บทที่ 270 ไม่รู้สึกผิด
บทที่ 270 ไม่รู้สึกผิด
นิ้วเรียวยาวของเสิ่นอี้โจวเสยคางของภรรยา ทำให้เธอต้องมองเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วไหม?”
เซี่ยชิงหยวนไม่อยากยอมแพ้โดยที่ไม่สู้ “นวดให้คุณดีไหม?”
ในขณะที่เธอพูด มือเล็ก ๆ ก็บีบไหล่ให้เสิ่นอี้โจวไปด้วย
เสิ่นอี้โจวจับมือของเธอไว้ทันที “นี่ยังงไม่ถึงใจพอ”
เซี่ยชิงหยวนจ้องมองสายตาแพรวพราว แล้วอยากจะผลักเขาออกไป “งั้นคุณออกไปวิ่งข้างนอกเถอะ”
แต่ถึงอย่างนั้นเสิ่นอี้โจวก็กอดเธอแน่น เพื่อไม่ให้หญิงสาวดิ้นสู้ “ข้างนอกมืดแล้วนะ ทำไมคุณใจร้ายจัง”
เซี่ยชิงหยวนดึงหูของเขา “เมื่อวานก็ทำกันไปแล้ว คืนนี้ให้ฉันพักสักหน่อยสิ?”
เสิ่นอี้โจวก้มลงไปจูบมือของเธอ “เอาละ ถ้างั้นคุณไม่ต้องขยับเลย ผมจะทำทั้งหมดเอง”
เซี่ยชิงหยวน “…”
…
เซี่ยชิงหยวนโยกตัวไปมา “คุณไม่ได้บอกว่าฉันไม่ต้องขยับเหรอ?”
เสิ่นอี้โจวจับเอวของเธอแล้วให้อีกฝ่ายนอนลง “ก็ใช่น่ะสิ นี่ผมให้คุณขยับแล้วเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนตอบกลับ “นี่คุณกำลังเล่นตลกกับฉันเหรอ!”
เธอถูกจับให้อยู่ในท่านี้และท่านั้น…
ริมฝีปากของเสิ่นอี้โจวยิ้มอย่างมีเสน่ห์ และดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย
เขาก้มตัวลงและยังคงใช้มือข้างหนึ่งจับเอวของเธอไว้เพื่อพยุงน้ำหนักของภรรยา “มีผมคอยช่วยอยู่ แล้วคุณจะกลัวอะไรล่ะ?”
ร่างของเธอถูกพลิกนอนราบอย่างกะทันหัน เส้นเลือดบนหน้าผากและคอของเสิ่นอี้โจวก็แทบระเบิดออกมา
เขากัดฟันกรอด “คุณตั้งใจทำมันหรือเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวรัว “ฉันเปล่านะ”
เสิ่นอี้โจว “งั้นเพิ่มอีกหนึ่งชั่วโมง”
เซี่ยชิงหยวนร้องไห้เสียงหลงราวกับดอกลูกแพร์ท่ามกลางสายฝน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คุณแกล้งฉัน…”
…
เติ้งซูอี้ไม่อาจหลับสนิทได้เลยสักคืนเดียวตั้งแต่เธอได้ยินคำพูดของเซี่ยชิงหยวน และเสียงกรนของชายที่นอนร่วมเตียงอยู่ข้าง ๆ
เเพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมล่าสุดของเหอเส้าหยวน ยิ่งเธอคิดถึงมันมากเท่าไร เธอก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเห็นเขากลับมาบ้าน เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นจนอยากจะทุบตีเขาขึ้นมาทันที
แต่สมองส่วนเหตุผลมาหยุดเธอเอาไว้
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซี่ยชิงหยวนครั้งก่อน เธอก็ได้เข้าใจอยู่หนึ่งสิ่ง
ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว เหอเส้าหยวนสามารถสังเวยตัวเธอได้โดยไม่ต้องคิดเลย
แม้ว่าเธอมักจะได้ยินเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับความเจ้าชู้ของเหอเส้าหยวน แต่เธอก็ไม่มีหลักฐาน และเขาก็ประพฤติตัวดี ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถจับได้ และหลังจากทะเลาะกันสองสามครั้ง เรื่องนินทาก็ซาลงไป
หากเธอเลิกกับเขาในครั้งนี้โดยไม่มีหลักฐานใด ๆ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ได้รับการชดเชยใด ๆ เท่านั้น เธอยังอาจถูกหญิงชู้คนนั้นมาแทนที่ด้วยซ้ำ
เธอปลอบใจตัวเอง อดทนอีกหน่อยเถอะ ถ้าเธอจับชู้ได้คาเตียง เธอจะให้เขาและผู้หญิงเน่า ๆ คนนั้นต้องชดใช้!
