บทที่ 267 เสิ่นอี้โจวจะเป็นพ่อที่ดี
บทที่ 267 เสิ่นอี้โจวจะเป็นพ่อที่ดี
เซี่ยชิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นอี้โจว เขาคว้าเธอแล้วผลักเข้าทางประตู
มีกลิ่นเหล้าจาง ๆ จากปากของเขา ซึ่งจางหายไปในครู่หนึ่ง
เธอจับเสื้อบนหน้าอกเขาแน่น ทั้งกังวลและคาดหวัง
โชคดีที่เซี่ยชิงหยวนไม่ได้เปิดไฟดวงใหญ่ในห้องนั่งเล่น เปิดเพียงไฟดวงเล็กไว้ที่ทางเข้าเท่านั้น
แสงสีเหลืองอ่อนไม่สว่างมากนัก ให้ความรู้สึกคลุมเครือและซ่อนเร้น
ถึงกระนั้น เธอก็ยังกังวลว่าอาจมีใครตื่นขึ้นมาเห็นพวกเขากำลังพลอดรักกันอยู่ตรงนี้ได้
เธอรู้ว่าควรผลักเขาออกไป
หรืออย่างน้องก็เกลี้ยกล่อมเขาเข้าไปในห้อง
แต่…ก็อย่างที่เธอพูดเมื่อกี้ เธอคิดถึงเขา
หลังจากคิดแบบนั้น หญิงสาวก็โอบแขนรอบคอเขาก่อนจะพยักหน้า
เสิ่นอี้โจวไม่ยอมปล่อยภรรยา จนกระทั่งอากาศในปอดของเธอถูกดูดออกไปจนเกือบหมด
น้ำลายเคลือบอยู่บนริมฝีปากของทั้งคู่ และเมื่อพวกเขาผละจากกัน ดวงตาของเสิ่นอี้โจวก็มืดลง เขาจ้องมองริมฝีปากสีแดงก่ำของเซี่ยชิงหยวน อยากจะจูบอีกครั้ง
“อย่า” เซี่ยชิงหยวนหายใจไม่ทันจึงเอื้อมมือไปยังริมฝีปากของเขาไว้
ดวงตาของเขาขุ่นมัวเหมือนมีหมอกหนาและจ้องมองเธอออดอ้อน
“พี่สะใภ้และไป่เหิงอยู่ที่นี่ ระวังว่าพวกเขาจะเห็นเราด้วยสิ”
เมื่อได้ยินคำพูดที่คล้ายกันอีกครั้ง เสิ่นอี้โจวอยากจะเถียงว่าตอนนี้มีเพียงพวกเขาทั้งสองอยู่ตามลำพังข้างนอกเท่านั้น
เขาจูบหน้าผากเรียบเนียนของเธอ “เอาล่ะ ผมจะไม่สร้างปัญหาให้คุณอีกก็ได้”
เซี่ยชิงหยวนผลักเขาออก “มันดึกแล้ว คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ตกลง”
หลังจากเสิ่นอี้โจวไปอาบน้ำแล้ว เธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เขายังไม่ได้ตอบคำถามเธอว่าได้ดื่มหรือเปล่า
เมื่อมองดูประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ เธอก็ตบหน้าผากตัวเอง
ใช่ ชายคนนี้ดื่มเหล้ามานั่นแหละ
เธอได้กลิ่นเหล้าจาง ๆ ในปากของเขา อีกฝ่ายคงดื่มมาแต่อาจจะไม่มาก
วันนี้เซี่ยชิงหยวนก็เหนื่อยมากเช่นกัน เธอกลับไปที่ห้องและหลับไปโดยไม่รอให้เสิ่นอี้โจวอาบน้ำเสร็จ
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เซี่ยชิงหยวนก็ได้ยินเสียงดังที่นอกประตูแล้ว
เธอเปิดประตูและเห็นว่าเป็นเสิ่นอี้โจว กับเด็กชายทั้งสองคนในบ้าน
เสิ่นอี้โจวกำลังใช้แส้เล่นลูกข่างอยู่บนพื้น
เสียงแหลมดังขึ้นตอนเขาฟาดแส้เข้าที่ด้านบนของลูกข่าง ทำให้มันยิ่งหมุนเร็ว
เขาโบกแส้ในมือขณะสอนเด็กสองคนให้รู้วิธีตีแส้ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าบราวนี่ออนไลน์
เมื่อเห็นอย่างนั้น เสิ่นอี้หลินและเซี่ยไป่เหิงที่รายล้อมก็อดไม่ได้ที่จะปรบมืออย่างตื่นเต้น
“พี่ใหญ่น่าทึ่งมากเลย!”
“อาเขยสุดยอดมาก!”
