจแล้ว”
เมื่อเห็นว่าน้องสาวสงบลงแล้ว พี่สาวคนโตของตระกูลเติ้งก็โล่งใจเล็กน้อย
เธอดึงเติ้งซูอี้เข้ามาใกล้ และนั่งยอง ๆ ลงข้างประตู เอาหูแนบเพื่อฟังการเคลื่อนไหวภายใน
พวกเธอคิดว่าจะต้องรอเป็นเวลานาน แต่ที่ไหนได้ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าเหอเส้าหยวนจะลากจางอวี้เอ๋อไปหาเตียงทันทีที่เขาเข้าประตูไป
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงครวญครางของผู้หญิงคนหนึ่งดังลอดออกมา
จางอวี้เอ๋อพูดด้วยความโกรธ “ทำแรงขนาดนี้คุณต้องการให้ฉันตายรึไง?”
เหอเส้าหยวนหอบหนัก “แต่เธอก็ชอบไม่ใช่เหรอ? เมียฉันที่บ้าน เวลาจะแตะต้องเข้าหน่อยก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้าหล่อน แต่กับเธอยัยคนใจง่ายที่ยอมทุกอย่างแบบนี้ ฉันไม่สนใจเธอหรอก”
เติ้งซูอี้นั่งยอง ๆ อยู่ข้างนอกฟังการเคลื่อนไหวข้างใน เธอกำมือแน่นจนเล็บเจาะฝ่ามือและมีเลือดไหลซึมออกมา
ขณะเดียวกัน พี่สาวคนโตก็วิ่งกลับไปที่ประตูลานเพื่อเรียกคนเข้ามาแล้ว
เพียงไม่กี่วินาที คนของเติ้วซูอี้แปดเก้าคนพร้อมอาวุธครบมือก็เดินเข้ามา เห็นแบบนั้นเติ้งซูอี้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอกระซิบสั่งชายร่างสูงประมาณ 1.8 เมตร “พังประตูเวรนั่นให้ฉันที!”
เซี่ยชิงหยวนและทั้งสามยังคงนั่งอยู่ในรถ และไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย
โดยเฉพาะเซี่ยจิ่งเฉิน เขามีสีหน้าเศร้าหมองมาก
เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจจะอธิบายให้เขาฟัง
หากพี่รองของเธอยังทำตัวเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่เห็นเหตุการณ์พวกนี้แล้ว อย่างนั้นในอนาคตก็อย่าได้ตำหนิเธอที่จะไม่สนใจครอบครัวของเขาเลยก็แล้วกัน
ขณะที่หญิงสาวกำลังเบื่อหน่ายกับการมองไปทางประตู
ในที่สุดเธอก็เห็นพี่สาวคนโตของตระกูลเติ้งออกมาเรียกคนของตน ทันใดนั้นกลุ่มคนก็รีบลงจากรถทันที
กงเหลียนซินเหลือบมองเซี่ยจิ่งเฉินอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นกลุ่มคนเดินเข้าไปในลานบ้าน เซี่ยชิงหยวนก็แก้มัดผม ปล่อยให้ผมกระจายปิดบังแก้มทั้งสองข้าง ปิดครึ่งล่างของใบหน้าตัวเองด้วยผ้าพันคอ และทำแบบนี้ให้กับกงเหลียนซินด้วยเช่นเดียวกัน
พวกเขายืนอยู่ที่ประตูลานบ้านและได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน พร้อมด้วยเสียงร้องของชายหญิงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในละแวกบ้านใกล้เคียงก็ออกมาจากบ้าน และมองหน้ากันเองด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
มีคนเห็นเซี่ยชิงหยวนยืนอยู่ที่นั่น จึงก้าวเข้ามาถามว่า “พี่สาว คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เซี่ยชิงหยวนแสร้งทำสีหน้ากระอักกระอ่วน “ฉันก็ไม่แน่ใจนะ แต่เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินคนข้างในสบถด่าคำว่านังจิ้งจอกและชายไร้หัวใจด้วยน่ะ”
ฟังแค่นี้ทุกคนก็เข้าใจแล้ว
ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น กลับกัน มีแต่จะเข้าไปร่วมสนุกแทน
จากนั้นผู้คนทั้งหลายก็ห้อมล้อมรอบลานบ้านเต็มไปหมด
เซี่ยชิงหยวนมองย้อนกลับไปที่รถ เซี่ยจิ่งเฉินยังคงนั่งอยู่บนนั้นและไม่ได้ลงมา
เธอเลยเพิกเฉยเขาและดึงกงเหลียนซิน “พี่สะใภ้ไปดูกันเถอะ”
———————