ในตอนเช้า มีรอยคล้ำปรากฏขึ้นใต้ตาของเธอ แต่เธอก็ยังเดินไปรอบ ๆ ศาลากลาง เพื่อดูว่าตัวเองจะได้พบกับผู้หญิงสวมผ้าพันคอที่เซี่ยชิงหยวนพูดถึงไหม
อยากเห็นจริง ๆ ผู้หญิงคนไหนกันที่มันกล้าคิดชั่วใช้สามีร่วมกับคนอื่น!
เธอเดินไปรอบ ๆ เกือบสองวัน แต่ไม่เห็นใครเลย และในขณะที่เธอกำลังคิดว่าจะขอลาหยุดสักสองสามวันเพื่อไปเดินสังเกตที่ตลาด ในที่สุดเธอก็ได้พบกับผู้หญิงที่สวมผ้าพันคอแบบเดียวกับตัวเอง!
จางอวี้เอ๋อเพิ่งกลับมาจากซื้อของกับคนงานของเธอ และกำลังสั่งให้คนอื่น ๆ ขนของลง
เพราะสภาพอากาศที่ร้อนนิดหน่อย เธอจึงถอดผ้าพันคอออกมาถือแล้วใช้แทนพัด
เติ้งซูอี้ไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงคนที่ตัวเธอตามหาจะกลายเป็นจางอวี้เอ๋อ!
เธอโกรธมาก และในขณะที่กำลังจะปรี่เข้าไปชำระบัญชี เธอก็เห็นเหอเส้าหยวนเดินมาจากอาคารฝั่งตรงข้าม
ราวกับไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เขามองไปยังคนงานที่กำลังขนย้ายของและพูดเบา ๆ กับจางอวี้เอ๋อ “สหายจาง มากับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะอธิบายให้เธอฟัง”
จางอวี้เอ๋อที่กำลังเย่อหยิ่งกลายร่างเป็นแกะตัวน้อยอ่อนโยนทันที แล้วตอบกลับว่า “ได้ค่ะรองผู้อำนวยการเหอ”
จากนั้นเธอเดินตามเหอเส้าหยวนเข้าไปในอาคารสำนักงาน
เติ้งซูอี้โยนไม้กวาดในมือทิ้งแล้วเดินตามไปทันที
เหอเส้าหยวนกับจางอวี้เอ๋อเข้าไปในห้องทำงานสำรองที่ด้านหลัง เมื่อประตูปิดลง พวกเขาก็พลอดรักกันทันที
เหอเส้าหยวนใช้ฝ่ามือหยาบกระด้างของตนนวดคลึงหน้าอกของจางอวี้เอ๋อแรง ๆ ทำให้เธอต้องส่งเสียงครางเบา ๆ ออกมา
เธอตบมือเขา แล้วพูดว่า “ให้ตายเถอะ ใจเย็น ๆ สิ ฉันเจ็บนะ”
เหอเส้าหยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผ่อนแรงของเขาลง แล้วจับต่ออีกสักพัก จากนั้นก็กระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่า ช่วงนี้เมียของฉันจับตาดูอยู่ เธออย่าเพิ่งเรียกหาฉันสิ”
“เธอส่งข้อความไปที่ออฟฟิศของฉันแล้วยังขวางฉันบนถนนอีก นี่เธอกำลังพยายามทำอะไรกันแน่?”
เมื่อเห็นว่าเหอเส้าหยวนจัดการกับเธอ จางอวี้เอ๋อก็ดุด่าบรรพบุรุษของเขาทั้งสิบแปดรุ่นในใจทันที
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากพูดจาเอาอกเอาใจ “ก็ฉันไม่ได้เจอคุณมาสองสามวันแล้ว ฉันก็คิดว่าคุณไม่สนใจฉันน่ะสิ สำหรับโลกภายนอกแล้ว เธอเป็นภรรยาของคุณ และเธอครอบครองคุณในเวลากลางคืนอีก แต่ฉันล่ะ?”