เซี่ยชิงหยวนยืนมองดูอยู่ข้าง ๆ จนไม่อยากผละสายตาออกไป
เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่าหากพวกเธอมีลูกด้วยกัน เสิ่นอี้โจวจะต้องเป็นพ่อที่ดีมากแน่
กงเหลียนซินกำลังช่วยทำงานบ้าน เธอผ่านมาเห็นสายตาของเซี่ยชิงหยวนก็อดหยอกล้อไม่ได้ “ดูน้องเขยของพี่สิ เขาเลี้ยงเด็กเก่งมากจริง ๆ ตอนเธอสองคนมีลูก ปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาเลี้ยงได้เลย”
เนื่องจากที่ชนบทมีผู้ชายตั้งกี่คนที่รู้แต่วิธีทำงานหนักนอกบ้าน และปล่อยงานในบ้านกับลูก ๆ ทิ้งไว้ให้ภรรยารับผิดชอบเพียงลำพัง?
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็ยิ้มกริ่มและพยักหน้า ความปรารถนาสะท้อนในดวงตาของเธอ “ใช่ค่ะ”
ตั้งแต่กลับมาจากเมืองหลวงของมณฑลครั้งที่แล้ว เธอก็มั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับการมีลูก
เสิ่นอี้โจวยังคงต้องกินยาอีกระยะหนึ่งเพื่อให้อาการของเขาดีขึ้น และแผนการวางแผนครอบครัวที่เขาโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ก็ถูกยกกลับมาอีกครั้ง
อีกทั้งเขายังเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกาย ทำให้ภูมิคุ้มกันและสมรรถภาพทางกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
เซี่ยชิงหยวนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้
เธอรู้ว่าเขาต้องการมีลูกที่แข็งแรงร่วมกับเธอ
ขณะที่ผู้หญิงทั้งสองกำลังคุยกัน เซี่ยไป่เหิงเป็นคนแรกที่เห็นเซี่ยชิงหยวน
เขาวิ่งมากอดเอวของหญิงสาวทันที “คุณอา!”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มกว้างพลางกอดหลานชายคนโตของเธอที่โยนตัวเองเข้ามาในอ้อมแขนตั้งแต่เช้า
เธอลูบหัวเขาแล้วถาม “สนุกไหม?”
เซี่ยไป่เหิงนึกถึงลูกข่างที่เขายังคงเล่นอยู่ได้ จึงวิ่งกลับไปที่ด้านข้างของเสิ่นอี้โจว “มันสนุกดีครับ อาเขยเหวี่ยงแส้และลูกข่างก็หมุนด้วย”
เซี่ยชิงหยวนจ้องมองไปที่เสิ่นอี้โจว และเขาก็บังเอิญมองกลับมาหาเธอเช่นกัน
ดวงตาของทั้งสองสบกันกลางอากาศ และมันก็ไม่อาจละจากกันได้อยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า กงเหลียนซินก็อดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอ
ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างน้องสามีกับน้องเขยของเธอจะดีจริง ๆ
หลังจากนี้เมื่อถึงเวลาที่เธอกลับไปที่หมู่บ้านซิ่งฮวา แล้วครอบครัวถามถึงเรื่องนี้ เธอบอกกับทุกคนแน่นอน
เสิ่นอี้หลินมองไปที่เซี่ยไป่เหิงที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของเซี่ยชิงหยวน
มุมตาของเขากระตุกครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเองก็อยากทำตัวราวกับเด็กทารกเหมือนเซี่ยไป่เหิงที่ข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของพี่สะใภ้บ้าง
แม้พี่ชายของเขาจะไม่มีกลิ่นเหม็น แถมยังมีกลิ่นหอมที่อธิบายไม่ถูก แต่ร่างกายของเขาแข็งอย่างกับเหล็ก กอดแล้วไม่สบายเลยสักนิด
ไม่เหมือนกับพี่สะใภ้ที่ทั้งหอมและนุ่มนิ่ม
ยังไงซะ ครั้งล่าสุดหลังจากที่เขากอดพี่สะใภ้เพียงครั้งเดียว พี่ชายก็ลากออกไปอบรมที่สนามบ้านนานกว่าครึ่งชั่วโมง
โดยรวมพี่หมายความว่าเขาโตแล้ว และไม่สามารถทำตัวเหมือนเด็กในอ้อมแขนของพี่สะใภ้ได้อีกต่อไป
แม้จะเป็นแบบนั้น เซี่ยไป่เหิงก็อายุน้อยกว่าเขาเพียงหนึ่งปี แต่ทำไมกลับทำได้ล่ะ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ริมฝีปากเล็กของเสิ่นอี้หลินก็เบ้ออกมา
แน่นอนว่าเซี่ยชิงหยวนไม่รู้ถึงความคิดเล็กคิดน้อยของเสิ่นอี้หลินแม้สักนิด
เธอลูบหัวเขา “พาไป่เหิงไปล้างตัวเถอะ แล้วหลังอาหารเช้าพี่สะใภ้จะพานายไปโรงเรียนเองนะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้หลินพลันมีความสุข เขาเหลือบมองเซี่ยไป่เหิง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยชิงหยวน “เขาจะไปด้วยรึเปล่า?”
หากนับตามลำดับอาวุโส เสิ่นอี้หลินมีลำดับสูงกว่าเซี่ยไป่เหิงสองขั้น เขาเป็นน้องชายของเสิ่นอี้โจว ดังนั้นเซี่ยไป่เหิงมีศักดิ์เป็นหลานชายของเขา
แต่ตัวเขาเองยังเป็นเด็ก และเขาก็ไม่สามารถเรียกไป่เหิงว่าหลานได้จริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ไป่เหิงก็อยากเห็นโรงเรียนของนาย โรงเรียนของนายสวยมาก นายช่วยพาเขาไปดูได้ไหม?”
