บทที่ 268 สอดแนมความลับ
บทที่ 268 สอดแนมความลับ
เซี่ยชิงหยวนมองไปในทิศทางที่กงเหลียนซินชี้ไป แล้วเห็นว่าจางอวี้เอ๋อกำลังยืนกอดอกอยู่หน้ารถเข็นผัก พลางกระตุ้นให้คนอื่นขนผักด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “เร็วเข้า! ไม่ได้กินข้าวมารึไงถึงทำงานช้ากันขนาดนี้?”
จางอวี้เอ๋อปรับมุมของผ้าพันคอตัวเองเป็นครั้งคราวให้เห็นอย่างชัดเจน
กลุ่มคนที่เธอกำลังกดขี่อยู่ตอนนี้คือพวกคนที่ขนหมูกับเธอครั้งล่าสุด
กลุ่มคนนี้ไม่ตอบ แต่ดวงตาของพวกเขาแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่พอใจมากกับทัศนคติของจางอวี้เอ๋อ
เซี่ยชิงหยวนจ้องมองไปที่ผ้าพันคอของจางอวี้เอ๋อ และพยักหน้าอย่างครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “เป็นเธอนั่นแหละ”
กงเหลียนซินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เธอเป็นหัวหน้าจริง ๆ เหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนครุ่นคิดกับคำพูดของกงเหลียนซิน
จากนั้นเธอส่ายหัว “ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกันค่ะพี่สะใภ้”
แม้ว่าเธอจะให้ความสนใจกับการกระทำของจางอวี้เอ๋อ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เสิ่นอี้โจวจะจับตาดูผู้หญิงคนนี้ได้ตลอด
ไม่อย่างนั้นมันจะน่ารำคาญขนาดไหน?
แค่เห็นหน้าครู่เดียวก็น่าเบื่อเพียงพอแล้ว
เซี่ยชิงหยวนถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ “พี่สะใภ้คะ ช่วงนี้พี่สะใภ้รองได้พูดอะไรบางอย่างที่แปลก ๆ บ้างไหม?”
กงเหลียนซินถอนหายใจ “มันไม่ใช่เรื่องที่ฟังแล้วทำให้คนมีความสุขเลยเนี่ยสิ แต่ฉันก็คิดที่จะหาโอกาสบอกเธออยู่เหมือนกัน”
เนื่องจากเห็นจางอวี้เอ๋อ เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าจะพูดอะไร
“จำได้ไหมครั้งล่าสุดที่เธอโทรบอกว่าอยากให้พี่มาเที่ยวที่นี่?”
“พอพี่ไปบอกพี่ใหญ่ของเธอกับพ่อแม่ พวกเขาก็ไม่ขัดข้องอะไรเพียง บอกแค่ว่าพี่ควรลองมาเที่ยวดู”
“ยิ่งไปกว่านั้น พี่สะใภ้รองของเธอก็ไม่ได้เอะอะ แถมยังยิ้มแล้วอวยพรให้พี่ไปดีมาดี ระวังผู้คนบนรถไฟด้วย”
“พี่ก็เลยถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็บอกว่าน้องสาวของเธอจะเป็นภรรยาของเจ้าหน้าที่รัฐในอนาคต เธอก็จะไปที่เมืองเตียนเฉิงในอนาคตด้วย จางอวี้เอ๋อจะขับรถพิเศษมารับเธออีกต่างหาก”
“ทันทีที่พี่ได้ยิน พี่รู้เลยว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่พอพี่ถามเธออีกครั้ง เธอก็ไม่พูดอะไรอีก”
หลังจากได้ยินแบบนี้ และเห็นการกระทำที่เย่ยหยิ่งของจางอวี้เอ๋อ เซี่ยชิงหยวนกับกงเหลียนซินก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
ตามคำพูดของจางอวี้เจียว ไม่ใช่ว่ามันชัดเจนแล้วหรือที่จางอวี้เอ๋อมีผู้ชายเป็นข้าราชการแล้ว?