ขณะที่เธอพูด ดวงตาของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ “คุณมันโหดร้ายเหลือเกิน! เวลาอยู่บนเตียงคุณเรียกฉันว่าที่รักอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ตอนนี้พอคุณใส่กางเกง คุณกลับทำเป็นจำฉันไม่ได้”
เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ เหอเส้าหยวนก็กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ฉันไม่ได้กังวลว่าจะถูกเมียเจอหรอก จริง ๆ แล้วฉันกลัวว่าจะทำลายชื่อเสียงของเธอต่างหาก”
เขาทำหน้ามุ่ยและจูบปากของจางอวี้ “วันอาทิตย์นี้ ฉันจะไปหาเธอนะ ทำตัวดี ๆ ล่ะ”
จางอวี้ฟังแล้วจึงยอมแพ้
แต่เธอยังไม่ลืมย้ำกับเขาว่า “คุณต้องอย่าลืมบอกเธอเรื่องการหย่าด้วยนะคะ พ่อแม่ของฉันบอกว่าหากไม่พาคนรักกลับไปในเดือนนี้ พวกเขาจะให้ฉันแต่งงานกับคนขายหมูในหมู่บ้านข้าง ๆ”
เหอเส้าหยวนรู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาที่ครอบครัวของจางอวี้เอ๋อจะพาเธอกลับไป เธอจะได้ไม่ต้องมารบกวนตัวเขาตลอดทั้งวันอีก
จากนั้นเขาก็เกลี้ยกล่อมต่อไป “ไม่ต้องห่วงนะ รอฉันหน่อย อีกสักสองสามวัน”
เหอเส้าหยวนไม่กล้าอยู่นานเกินไปในช่วงเวลาทำงาน หลังจากคุยจบเขาก็จากไป
พอออกมาจากห้อง เขามองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นใครเลย เขาจึงพองตัวยืดขึ้นอีกครั้ง และเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เติ้งซูอี้ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ได้ฟังการสนทนาของพวกเขาก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา เธอมองตามหลังของเหอเส้าหยวนที่จากไป ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ
ในอกของเธอเต็มไปด้วยความแค้น และอยากจะเข้าไปฉีกจางอวี้เอ๋อออกเป็นชิ้น ๆ
แต่เธอยังทำไม่ได้!
เธอต้องอดทนและรอโอกาสที่จะเปิดเผยเรื่องเลวทรามนี้ต่อหน้าทุกคน!
ในเวลานั้น มาดูกันว่าเหอเส้าหยวนจะหาข้อแก้ตัวอะไรได้อีกบ้าง!
เติ้งซูอี้ยืนอยู่ตรงมุมนั้น จนกระทั่งจางอวี้เอ๋อแอบออกมาแล้วก็เดินออกไป
ดวงตาของเติ้งซูอี้ขุ่นมัว การเยาะเย้ยฉายชัดบนมุมปาก
เติ้งซูอี้อดทนอยู่สองสามวันกับความปรารถนาที่จะบีบคอเหอเส้าหยวนให้ตายตอนที่เขาหลับ ในที่สุดเธอก็รอถึงวันอาทิตย์จนได้
รุ่งเช้า เหอเส้าหยวนแต่งตัวเรียบร้อย
ขณะที่โกนหนวดหน้ากระจกในห้องน้ำ เขาฮัมเพลงไปด้วยดูมีความสุขมาก
เติ้งซูอี้กำลังนั่งอยู่หน้าบ้านพร้อมกาแฟในมือ ฟังเสียงจากห้องน้ำ อารมณ์ของเธอผันผวนมากพานมือสั่นจนแทบจะทำกาแฟหก
ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืน เดินไปที่ประตูห้องน้ำเพื่อมองดูเหอเส้าหยวน โดยไม่สามารถซ่อนความเกลียดชังของเธอได้เลย
เหอเส้าหยวนเหลือบมองไปเห็นเข้า เขาเกือบสะดุ้งเพราะความตกใจ
เมื่อสายตาของเหอเส้าหยวนเหลือบมองมา เติ้งซูอี้ก็เปลี่ยนสีหน้าของเธอแล้วมองเขาอย่างใจเย็น
เหอเส้าหยวนเบะปากด้วยความไม่พอใจ “เดินมาไม่ให้สุุุ้มไม่ให้เสียงได้ยังไง?”
เติ้งซูอี้กลั้นหัวเราะเยาะไว้ในใจ แล้วพูดว่า “วันนี้คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ?”