เสิ่นอี้หลินเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน!”
หลังรับประทานอาหารเช้าแล้ว เซี่ยชิงหยวนขี่รถสามล้อพากงเหลียนซินและเด็กน้อยทั้งสองไปโรงเรียน
หลินตงซิ่วกังวลว่าเซี่ยชิงหยวนจะไม่สามารถบังคับรถที่บรรทุกคนจำนวนมากได้ ดังนั้นเธอจึงยืนกรานปฏิเสธที่จะนั่งบนรถ
พอเห็นแบบนี้เสิ่นอี้โจวจึงบอกให้เสี่ยวหลิวเป็นคนไปส่งเธอที่ทางเข้าตลาด
เมื่อพวกเขาไปถึงประตูโรงเรียน เสิ่นอี้หลินก็ชี้ไปที่อาคารเรียนของเขา และวิ่งเข้าไปในโรงเรียนอย่างมีความสุข โดยมีกระเป๋านักเรียนอยู่บนหลัง
เซี่ยไป่เหิงมองไปที่โรงเรียนประถม ซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนแถวบ้านของเขาอย่างสิ้นเชิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
เขาจับมือกงเหลียนซิน ดวงตาของเขาไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อน
“แม่ ผมอยากเรียนที่โรงเรียนแบบนี้ด้วย!”
กงเหลียนซินมีความคิดนี้อยู่แล้วเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อได้ยินเซี่ยไป่เหิงพูดแบบนี้เธอจึงรู้สึกอึดอัด
เธอจับมือลูกชายคนโตแน่นแล้วพูดว่า “ตกลง ถ้าลูกเรียนหนักมากพอ แม่จะให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนแบบนี้ในอนาคต ตกลงไหม?”
ความฝันของเด็กนั้นบริสุทธิ์และสวยงามมาก ซึ่งเธอรู้สึกว่าไม่ควรต้องหยุดชะงัก ให้เด็กละทิ้งความฝัน เพียงเพราะความสามารถของเธอเอง
คนเราจะรู้ได้อย่างไรเล่าว่ามันจะทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ลอง?
เซี่ยชิงหยวนดูฉากนี้ เธอยิ้มและไม่ได้พูดอะไร
เธอต้องการให้พ่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ ย้ายจากชนบทเข้ามาอยู่ในที่ต่าง ๆ เช่น เมืองเตียนเฉิง หรือเมืองหลวงของมณฑล
แต่ชายชรายึดติดกับบ้านเกิด พี่ใหญ่เป็นคนซื่อสัตย์สมถะและมีความรับผิดชอบ ส่วนพี่รองก็ยังดูแลตัวเองแทบไม่ได้ ดังนั้นคนเดียวที่จะเป็นผู้นำในเรื่องนี้ได้คือกงเหลียนซิน
ตราบใดที่กงเหลียนซินตัดสินใจและผลักดันตัวเอง เรื่องอื่น ๆ ก็คงไม่ยาก
ผู้ใหญ่ทั้งสองมีความกังวลของตัวเอง ในขณะที่เซี่ยไป่เหิงมองไปในทิศทางของโรงเรียนอย่างไม่เต็มใจ และคิดว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือให้ได้จริง ๆ ในอนาคต
กงเหลียนซินมองดูบ้านเรือนที่กระจัดกระจายไปตามถนน ท้องถนนที่พลุกพล่านด้วยผู้คน และเมล็ดพืชที่ปลูกไว้เมื่อนานมาแล้วก็งอกเงยจนทะลุพื้นดิน
ทันทีที่ทั้งสองเข้าไปในตลาด กงเหลียนซินอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ตลาดนี้ใหญ่มากเลยนะ!”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ตลาดแห่งนี้ใหญ่ที่สุดในเมืองเตียนเฉิงเลยค่ะ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองพ่อค้าแม่ค้าทั้งสองข้างทาง “พูดตรง ๆ นี่คือตลาดที่ครอบคลุมการขายทุกอย่างเลย”
กงเหลียนซินพยักหน้า “การค้ากำลังเฟื่องฟูจริง ๆ”
เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจ “ร้านของฉันเปิดอยู่ข้างในตลาด ถ้าไม่มีผู้คนหลั่งไหลมาขนาดนี้ ฉันเกรงว่าร้านของฉันก็คงดำเนินต่อไปไม่ได้เหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะเต็มใจซื้อสลัดเย็นที่มีราคาหลายเหมาต่อจิน
กงเหลียนซินกับเซี่ยไป่เหิงไม่สามารถหยุดดูภาพตรงหน้าได้ และมีไม่รู้กี่ครั้งที่พวกเขาอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
แต่ทันใดนั้น กงเหลียนซินก็เห็นอะไรบางอย่างจึงกระซิบว่า “นั่นมันจางอวี้เอ๋อ น้องสาวของจางอวี้เจียวไม่ใช่เหรอ?”
———————