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยิน เธอก็นึกถึงเสิ่นอี้โจวทันที
ท้ายที่สุดแล้ว ความคิดของจางอวี้เอ๋อที่เกี่ยวกับเสิ่นอี้โจวนั้นชัดเจนมาก
เซี่ยชิงหยวนส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “จางอวี้เจียวคนนั้นต่างหากที่ควรจะเป็นกังวล”
กงเหลียนซินรู้สึกสับสนกับคำพูดของเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “พี่สะใภ้เที่ยวเล่นอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวันเถอะนะ แล้วฉันจะให้พี่ได้ดูการแสดงดี ๆ เอง”
ในขณะที่พูด พวกเธอก็ไปถึงประตูร้านตรอกเก่า
เซี่ยชิงหยวนลงจากรถพร้อมกับอุ้มเซี่ยไป่เหิงลงมาด้วย “พี่สะใภ้ เราถึงแล้วค่ะ”
ความสนใจของกงเหลียนซินถูกดึงดูดจากร้านตรอกเก่า และเธอก็ลืมถามคำถามเซี่ยชิงหยวนไปครู่หนึ่ง
…
หลายชั่วโมงต่อมา
ในโรงแรมเล็ก ๆ แถบชายขอบเมืองเตียนเฉิง
ลมและฝนเพิ่งหยุดไป แต่กลิ่นราคะยังคงอบอวลอยู่ภายในห้อง
เห็นได้ชัดว่าเป็นเวลากลางวัน แต่ม่านก็ถูกดึงปิดไว้เพื่อไม่ให้แสงเข้ามา
เสื้อผ้าของชายและหญิงกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกอดกันอยู่บนเตียงบราวนี่ออนไลน์
หญิงสาวมีใบหน้าละเอียดอ่อน แต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ส่วนชายคนนั้นหัวล้านและดูสูงอายุ เขากำลังจุดบุหรี่ในมือ
เมื่อได้กลิ่นบุหรี่ และมองเห็นผิวหนังหย่อนคล้อยของชายคนนั้นใต้ฝ่ามือของเธอ จางอวี้เอ๋อก็แอบแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา
ชายชรามักจะสูบบุหรี่หลังจากเสร็จกิจ และเขาไม่ยอมให้เธอเปิดหน้าต่างเพราะกลัวว่าคนอื่นจะล่วงรู้ความลับระหว่างเขาและเธอ
ทุกครั้งที่เขาชวนเธอออกมา เขามักจะพาเธอมาที่แห่งนี้ สถานที่ที่แม้กระทั่งนกยังไม่มาขี้ ซึ่งทำให้เธอทรมานมาก
จางอวี้เอ๋อผลักเหอเส้าหยวนออกไป “เส้าหยวน สิ่งที่ฉันบอกคุณเมื่อกี้ คุณเห็นด้วยรึเปล่า?”
เหอเส้าหยวนรู้สึกระอาใจ
แต่เขาเพิ่งได้ผู้หญิงคนนี้และยังไม่เบื่อเธอ ดังนั้นเขาจึงยังพยายามเกลี้ยกล่อมเธอต่อ “ที่รัก ฉันก็ให้เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของโรงอาหารแล้วไง ยังไม่พอใจอีกเหรอ?”
จางอวี้เอ๋อยืดตัวขึ้น ผิวบริเวณหน้าอกเผยออกมา “ตำแหน่งแบบนั้นใครจะไปชอบได้กัน? ต้องวิ่งไปมาทั้งวันไม่ได้หยุดแถมตลาดก็เหม็นมาก แดดก็แรง จะให้ฉันทนทุกข์ทรมานแบบนี้ไปตลอดรึไง?”
เหอเส้าหยวนขมวดคิ้ว “แต่ตำแหน่งเลขานุการที่เธอพูดถึงนั้นมันค่อนข้างยากจริง ๆ นะ”
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจางอวี้เอ๋อไม่มีคุณสมบัติพอ แม้ว่าเธอจะทำได้ เขาก็ไม่กล้าที่จะย้ายเธอไปอยู่ใกล้ ๆ เสิ่นอี้โจวอยู่ดี
ครั้งก่อนในห้องอาหาร จางอวี้เอ๋อพยายามอย่างมากที่จะเกาะขาของเสิ่นอี้โจวไว้ให้ได้ และเขาก็ยังจำมันได้อยู่
แม้แต่ครั้งนี้ เธอก็ฉวยโอกาสตอนที่เขาเมา
ส่วนว่าเขารังแกเธอจริง ๆ หรือไม่ ใครจะพูดได้อย่างชัดเจนกัน? นอกจากนี้หากเธอไม่ต้องการ เธอก็สามารถตะโกนได้
วันนั้นมีคนมากมายในหอพักของศาลากลาง ใครไม่สามารถช่วยเธอได้บ้าง?
สรุปคือเขาเห็นผู้หญิงแบบนี้มามากเกินไป
มันก็ดีไม่น้อยที่ได้เปลี่ยนรสชาติสักครั้ง ตราบใดที่เธอเชื่อฟังและไม่สร้างปัญหาอะไร เขาก็สามารถเก็บเธอไว้ได้นานขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูไร้สาระของเหอเส้าหยวน จางอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมา
เธอมองเขาอย่างยั่วยวน “ก็ได้ ฉันเข้าใจว่าเรื่องงานมันอาจจะลำบากเกินไปสำหรับคุณ ถ้างั้นเรื่องหย่าคงจะพอเป็นไปได้ใช่ไหม? แค่บอกเวลามาหน่อยก็พอ คุณจะหย่ากับเมียของคุณเมื่อไหร่คะ?”
เมื่อเหอเส้าหยวนได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็โกรธขึ้นมาทันที วางบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ข้างเตียง แล้วพูดว่า “จู่ ๆ ฉันก็เพิ่งจำได้ว่ามีเรื่องต้องทำในที่ทำงาน ฉันขอกลับไปก่อนก็แล้วกันนะ”
ขณะที่เขาพูด ชายชราก็ผลักจางอวี้ออก สวมเสื้อผ้าและกำลังจะออกไป
จางอวี้เอ๋อแทบหายใจไม่ออกและตะโกนใส่ทันที “เหอเส้าหยวน!”