เหอเส้าหยวนตอบอย่างเป็นธรรมชาติ “ยังมีงานค้างอยู่บ้างน่ะ เลยจะออกไปสะสางให้เสร็จที่ศาลากลางสักพัก”
เติ้งซูอี้ลอบกัดฟัน “คุณทำงานที่บ้านไม่ได้เหรอ?”
เหอเส้าหยวนคิดว่าเติ้งซูอี้โกรธเพราะเขาออกไปทำงานวันหยุด ดังนั้นเขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อม “มันมีเยอะเกินไป ทั้งยังมีเอกสารสำคัญบางอย่างที่นำกลับมาไม่ได้ด้วย”
เขานิ่งไปชั่วครู่ และพูดต่อ “ตอนนี้ก็ใกล้สิ้นปีแล้ว มีเรื่องต้องทำอีกมาก ผมจะทำทุกอย่างให้เสร็จ พอลูก ๆ กลับมาในวันหยุด ผมจะได้มีเวลาอยู่กับคุณและพวกเขาเพิ่มขึ้นไง ไม่ดีเหรอ?”
เติ้งซูอี้ฟังคำพูดของเหอเส้าหยวน เธอคิดว่าถ้าไม่สังเกตเห็นความสัมพันธ์ชู้สาวระหว่างเขากับจางอวี้เอ๋อ บางทีเธออาจจะน้ำตาไหลด้วยความดีใจเหมือนครั้งก่อน ๆ ไปแล้ว
เพื่อที่จะพบกับจางอวี้เอ๋อ เหอเส้าหยวนถึงกับใช้ลูกเป็นข้อแก้ตัว! เธออยากถามเขาจริง ๆ เขาไม่รู้สึกผิดเมื่อพูดถึงลูกสักหน่อยเหรอ?
เธอยิ้มอย่างเยือกเย็น “เอาละงั้นคุณไปเถอะ”
เธอมองดูรถของเหอเส้าหยวนอย่างสงบ และเมื่อรถขับไปจนสุดถนนก็มีรถคันหนึ่งขับมาจากทิศทางตรงกันข้าม
เติ้งซูอี้สาดกาแฟแล้วโยนแก้วลงไปในสวนดอกไม้ “ไป ตามเขาไป”
เซี่ยชิงหยวนและกงเหลียนซินไม่ได้ไปที่ร้านตรอกเก่าในวันนี้
พวกเธอนั่งรอในห้องนั่งเล่นเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวภายนอกผ่านทางหน้าต่าง
เสิ่นอี้โจวนั่งบนโซฟาและอ่านหนังสือพิมพ์ เหลือบมองภรรยากับพี่สะใภ้ที่กำลังสุมหัวกันวางแผน
เขายิ้มและส่ายหัว
เสี่ยวหลิวนั่งตัวตรงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเสิ่นอี้โจว เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกเรียกตัวมาดื่มชาในตอนเช้าเพราะอะไร
เขาพยายามคิดทบทวนทุกสิ่งระหว่างตัวเขากับเสิ่นอี้โจว เพื่อดูว่าเขาทำอะไรผิดไปหรือไม่
แต่คราวนี้เสิ่นอี้โจวไม่ได้เรียกเสี่ยวหลิวมาเพื่อตัวเขาเอง
“พวกเขาไปแล้ว” เซี่ยชิงหยวนหันกลับมาและพูดกับเสิ่นอี้โจว
เสิ่นอี้โจวเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ “เสี่ยวหลิว ขับรถให้ภรรยากับพี่สะใภ้ของฉันออกไปเที่ยวเล่นทีนะ”
“หืม?” เสี่ยวหลิวตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว
เยี่ยมเลย! ในที่สุดมันก็ไม่เกี่ยวกับการไล่เขาออก!
เสี่ยวหลิวลุกขึ้นยืนทันทีและพูดเสียงดัง “ครับ!”
เขาออกไปเปิดประตูรถแล้วพูดในคราวเดียวว่า “คุณนายทั้งสอง เชิญครับ”
เซี่ยชิงหยวนดึงกงเหลียนซินที่ยังคงกังวลอยู่ “พี่สะใภ้ ไปกันเถอะค่ะ”
ทันทีที่ทั้งสองขึ้นรถ พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากข้างนอก “ชิงหยวน”
หัวใจของเซี่ยชิงหยวนเต้นผิดจังหวะ เธอโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ และปรากฏว่าเป็นเซี่ยจิ่งเฉินที่เธอไม่ได้เจอมาพักใหญ่แล้ว
———————