เหอเส้าหยวนตกใจมาก รีบปิดปากของจางอวี้อย่างรวดเร็ว “ที่รัก ระวังหน่อยสิ!”
เขาลดเสียงลง “เรื่องนี้จะต้องคุยกันในระยะยาว ถ้าฉันโดนไล่ออกจากตำแหน่ง เธอจะยังสามารถเพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์ และความมั่งคั่งไปกับฉันได้ยังไงล่ะ?”
เมื่อเห็นสีหน้าของจางอวี้อ่อนลง เขาจึงโน้มน้าวต่อไป “นี่ ให้เวลาฉันเพิ่มอีกหน่อยเถอะ ฉันสัญญาว่าจะทิ้งภรรยาของฉันแน่นอน!”
หลังจากได้ยินคำรับรองของเหอเส้าหยวนแล้ว จางอวี้เอ๋อก็ยอมแพ้ เธอแสร้งทำเป็นรู้สึกผิดและพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ แต่ต้องจำไว้ว่าคุณต้องไม่ให้ฉันรอนานเกินไปนะ”
เหอเส้าหยวนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “แน่นอน ๆ”
เมื่อเห็นเหอเส้าหยวนออกไป สีหน้าสอพลอของจางอวี้เอ๋อก็หายวับทันที เธอเขวี้ยงข้าวของด้วยความเดือดดาล “ให้ตายเถอะ!”
….
กงเหลียนซินไม่เคยหยุดสงสัย ตั้งแต่ที่เซี่ยชิงหยวนบอกให้รอดูการแสดงดี ๆ
แต่ทุกครั้งที่เธอถามเซี่ยชิงหยวน อีกฝ่ายจะตอบว่า “พี่สะใภ้ ฉันแค่คาดเดาน่ะ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรในการสืบอยู่ดีนะ”
กงเหลียนซินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระงับความอยากรู้อยากเห็น และรอวันแล้ววันเล่า
จนกระทั่งหนึ่งสัปดาห์ต่อมาในตอนเช้า เธอและเซี่ยชิงหยวนได้พบกับเติ้งซูอี้และผู้หญิงอีกคนที่หน้าบ้าน
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้พวกเธอแล้วพูดว่า “ผ้าพันคอของคุณสวยมากเลยนะคะ”
เธอดึงเติ้งซูอี้ที่อยู่ข้าง ๆ เข้ามา “ดูสิ มันสวยเนอะ?”
ทุกครั้งที่เติ้งซูอี้เห็นเซี่ยชิงหยวน เธอจะไม่พูดอะไรสักคำ ทำให้บรรยากาศดูน่าอึดอัดมาก
ถ้าเธอไม่ได้รู้จักเติ้งซูอี้มาหลายปี เธอเองก็คงไม่อยากคุยด้วย
เมื่อได้ยินแบบนี้ เติ้งซูอี้ตอบเพียง “ฮึ่ม”
เห็นแบบนั้นแล้วผู้หญิงแปลกหน้าก็ลอบถอนหายใจ “ช่างเถอะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มอย่างสงบ “ผ้าพันคอของเราไม่สามารถเทียบได้กับของคุณนายเหอหรอกค่ะ”
เติ้งซูอี้ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เซี่ยชิงหยวนถึงชมเชยตน แต่เธอก็เชิดคางขึ้นอย่างมีความสุขอีกครั้ง
เธอพูดอย่างมีชัย “นี่มันคือของที่สามีฉันซื้อกลับมาให้จากการเดินทางไปทำงานครั้งล่าสุดน่ะ เขายังบอกอีกว่ามันเป็นงานฝีมือพิเศษที่ไม่เหมือนใครและมันทำมาจากขนสัตว์”
“จริงเหรอคะ?” เซี่ยชิงหยวนทำหน้าตาดูประหลาดใจมาก “แต่ทำไมเหมือนว่าฉันเคยผ้าพันคอที่คล้ายกับของคุณมากที่ไหนสักแห่งมาก่อนเลยนะ”
เติ้งซูอี้พูดทันที “เป็นไปไม่ได้ สามีของฉันบอกว่ามันมีแค่ชิ้นเดียว!”
เซี่ยชิงหยวนมองดูผ้าพันคอด้วยสายตาที่จริงจัง “มันก็จริง ฉันจำได้คร่าว ๆ ว่าสีแตกต่างออกไป แต่นอกนั้นทุกอย่างก็เหมือนกันทุกประการ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนพูดคำเหล่านี้ กงเหลียนซินรู้สึกว่าเธอดูเหมือนจะสอดแนมความลับบางอย่าง
เธอยืนอยู่ข้าง ๆ และหายใจเบา ๆ
เติ้งซูอี้ถามทันที “เธอเห็นมันที่ไหน?”
……………………………………………………………………………………………………..
**เปลี่ยนเวลาลงเป็น 16.00 น.